โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

บทที่94 หลิวเหม่ยฉี

บทที่94 หลิวเหม่ยฉี

ในวันจันทร์ หลินไห่ยังไม่ได้รับกล่องอาหารของเป้ยฉ่ายเวย

เพราะว่าเธอลางาน

วันนั้นเป็นวันที่เป้ยฉ่ายเวยไม่อยากจะนึกถึงขึ้นมาอีก

ในตอนกลางวันเธอได้รับโทรศัพท์จากหนานฉิง หล่อนขอให้เธอออกไปช้อปปิ้งด้วยกัน หล่อนบอกว่าเป็นการชดเชยเรื่องในหลายวันที่ผ่านมา

เป้ยฉ่ายเวยปฏิเสธไม่ได้ เธอจึงได้แต่พยักหน้ารับปาก

ซือซือก็บังเอิญพักผ่อนอยู่ที่บ้าน รุ่ยรุ่ยเพิ่งจะไปโรงเรียน เธอเบื่อๆเลยตามไปด้วย

ทั้งสามไปห้างสรรพสินค้าต้าตง ซึ่งเป็นห้างที่ใหญ่ที่สุดของเมืองจิ่นอัน

วันหยุดสุดสัปดาห์เป็นช่วงเวลาที่การจราจรติดขัด ตอนที่เป้ยฉ่ายเวยและซือซือมาถึงสถานที่นัดหมาย หนานฉิงก็ยังไม่ปรากฏตัว

หลังจากที่นั่งรออยู่ครึ่งชั่วโมงซือซือก็อดไม่ได้ที่จะกรอกตามองบนและบ่น “พอซะที คิดว่าตัวเองเป็นเจ้าหญิงหรือไงคนอื่นถึงต้องมานั่งรอ”

“ซือซือช่างเถอะ น่าจะวันหยุดคนแน่นน่ะ รออีกสักหน่อยแล้วกัน” เป้ยฉ่ายเวยพยายามเกลี้ยกล่อม

“เธอรอที่นี่แล้วกัน ฉันจะไปซื้อชานม เธอจะเอาอะไรไหม” อากาศร้อนอย่างนี้ คอเธอแห้งหมดแล้ว

เป้ยฉ่ายเวยก็รู้สึกกระหายน้ำเช่นกัน “เอาน้ำมาให้ฉันขวดหนึ่งนะ”

“เธอที่มันไม่เหมือนกับคนอื่นเขาเลย น้ำเปล่าไม่มีรสชาติอะไร” ซือซือพูดพลางลุกขึ้นไปซื้อน้ำ

เป้ยฉ่ายเวยรู้ดีว่าเพื่อนรักเป็นคนปากร้ายแต่ใจดี

ซือซือเดินไปได้ไม่นาน หนานฉิงก็มาถึง

“เวยเวยขอโทษนะที่ทำให้เธอต้องรอ เธอก็รู้ผู้หญิงพอออกมามักจะเจอกับเรื่องวุ่นวาย” หนานฉิงพูดคำขอโทษ แต่ว่าสีหน้าของหล่อนกลับไม่ได้รู้สึกผิดเลยสักนิด

เป้ยฉ่ายเวยยิ้มเจื่อนๆ “ไม่เป็นไร เธอมาซือซือก็ไปซื้อน้ำพอดี เรารอเธอที่นี่กันก่อนนะ”

หนานฉิงได้ยินว่าซือซือไปซ้ำน้ำหล่อนก็ไม่ชอบใจ “ซือซือช่างไม่มีความอดทนเลย ฉันมาสายแค่แป๊บเดียวก็ไม่รอแล้ว มีแต่เวยเวยที่ดีกับฉัน”

แป๊บเดียวของหนานฉิงไม่ใช่แค่สองสามนาที แต่นี่มันสี่สิบนาทีเข้าไปแล้ว เป้ยฉ่ายเวยรู้นิสัยของหนานฉิงว่าเป็นอย่างนี้เธอก็เลยไม่ได้เก็บมาใส่ใจ

แต่เธอก็ออกปากพูดแทนเพื่อนรักของเธอ “ฉันกับซือซือก็รอเธอมาพักหนึ่งแล้ว เธออดทนรออีกสักหน่อยแล้วกัน”

“ห้างออกจะใหญ่ เธอไปเดินเล่นกับฉันก่อนดีกว่า เราจะได้หาซือซือด้วยว่าเดินไปที่ไหน” เธอไม่สามารถอดทนรถผู้หญิงน่ารำคาญคนนั้นได้

หนานฉิงพูดแล้วก็ลากมือเป้ยฉ่ายเวยไปยังสถานที่ที่แออัด

“อย่างนี้ไม่ดีหรอก เดี๋ยวซือซือจะหาพวกเราไม่เจอนะ” เป้ยฉ่ายเวยถูกซือซือลากให้ตามไป

หนานฉิงพูดหน้าตาเฉย “ไม่เห็นเป็นไร หล่อนไม่ใช่เด็กสักหน่อย ถึงต้องมีคนคอยดูแล อีกอย่างเราก็ไม่ได้เดินไปไกลที่ไหน”

เป้ยฉ่ายเวยถูกฉุดกระชากโดยหนานฉิงอย่างแรงจนเธอต้องยอม แต่อย่างไรก็ตามเธอก็ยังยืนกรานที่จะเดินอยู่ในบริเวณแถวๆนั้น

หนานฉิงก็จำต้องยอมเห็นด้วย เมื่อหนานฉิงเห็นร้านที่ตัวเองชอบเธอก็ลากดึงเป้ยฉ่ายเวยเข้าไป

ที่จริงหนานฉิงนัดเป้ยฉ่ายเวยออกมาเป็นเพื่อนช้อปปิ้ง ไม่ใช่ให้เธอมาเป็นคนถือของต่างๆให้หล่อน

“เวยเวย เธอว่ากระโปรงตัวนี้เป็นอย่างไรบ้าง” หนานฉิงสวมกระโปรงสีขาวเป็นปุยลองหมุนตัวอยู่ตรงหน้าเป้ยฉ่ายเวย

เป้ยฉ่ายเวยมองถุงช้อปปิ้งในมือเธอสี่ห้าใบ ไม่ได้มีถุงไหนเป็นของเธอเลย เธอหยุดและพยักหน้า “อื้อ ก็ดีนะ”

“ฉันรู้ว่าอาเจ๋อต้องชอบแน่ๆ” หนานฉิงพูดอย่างมีความสุข หล่อนหันไปบอกพนักงานขายอย่างหยิ่งยโส “ที่ฉันลองเมื่อสักครู่สองตัวนั้นห่อให้ด้วยนะ”

“ค่ะ คุณผู้หญิง” พนักงานขายเห็นหญิงสาวมือเติบซะขนาดนี้ ก็ไม่ได้คิดเล็กคิดน้อยอะไร

เป้ยฉ่ายเวยมีกระเป๋าอีกสองใบอยู่ในมือ หน้าผากเธอเริ่มมีเหงื่อไหล แม้ว่าถุงจะไม่ได้หนักมาก แต่ว่าต้องถือหลายสิ่งหลายอย่าง ก็ต้องออกแรงไม่น้อย

หนานฉิงดูเหมือนเพิ่งจะเห็นว่าเป้ยฉ่ายเวยกำลังลำบาก เธอจึงพูดขึ้นด้วยความเห็นใจ “เวยเวย เรานั่งพักกันก่อนดีกว่านะ”

“อื้อ” เป้ยฉ่ายเวยพยักหน้า ถือเยอะแยะขนาดนี้ เธอก็เดินต่ออีกไม่ไหวแล้ว ไม่รู้ว่าซือซือซื้อชานมกลับมารึยัง

ผู้หญิงคนหนึ่งแต่งชุดกระโปรงลายดอกไม้เดินเข้ามา “อ้าว ไม่ใช่เวยเวยกับเสี่ยวซือหรอนี่”

“เธอคือเหม่ยฉีใช่มั๊ย หลิวเหม่ยฉี เธอจริงๆด้วย ไม่เจอกันตั้งนาน” หนานฉิงจำได้ทันทีว่านี่คือเพื่อนร่วมรั้วมหาวิทยาลัยของพวกเธอ ในเวลานั้นนอกจากเวยเวยแล้ว ก็เป็นเพื่อนสาวอีกคนที่ใกล้ชิดกับเธอ

“ใช่ เสี่ยวซือ ความจำเธอดีมาก” หลิวเหม่ยฉีเห็นหนานฉิงก็ดีใจ แต่เมื่อเธอมองเป้ยฉ่ายเวยแววตากลับเต็มไปด้วยปริศนา

เป้ยฉ่ายเวยถูกจ้องอย่างนั้นเธอก็รู้สึกไม่สบายใจ ตอนที่อยู่มหาวิทยาลัยหลิวเหม่ยฉีก็มองเธอไม่ค่อยดีนัก ชอบทำความเดือดร้อนให้เธอ ตอนนี้เรียนจบมาหลายปีแล้ว ยังมองเธออย่างนั้นอีก

จนถึงตอนนี้เธอยังไม่รู้เลยว่าไปทำอะไรให้หล่อนขุ่นเคืองใจตอนไหน

หลิวเหม่อยฉีพูดด้วยน้ำเสียงแปลกๆ “เวยเวยทำไมเธอไม่เห็นพูดอะไรเลยล่ะ เราไม่ได้เจอกันตั้งนาน เธอเย็นชาเกินไปแล้วนะ”

“เปล่า ฉันแค่ไม่อยากจะรบกวนการระลึกถึงกันของพวกเธอ” เป้ยฉ่ายเวยตอบด้วยเสียงอ่อนโยน

หลิวเหม่ยฉีเหลือบไปมองที่ถุงช้อปปิ้งในมือของเวยเวย และเธอก็พูดขึ้นอย่างดูถูก “ไม่คิดอะไร ฉันว่าเธอน่าไม่อายจังเลยนะ”

“เหม่อยฉีเธอพูดอะไรน่ะ เวยเวยไปทำอะไรให้เธอ” หนานฉิงเอ่ยปากราวกับจะช่วยเป้ยฉ่ายเวย ความจริงแล้วเป็นการสอดรู้สอดเห็นเรื่องของหลิวเหม่ยฉีเสียมากกว่า

“เสี่ยวซือเธอคงไม่รู้ใช่ไหม ว่าเพื่อนสาวเธอแอบทำอะไรไม่ดีลับหลังเธอเอาไว้”

หลิวเหม่ยฉีจ้องมองใบหน้าอันซีดเผือดของเป้ยฉ่ายเวยและยิ้มอย่างได้ใจ ในที่สุดก็ถึงวันที่เธอได้แก้แค้น

ตอนแรกเป้ยฉ่ายเวยก็ไม่เข้าใจ แต่เมื่อเห็นแววตาของหลิวเหม่ยฉีแล้ว เธอก็แน่ใจในทันทีว่าหลิวเหม่ยฉีจะต้องรู้เรื่องอะไรมาไม่ เป็นไปไม่ได้“หลิวเหม่ยฉี เธออย่า…”หลิวเหม่ยฉีขัดจังหวะการพูดของเป้ยฉ่ายเวย “เป้ยฉ่ายเวยเธอเก็บใบหน้าจอมปลอมนั้นเอาไว้เถอะ ตั้งแต่มหาวิทยาลัยจนถึงตอนนี้ฉันเห็นมามากพอแล้ว ทุกครั้งฉันก็คิด ว่าบนโลกนี้ทำไมถึงมีผู้หญิงที่ไร้ยางอายแบบนี้”“เธอมันเพื่อนอาบยาพิษจริงๆ”“เหม่ยฉีเธอพูดเรื่องอะไรฉันไม่เข้าใจ” สีหน้าของหนานฉิงก็เริ่มแย่ลงเช่นกัน เธอสังหรณ์ใจว่า ความจริงที่หลิวเหม่ยฉีต้องการที่จะพูดออกมา จะเกี่ยวข้องกับผู้ชายที่เธอแคร์มากที่สุดหลิวเหม่ยฉีหันไปมองหน้าหนานฉิงและพูดอย่างเห็นอกเห็นใจ “เสี่ยวซือ เธอคงยังไม่รู้ล่ะสิ ผู้หญิงสองหน้าคนนี้ ตอนที่เธอไปต่างประเทศหล่อนไปหลับนอนกับพี่ฉู”หนานฉิงจับมือหยางเหม่ยฉีแน่นและถามเสียงดัง “อะไรนะ เป็นไปไม่ได้ เหม่ยฉีเธอพูดมาให้ชัดชัดซิ”เรื่องนี้เป็นไปไม่ได้ เวยเวยยังสนับสนุนให้เธอกลับไปหาอาเจ๋ออยู่เลย เธอจะคบกับอาเจ๋ออยู่ก่อนแล้วได้ยังไงผู้คนรอบข้างได้ยินเสียงดังโวยวาย ก็อดไม่ได้ที่จะหยุดมุงดู พวกเขามองไปทางพวกหล่อนหลิวเหม่ยฉีดูเหมือนต้องการที่จะให้คนมามุงดู เธอตั้งใจพูดเสียงดังเพื่อที่จะได้ให้ทุกคนได้ยินกันชัดเจน “เสี่ยวซือ เธอลองไปถามหล่อนดูว่าหลังจากงานเลี้ยงจบการศึกษาปีนั้น หล่อนได้ลากพี่ฉูเข้าโรงแรมไปใช่หรือไม่”

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์