โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

บทที่91 รับรุ่ยรุ่ยจากโรงเรียน

บทที่91 รับรุ่ยรุ่ยจากโรงเรียน

ในห้องทำงาน หนานฉิงควงแขนฉูเจ๋อหยางอย่างแนบแน่น เสียงอันไพเราะทางด้านข้างเขาถามขึ้นว่า “อาเจ๋อ คุณกับเวยเวยเข้ากันได้เป็นอย่างไรบ้าง เวยเวยเป็นเพื่อนสนิทของฉัน ฉันไม่สามารถรังแกเธอได้”

ฉูเจ๋อหยางมองเธออย่างเฉยเมยและพูดอย่างคลุมเครือแค่สองคำ “เพื่อนรึ” เขายื่นมือออกหยิบเสื้อคลุมและเดินออกไปข้างนอก

หนานฉิงนิ่งอึ้งไป อาเจ๋อหมายความว่าอย่างไร ถึงได้ถามว่าเธอเห็นเวยเวยเป็นเพื่อนสนิทอย่างนั้นรึ

ไม่รู้ทำไม เธอรู้สึกอารมณ์เสียขึ้นมา อาเจ๋อไม่น่าจะมองออก เธอปกปิดไว้เป็นอย่างดี แม้แต่…

หนานฉิงตั้งสติ ฉูเจ๋อหยางกำลังจะเดินถึงประตู เธอจึงรีบตามออกไป ไม่ถ้าที่จะถามอะไรอีก

“ปิ๊นปิ๊น” เสียงแตรรถดังขึ้นสองครั้ง

ซือซือยื่นหน้าออกมา เธอตะโกนใส่ผู้หญิงที่กำลังใจลอยอยู่ “เวยเวยเธอจะไปไหนน่ะ”

“ไม่ ไม่ได้ไปไหน” เป้ยฉ่ายเวยเงยหน้าและเพิ่งรู้ตัวว่าตนเองเดินมาไกลแล้ว เธอเดินผ่านหน้ารถไปอย่างใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เปิดประตูรถและเข้าไปนั่ง

ซือซือเห็นว่าเป้ยฉ่ายเวยดูไม่ค่อยปกติ “ทำไมเดินใจลอยอย่างนี้ล่ะ”

เธอถามอย่างจริงจัง “ใช่เพราะสุนัขสองตัวคู่นั้นทำความลำบากใจให้เธอรึเปล่า”

ตอนที่เธอขับรถออกมา เหมือนกับว่าเธอจะเห็นฉูเจ๋อหยางและหนานฉิงเดินตามกันออกมา

“เปล่านี่ สายแล้ว เราไปรับรุ่ยรุ่ยกันเถอะ” เป้ยฉ่ายเวยไม่อยากให้ซือซือเป็นห่วงเธอจึงเลือกที่จะเปลี่ยนเรื่อง

“เฮ้อ เธอก็แค่แกล้งทำเป็นไม่เป็นไร” ซือซือตะโกนด้วยเสียงขึ้นจมูก เธอสตาร์ทรถออกออกรถไป

รุ่ยรุ่ยเป็นคลาสเรียนเด็กเล็ก อาจารย์ต้องได้รับการยืนยันตัวตนก่อนที่จะรับออกไปได้

เธอเห็นเจ้าขนมปังสีขาวกำลังจ้องมองประตูอยู่ตั้งแต่ระยะไกลๆ เมื่อเขามองเห็นเป้ยฉ่ายเวย เขาก็โบกมือให้และพูดว่า “แม่ ผมอยู่นี่”

“รุ่ยรุ่ย แม่กับป้ามารับลูกหลังเลิกเรียนจ๊ะ” เป้ยฉ่ายเวยผ่อนคลายความตึงเครียดและเปลี่ยนเป็นอารมณ์ดีเมื่อเห็นใบหน้าน้อยๆของรุ่ยรุ่ย

เมื่อทำขึ้นตอนการรับเสร็จเรียบร้อย เป้ยฉ่ายเวยก็เข้าไปจูงมือรุ่ยรุ่ย “รุ่ยรุ่ยบอกลากับคุณครูก่อนครับ”

“สวัสดีครับครูมู่มู่” เสียงเด็กน้อยของรุ่ยรุ่ยพูดขึ้น

ครูรุ่ยรุ่ยเห็นใบหน้าน้อยๆอันจริงจังของรุ่ยรุ่ย ครูอดไม่ได้ที่จะยิ้ม “สวัสดีครับรุ่ยรุ่ย”

เป้ยฉ่ายเวยก็บอกลาคุณครู แล้วก็จากไป

“เด็กน้อยวันนี้โรงเรียนอนุบาลสนุกไหมครับ” ซือซือจับมือรุ่ยรุ่ยและถามเขา

รุ่ยรุ่ยทำปากจู๋จากนั้นก็พูดด้วยเสียงอันไร้เดียงสา “ไม่ค่อยสนุก”

“ทำไมล่ะ” เป้ยฉ่ายเวยถามอย่างไม่เข้าใจ

“พวกเขาเด็กน้อยเกินไป น่ารำคาญ” รุ่ยรุ่ยพูดพลางขมวดคิ้ว

“ฮ่าฮ่า ก็เพราะว่ารุ่ยรุ่ยน่ารักเกินไปน่ะสิ” ซือซืออดไม่ได้ที่จะหัวเราะเสียงดัง

เป้ยฉ่ายเวยคิดถึงภาพนั้นเธอก็หัวเราะขึ้นมา และพูดขึ้นอย่างอดกลั้น “รุ่ยรุ่ยเด็กดี นี่เป็นวิธีที่เพื่อนๆบอกว่าชอบรุ่ยรุ่ยๆนะ รุ่ยรุ่ยอย่าทำให้เพื่อนๆเสียความตั้งใจสิ”

รุ่ยรุ่ยเงียบไปสองสามวินาทีและตอบอย่างไม่เต็มใจ “แม่ ผมรู้แล้วครับ”

เป้ยฉ่ายเวยแอบขำท่าทางเคร่งเครียดของเขา เห็นได้ชัดว่าเด็กชอบทำตัวเป็นผู้ใหญ่ เห็นแล้วน่ารักน่าชัง

“ไปกันเถอะ นักเรียนรุ่ยรุ่ยตัวโตของพวกเรา” ซือซือพร้อมออกเดินทาง

“กลับบ้านกัน” รุ่ยรุ่ยก็โบกแขนเล็กๆของเขาอย่างมีความสุข

เมื่อเห็นใบหน้าน้อยๆของรุ่ยรุ่ย เป้ยฉ่ายเวยบอกกับตัวเองว่าทุกสิ่งที่เธอยืนหยัดมาช่างเป็นสิ่งที่คุ้มค่า

เพราะว่าความสัมพันธ์ที่มีกับรุ่ยรุ่ย ทำให้ซือซือได้รับอานิสงค์ไปด้วย ตอนนี้มีคนทำอาหารเย็นให้เสร็จแล้ว รอแค่รับประทานก็พอ

“รุ่ยรุ่ย เธอจะแต่งงานกับผู้หญิงที่ทำกับข้าวไม่เป็นไหม”

“ไม่” หัวเล็กๆของรุ่ยรุ่ยตั้งชันอยู่บนของโซฟา เขาหันไปทางห้องครัวโดยไม่หันหลับไป

ซือซือถามต่ออย่างไม่ยอมแพ้ “ถ้าเป็นผู้หญิงที่สวยมาก แต่ทำกับข้าวไม่เป็น เธอจะว่ายังไง”

รุ่ยรุ่ยหันหน้าไปมองซือซือและตอบช้าๆอย่างจริงจัง “ไม่ครับ”

ซือซือรู้สึกว่าตัวเองมีแผลหมื่นกว่าแห่ง เธอรู้ว่าไม่ควรจะเก็บเอาความคิดเห็นเด็กเอามาใส่ใจ แต่เธอก็ยังอดไม่ได้ที่จะถาม “ทำไมล่ะ”

“คุณป้า ไม่ชอบหรอครับเวลาที่กลับมาบ้านแล้วมีคนทำอาหารให้ทาน” รุ่ยรุ่ยตอบอย่างง่ายดาย

ซือซือไม่พูดอะไร เลิกงานกลับบ้านแล้วมีคนทำอาหารรออยู่ มันช่างเป็นความรู้สึกที่ยอดเยี่ยมจริงๆ แต่ว่าเธอทำกับข้าวไม่เป็นนี่ แต่ว่าไม่นานนักเธอก็สามารถหาเหตุผลมาปลอบใจตัวเองได้

“รุ่ยรุ่ย ความจริงผู้หญิงสวยก็พอแล้ว ทำกับข้าวหรือว่างานอื่นๆที่ต้องใช้แรงก็ปล่อยให้คนอื่นทำไปได้”

รุ่ยรุ่ยจ้องมองด้วยดวงตาใหญ่สีองุ่นเข้ม “คุณป้า กำลังหาข้อแก้ตัวให้ตัวเองอยู่หรอครับ”

ซือซือถอยหน้าสวยของเธอไปจนเกือบติดกำแพงเมื่อถูกจ้องมองโดยเด็กอายุยังไม่ถึงสี่ขวบจ้องเอา “รุ่ยรุ่ย เธอยังไม่ค่อยเข้าใจเรื่องของผู้ใหญ่หรอก”

รุ่ยรุ่ยเงยหน้าขึ้น เขาแสดงท่าทางครุ่นคิดและตอบว่า “คุณป้า ผมคิดว่าผมค่อนข้างเข้าใจนะ”

“เธอเข้าใจหรอ ไหนลองพูดมาให้ป้าฟังหน่อย” ซือซืออยากจะเปิดใจรับฟังเด็ก ดังนั้นเธอจึงคิดว่าเธอควรรับฟังสิ่งที่เด็กน้อยพูดมากขึ้น

“ผมรู้ หน้าตาผมเหมือนพ่อที่ไม่ได้เรื่อง ผมรู้ว่าแม่ลำบากเพื่อผมมามากแค่ไหน ที่จริงผมก็ไม่ถือสาถ้าแม่จะมีแฟน”

รุ่ยรุ่ยพูดถึงเรื่องราวต่างๆด้วยน้ำเสียงอันอ่อนโยนไม่ประสีประสา

แต่เมื่อซือซือได้ยิน ราวกับได้ยินเสียงฟ้าผ่าลงบนพื้นดิน ไม่เพียงแต่ตกตะลึงเท่านั้น แต่เธอยังทุกข์ใจอย่างที่บรรยายออกมาไม่ได้

เสียงของเธออ่อนลงโดยที่ไม่รู้ตัว “รุ่ยรุ่ย ทำไมพูดอย่างนี้ล่ะ”

“ง่ายจะตาย ก็บางทีแม่ก็ชอบจ้องหน้าผมแล้วก็เหม่อลอย บางทีก็แอบไปทายาอยู่ในห้องตัวเอง ผมเห็นหมดล่ะ” รุ่ยรุ่ยก้มหน้าตอบซือซือทำตามรุ่ยรุ่ย วางใบหน้าของเธอไว้บนโซฟาและหันไปหาเขา “แม่เธอรู้รึเปล่าว่าเธอรู้ทั้งหมดนี่น่ะ”“แม่ไม่รู้ ผมไม่อยากให้แม่เป็นห่วง” รุ่ยรุ่ยส่ายหัวซือซือนิ่งเงียบไปครู่หนึ่งและถามอย่างลังเล “รุ่ยรุ่ยไม่อยากรู้จริงจริงหรอว่าพ่อตัวเองเป็นใคร ถ้าหากเธออยากรู้จริงๆล่ะก็ แม่เธอก็พร้อมที่บอกอย่างแน่นอน”“ไม่อยากรู้”รุ่ยรุ่ยเงยหน้าขึ้น และมองไปที่เงาหลังคนที่กำลังวุ่นวายอยู่ในครัว ปากเขาขยับเล็กน้อย“ถ้าหากว่าพ่อรักแม่จริงๆ พ่อคงไม่คำให้แม่ลำบาก แม่คงไม่ได้ปิดบังเรื่องของผมกับพ่อ ทำไมผมจะต้องต้องการใครหน้าไหนก็ไม่รู้ที่รังแกแม่ของผมด้วยล่ะ”ซือซือค้นพบว่าเธอไม่ควรที่จะมองข้ามเด็กสามขวบ ทักษะในการให้เหตุผลของเขา ทำให้เธอหาข้อหักล้างไม่ได้เด็กน้อยเป็นสิ่งมีชีวิตที่อ่อนไหวมากที่สุด ถึงแม้ว่าเธอจะไม่ได้พูด แต่หัวใจน้อยๆของเขาก็สังเกตเห็นได้เมื่อเป้ยฉ่ายเวยทำอาหารจานสุดท้ายเสร็จ เธอก็เห็นว่าทั้งสองนั่งคุยกันอยู่บนโซฟา เธอจึงพูดติดตลกว่า “พวกเธอคุยอะไรกัน ดูเครียดกันเชียว”“มันเป็นความลับของเราสองคน ใช่มั๊ยรุ่ยรุ่ย” ซือซือกระพริบตาให้เขา“อื้อ” รุ่ยรุ่ยพยักหน้าอย่างจริงจัง

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์