โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

บทที่92 ไม่พูดขณะทานข้าวครับ

บทที่92 ไม่พูดขณะทานข้าวครับ

“ช่างมัน ถ้าอย่างนั้นพวกเธอก็เก็บความลับให้ดีล่ะ มารีบทานข้าวเถอะ” เป้ยฉ่ายเวยยิ้มอย่างเสียไม่ได้

ซือซือกลับมาทำท่าซังกะตายอีกครั้ง เธอจูงรุ่ยรุ่ยตัวน้อยไปยังโต๊ะอาหาร

ซือซือมองดูอาหารที่กลิ่นเย้ายวนบนโต๊ะ เธออดไม่ได้ที่จะอุทานออกมา “เวยเวย เกิดอะไรขึ้นกับเธอวันนี้ ทำอาหารน่าทานมากมายขนาดนี้”

“ฉันว่าพรุ่งนี้จะเอาอาหารไปที่บริษัท พอดีมีตู้เย็นที่ยังใช้งานได้อยู่ในห้องพักผ่อน ฉันเห็นเพื่อนร่วมงานคนอื่นก็เอามาเหมือนกัน ซือซือ เธออยากให้ฉันเตรียมให้เธออีกชุดหนึ่งไหม” เป้ยฉ่ายเวยอธิบาย

“ไม่เอา ไม่อยากกินอาหารไมโครเวฟ ฉันอยากกินสดๆมากกว่า” ซือซือพูดพลางยื่นมือไปหยิบถั่วเขียวบีบเข้าปาก

เธอทานโดยไม่ยอมหยุดปาก “เวยเวย ทักษะการทำอาหารของเธอดีขึ้นนะ ใครได้แต่งงานกับเธอต้องมีความสุขมากแน่ๆ”

ซือซือพูดแล้วก็รู้สึกว่าบรรยากาศชอบกล เธอจึงหัวเราะและพูดต่อว่า “ไม่อย่างนั้นเธอแต่งงานกับบ้านของเราไหม ฉันรอได้ยินคำนี้อยู่”

“คุณป้า อย่าทานไปพูดไปครับ” รุ่ยรุ่นนั่งอยู่ที่เก้าอี้ของตัวเองและพูดขึ้นช้าๆ

ซือซือหน้าแดงและนั่งอยู่กับที่ตัวเองดีดีเพื่อทานต่อไป

เป้ยฉ่ายเวยอดหัวเราะไม่ได้ รุ่ยรุ่ยตัวน้อยคนนี้ช่างทำให้คนหลงได้เสียจริงๆ

“ได้ยินรึยังซือซือ เธอนี่สู้รุ่ยรุ่ยไม่ได้เลยนะ”

ซือซือคำรามออกมาโดยไม่พูดจา ยกตะเกียบขึ้นมาทำท่าทางขอร้อง

เป้ยฉ่ายเวยรู้ว่าเธออาย จึงไม่ได้พูดอะไรอีก

ทั้งสามทานอาหารมื้อนั้นอย่างสงบสุข

เป้ยฉ่ายเวยยังทำความสะอาดห้องครัวอยู่ ระหว่างนั้นเธอก็ปอกผลไม้ยื่นให้พวกเขาในห้องนั่งเล่น ผู้ใหญ่และเด็กนั่งดูการ์ตูนกันอยู่ มีเสียงหัวเราะดังเป็นพักๆ

เธออดเตือนไม่ได้ “อย่าสนใจแต่ทีวี ทานผลไม้ด้วย”

“รู้แล้วครับแม่” ลุ่ยลุ่ยก็กัดแอปเปิลไปหนึ่งคำ

ซือซือพยักหน้าโดยไม่หันไปมอง สักพักเธอก็ตบโซฟาหัวเราะอย่างบ้าคลั่งไม่หยุด

เป้ยฉ่ายเวยไม่รู้จะพูดอะไรอีกแล้ว ไม่รู้ว่าใจเธอคิดอะไรอยู่

ซือซือยังคงหัวเราะอยู่ เธอจึงอดไม่ได้ที่จะเหลือบมองไปในทีวี เห็นคนถูกหมูป่าวิ่งไล่ตาม เสียงหัวเราะนี้มันมากเกินไปไหม

“คุณป้า น้ำลายไหลออกมาแล้ว” รุ่ยรุ่ยขยับหนีไปทางด้านข้างเล็กน้อย

“ขอโทษ ขอโทษที ฉันคุมตัวเองไม่ได้ ไอ้ตัวนั้นมันโง่จริงๆ” ซือซือหัวเราะจนน้ำตาเล็ดออกมา

รุ่ยรุ่ยพูดอย่างไร้เดียงสา “คุณป้าเด็กมากเลยนะครับ”

ซือซือไม่พอใจขึ้นมาแล้ว เธอคว้าร่างน้อยๆของรุ่ยรุ่ยไว้ มือก็ตีไปเบาๆ “เพี๊ยะ” ในใจเธอนึกอิจฉา ผิวเด็กน้อยนี่ชั่งนุ่มนวลจริงๆ เหมือนกับสีน้ำนม

“ดูสิเธอเกลียดป้ารึเปล่า”

“ป้าอย่าจั๊กจี๋รุ่ยรุ่ย” รุ่ยรุ่ยหัวเราะไม่หยุดและยังขอความช่วยเหลือจากเป้ยฉ่ายเวย “ฮ่าฮ่า จั๊กจี๋จังเลย แม่ช่วยด้วย”

เป้ยฉ่ายเวยเห็นว่าเริ่มดึกแล้ว เธอ “ช่วยเหลือ” รุ่ยรุ่ยออกจากซือซือและพูดขึ้นว่า “เล่นจนเหงื่อเปียกหมดแล้ว แม่ไปรองน้ำให้อาบ อาบน้ำเสร็จจะได้เข้านอน”

“ครับแม่” รุ่ยรุ่ยพยักหน้าอย่างเชื่อฟัง

ซือซือได้แต่บันเทิงต่อไปคนเดียว

เป้ยฉ่ายเวยเตรียมน้ำเสร็จแล้ว เธอก็อาบน้ำสระผมให้รุ่ยรุ่ย เช็ดตัวให้เขา เป่าผม และอุ้มพาเขากลับไปที่ห้อง

เครื่องทำความร้อนข้างเตียงเปิดอยู่ รุ่ยรุ่ยยังคงมองเธออย่างแน่วแน่

“นอนไม่หลับหรอ” เป้ยฉ่ายเวยย้ำอยู่ข้างเตียง

“อื้อ” รุ่ยรุ่ยขยับศีรษะของเขา เหลือที่ให้กับเป้ยฉ่ายเวย

เป้ยฉ่ายเวยมองเขาอยู่ครู่หนึ่งจึงนอนลงข้างๆเขาและพูดขึ้นว่า “รุ่ยรุ่ย แม่อ่านนิทานให้ฟังเอาไหมครับ”

“ครับ” รุ่ยรุ่ยตอบข้างๆเป้ยฉ่ายเวย เขาค่อยๆหรี่ตาลง กลิ่นของแม่หอมมาก เขาอยากจะซบแม่อย่างนี้ตลอดไป

เป้ยฉ่ายเวยหยิบหนังสือจากบนโต๊ะ เธออ่านอย่างใส่ใจและอ่อนโยนอยู่ข้างกายเขา

“ครั้งหนึ่งมีสโนไวท์นางหนึ่ง….”

เป้ยฉ่ายเวยเล่าเรื่องสโนไวท์จนจบ เธอก้มลงมองดูเด็กน้อยในอ้อมแขน ไม่รู้ว่าเขาหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ ลมหายใจเข้าผ่านปากสีชมพู ขนตาที่โค้งงอทำให้เกิดเงาเหมือนกับพัดลม

รูปร่างหน้าตาของรุ่ยรุ่ย ดูแล้วก็ไม่ได้คมชัดเท่าฉูเจ๋อหยาง

เป้ยฉ่ายเวยนิ่งสักพัก เธอรีบเก็บอารมณ์ในสายตาอย่างรวดเร็ว เธอลุกขึ้นจากเตียงและมองดูเขา ก่อนจะหันตัวกลับไปนอกห้อง

ทีวีในห้องนั่งเล่นยังคงฉายการ์ตูนตลกอยู่ โคมไฟเหนือศีรษะถูกปิดลงแล้ว ผู้หญิงที่ปีนป่ายอยู่บนโซฟาถามออกมาดังๆ “รุ่ยรุ่ยหลับแล้วหรอ”

“อื้อ” เป้ยฉ่ายเวยเดินไปอีกฝั่งและนั่งลง เธอดูทีวีอยู่อีกพักหนึ่ง

ตาของซือซือก็จ้องทีวีตามไปด้วย เธอพูดโดยไม่ได้หันไปมอง “เวยเวย ที่เธอไม่ยอมไปเพราะว่ามีข้อตกลงอะไรกับฉูเจ๋อหยางใช่รึเปล่า”

ขนตาของเป้ยฉ่ายเวยสั่นเล็กน้อย “ซือซือ ทำไมเธอถึงคิดอย่างนั้นล่ะ”

“ใครไม่ได้ตาบอดก็มองออก เธอถูกฉูเจ๋อหยางกินจนตายไป ฉันไม่เชื่อว่าเธอเป็นผู้หญิงที่ตัดไม่ขาด คำอธิบายเดียวที่เหลืออยู่ก็คือเรื่องนี้” ซือซือไม่ได้โง่ เธอไม่ต้องการให้เวยเวยตกอยู่ในสถานการณ์ยากลำบาก

“ซือซือ ฉันรอบคอบนะ อีกอย่างฉันจะคุยกับฉูเจ๋อหยางให้ชัดเจนในเร็ววันนี้” เธอต้องการที่จะคุยกับฉูเจ๋อหยางให้สิ้นเรื่องซะที

แค่เธออดทนอีกนิดเดียวเท่านั้น“ฉันกลัวว่าก่อนที่เธอจะบอกกับเขาให้ชัดเจน เธอจะถูกไอ้คนนั้นรังแกจนตายไปเสียก่อน เธอคิดว่าตัวเองจะหลบซ่อนได้อีกนานแค่ไหน” ซือซือเหลือบตามองเป้ยฉ่ายเวยซึ่งอยู่ไม่ไกลแสงจางๆจากทีวีสะท้อนให้เห็นใบหน้าอันซีดจางของเธอความจริงแล้วคนที่ต้องทนทุกข์จากแรงกดดันมากที่สุดก็คือเธอ แต่ว่าเธอเป็นคนที่เก็บซ่อนทุกอย่างไว้ในใจในฐานะเพื่อนเธอก็อ่อนแอเป้ยฉ่ายเวยพูดด้วยรอยยิ้มอันขมขื่น “ขอเพียงแค่พารุ่ยรุ่ยไปห้องผ่าตัด เรื่องทั้งหมดก็ผ่านไป ที่จริงแล้วเรื่องนี้เป็นสิ่งที่ฉันต้องยอมรับใช่ไหม”“ไร้สาระ ยอมรับอะไร สุนัขตัวนั้นมันทำอะไรบ้าง เห็นแก่ตัว คิดว่าจะทำอะไรกับผู้หญิงก็ได้”ซือซือเพิ่มเสียงขึ้นเล็กน้อยและตอบกลับไป เธอพูดด้วยความโกรธแต่ทำอะไรไม่ได้ “ถ้าเธอไม่คิดถึงตัวเอง ก็ช่วยคิดถึงใจฉันด้วย สำหรับเธอฉันไม่สนใจแล้ว แต่ถ้าหากว่าสุนัขตัวนั้นยังกล้ารังแกรุ่ยรุ่ยล่ะก็ ฉันจะไม่ปล่อยเขาไปแน่”“ซือซือ รุ่ยรุ่ยเป็นเหมือนเส้นตายของฉัน” เหมือนมีพลังอยู่เล็กน้อยในแววตาของเป้ยฉ่ายเวย เธอพูดด้วยน้ำเสียงหนักแน่นไม่ว่าจะหนานฉิงหรือฉูเจ๋อหยาง ใครก็ไม่สามารถที่จะรังแกรุ่ยรุ่ย เธอจะพยายามอย่างสุดชีวิตซือซือรู้สึกโล่งอก ที่เธอยังเห็นถึงความสำคัญของรุ่ยรุ่ยไม่อย่างนั้นคงจะหมดทางเยียวยาแล้ว

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์