บทที่30 พ่อพาหนูกลับบ้าน
หลังจากที่ถังเฉาเซ็นใบรับรองเสร็จ เขาก็เดินจากไป เหลือเพียงแต่หลินฉ่ายเวยและโจวเหม่ยหยูนที่ยังนั่งอยู่ที่เดิม แต่สีหน้าของพวกหล่อนดูไม่ค่อยสู้ดีนัก
“ทำไมเขาถึงพูดแบบนั้น?”
หลินฉ่ายเวยยิ่งคิดก็ยิ่งโมโห “เรียกว่าเป็นภาระได้ยังไง?พูดอย่างกับว่าพวกเราเป็นคนเก็บของเหลืองั้นเหรอ”
เป็นผู้จัดการทั่วไปในบริษัทลี่จิงกรุ๊ป ไม่รู้ว่ามีคนละโมบโลภมากแค่ไหน คำพูดจากปากคนไร้ประโยชน์นั่น กลายเป็นภาระที่ไม่ได้ใช้งั้นเหรอ ในใจมีแต่ความโกรธ หลินฉ่ายเวยรู้สึกรับไม่ค่อยได้
“ฉ่ายเวย ไม่ต้องไปสนใจเขาหรอก ไหนๆสัญญาก็มาอยู่ในมือเราแล้ว ตอนนี้พวกเรานี้แหละคือคนที่รับผิดชอบโครงการนี้จริงๆ”
หลินฉ่ายเวยกลับมารู้สึกโมโหน้อยลง “คนไร้ประโยชน์ยังไงก็ไร้ประโยชน์วันยังค่ำ ต่อให้เอาโครงการให้ ยังไงก็ไม่มีทางรู้หรอกว่ามันมีค่ามากแค่ไหน”
ฟังสิ่งที่โจวเหม่ยหยูนพูด หลินฉ่ายเวยก็คิดตาม เธอจึงไม่ได้โมโหมากเท่าใดนัก
“หลังจากนี้พวกเราจะเอายังไงต่อ จะเอาเรื่องนี้ไปบอกพ่อไหม”
“บอกเขาทำไมกันล่ะ?”
โจวเหม่ยหยูนทำปากยื่นแสดงอาการไม่พอใจ พร้อมพูดว่า “โครงการนี้เราจะทำด้วยตัวเอง ตราบใดที่เรามีโครงการนี้อยู่ เราก็จะได้ทำงานกับบริษัทลี่จิงกรุ๊ปไปอีกนาน บ้านนี้ก็มีแต่พวกเรานี่แหละที่พูดคำไหนคำนั้น
หลินฉ่ายเวยรู้สึกกระปรี้กระเปร่าและพูดอย่างตื่นเต้นดีใจว่า:“งั้นเรารีบหาร้านอาหารมากินฉลองกันดีกว่า พรุ่งนี้ค่อยไปบริษัทลี่จิงกรุ๊ปคุยกับประธานหลิน”
……
ในขณะที่แม่ลูกกำลังคิดถึงประโยชน์อันเล็กน้อยพวกนี้ ถังเฉากลับไม่ได้รู้อะไรเลย เขากำลังเดินไปที่โรงเรียนอนุบาลของถังเสี่ยวลี้
เขาไม่ได้รู้สึกสนใจที่จะร่วมทำในตำแหน่งรับผิดชอบนี้เลยจริงๆ
บริษัทของภรรยา จะไปให้คนนอกทำได้อย่างไรกัน ?
เนื่องจากหลินฉ่ายเวยต้องการ เขาก็จึงมอบให้เธอ
แต่ว่าให้ไปแล้วจะทำได้ดีหรือไม่นั้น นี่ก็เป็นสิ่งที่ถังเฉาไม่อาจรู้ได้
ถังเฉาใกล้จะนั้น ก็เป็นเวลาที่เลิกเรียนพอดี หน้าประตูมีผู้ปกครองหลายคนมายืนรออยู่
ตึ๊งตึงตึ่ง-----
เสียงระฆังดังขึ้นเป็นสัญญาณของการเลิกเรียน เด็กๆพากันวิ่งออกมาและถูกผู้ปกครองรับออกไป
ในบรรดาเด็กๆนั้น ถังเฉาไม่เห็นแม้แต่เงาของเสี่ยวลี้
ถังเฉาไม่ได้รีบร้อน เขายืนอยู่ที่หน้าประตูอย่างเงียบๆ
เวลาผ่านไปแต่ละนาที เด็กออกมาแล้วออกมาเล่า แต่ก็ยังไม่เห็นเงาของถังเสี่ยวลี้เลย
ดวงตาของถังเฉานั้นดูเอาจริงเอาจังขึ้นมา เขาก้าวเท้าเข้าไปในโรงเรียนอนุบาลแห่งนี้
หนึ่งชั่วโมงผ่านไปแล้ว แต่เสี่ยวลี้ยังคงไม่ออกมา ต้องเกิดเรื่องบางอย่างแน่
สภาพแวดล้อมภายในโรงเรียนอนุบาลนั้นถือว่าไม่แย่ ฤดูร้อนไม่ร้อน ฤดูหนาวก็ไม่หนาว กำแพงถูกปกคลุมไปด้วยลายมือของเด็กๆ ยังมีเด็กบางส่วนที่ขี้เล่น ก็ยังเล่นสไลเดอร์อยู่ในโรงเรียนอนุบาลอยู่
แต่อย่างไรก็ไม่เห็นเงาของเลี่ยวลี้เลยแม้แต่น้อย
ถังเฉาสอบถาม ถังเสี่ยวลี้อยู่ห้องหนึ่ง แต่ภายในห้องหนึ่งนั้นไม่มีคนอยู่เลยแม้ซักคนเดียว สีหน้าท่าทางของถังเฉานั้น ดูใจจดใจจ่อทีเดียว
โรงเรียนอนุบาลและประตูของโรงเรียนประถมเป็นจุดที่คนปะปนกันมากที่สุด โดยเฉพาะตอนที่เลิกเรียนแล้ว ผู้ปกครองที่มารับเด็กด้านนอกอาจสวมรอยลักพาตัวไป
ยังเหลือห้องทำงานอีกที่หนึ่ง ถ้ายังไม่หาถังเสี่ยวลี้ไม่เจอ นั่นแปลว่าเธอหายไปจริงๆ
ถังเฉาเดินเข้าไปห้องทำงานด้วยท่าทางที่เย็นชา พลันได้ยินน้ำเสียงเย็นชาที่กำลังถามว่า
“พูดมา ทำไมต้องตีคนอื่น แล้วตีแรงขนาดนี้ ดูซิหัวของเสี่ยวเป่าเลือดออกแล้วเห็นไหม?”
เห็นเพียงอาจารย์ท่านหนึ่งอยู่ในห้องทำงาน กำลังเสียงดังใส่เด็กหญิงตัวน้อยๆคนนั้น ถังเฉาเห็นเพียงหลังของเด็กหญิง เลยไม่เห็นรูปร่างหน้าตาของเธอ
ถังเฉาหยุดและเหล่ตาไปมองสถานการณ์ให้ห้องทำงานนั้น
“อาจารย์ นี่มันเกินไปแล้วนะ!”
ในไม่ช้า ก็มีผู้หญิงอีกคนหนึ่งโผล่เข้ามาพูดด้วยเสียงที่แหลมว่า “ลูกชายของฉันมาโรงเรียนอนุบาล ก็เพื่อที่จะได้รับการอบรมสั่งสอน ไม่ได้ให้มาโดนแกล้ง ดูสิ หัวโดนตีจนเป็นแบบนี้แล้วเนี่ย”
“ใช่ใช่ใช่แล้ว คุณแม่ของหวางเสี่ยวเป่า คุณพูดถูกแล้ว เรื่องนี้โรงเรียนของเราไม่ได้ดูแลให้ดี เป็นความรับผิดชอบของเราเอง พวกเราจะต้องดำเนินการเรื่องนี้อย่างจริงจัง เราต้องลงโทษอย่างเด็ดขาด มอบความยุติธรรมให้แก่เสี่ยวเป่า
ครูใหญ่ในห้องตอนนี้น้ำเสียงอ่อนลงทันที เขาตะโกนออกมาอย่างกล่าวคำปฏิญาณ แล้วก็พูดให้กำลังหญิงสาวคนนั้นอีกด้วย
ผู้หญิงคนนั้นใส่แบรนด์เนมทั้งตัว หล่อนมีกระเป๋าหลุยส์คล้องอยู่ที่มือ แถมด้านข้างก็ยังมีชายใส่เสื้อสูทยืนอยู่ น่าจะเป็นสามีของหล่อน
“ก็เสี่ยวเป่าเป็นคนเริ่มก่อน…...เขาบอกว่าหนูเป็นเด็กกำพร้าไม่มีพ่อ แถมยังมาจิกผมหนูอีก…...”
ในเวลานี้เอง เด็กผู้หญิงตัวน้อยที่โดนทำโทษอยู่ก็เงยหน้าขึ้นมาด้วยสีหน้าที่น้อยใจ เธอกำลังปกป้องตัวเอง หากไม่ใช่ถังเสี่ยวลี้แล้วจะเป็นใครไปได้อีกล่ะ”
เมื่อแน่ใจว่าลูกสาวนั้นไม่ได้หายไปไหน ถังเฉาก็โล่งใจไปเปราะหนึ่ง แต่เพียงแปปเดียวสีหน้าของเขาก็กลายเป็นเฉยเมย
“เงียบไปเลยนะ ตีคนอื่นแล้วจะยังพูดเหตุผลอีกงั้นเหรอ?”
อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทันที่เสี่ยวลี้จะพูดจบ อาจารย์ก็แผดเสียงดังขึ้นมาทันที
เสี่ยวลี้ตกใจ เธอหดคอก้มศรีษะลงทันที น้ำตาได้ไหลในดวงตาของเธอ
“เธอมันไม่มีพ่อ พ่อของเธอไม่ได้ต้องการเธอแล้ว!”
เด็กชายโผล่ออกมาจากด้านหลังของหญิงที่ใส่แบรนด์เนม หน้าจองหองของเด็กชายคนนั้นทำหน้าแลบลิ้นปริ้นตาใส่เสี่ยวลี้
“ขอโทษ รีบขอโทษเสี่ยวเป่าเร็วๆ!ครูใหญ่ยังสั่งด้วยน้ำเสียงที่โกรธเคือง
“มันเป็นความผิดของเขานั่นแหละ หนูมีพ่อ หนูไม่ขอโทษ” เสี่ยวลี้เธอพูดเสียงดังด้วยดวงตาที่แดงฉาน
“เธอ-----”
ครูใหญ่มองไปที่ถังเสี่ยวลี้ด้วยความประหลาดใจ เขาหยุดพูดไปครู่หนึ่ง
“เห้อ ช่างมันเถอะ ครูหลิน”
ผู้หญิงที่สวมแบรมด์แนมทั้งตัวโบกมือไปมา พูดด้วยน้ำเสียงที่ดูเหยาะเย้ยว่า “ฉันดูเด็กผู้หญิงคนนี้ท่าทางคงจะไม่ขอโทษแล้วล่ะ จะขอหรือไม่ขอโทษก็ได้หมด ฉันเองก็ไม่ใช่คนที่ใจแคบขนาดนั้น แต่ในอนาคตลูกชายของฉันก็ต้องเรียนต่อที่นี่ ฉันคงไม่สามารถให้เขาอยู่ในสภาพแวดล้อมที่อันตรายขนาดนี้หรอกนะคะ แบบนี้จะทำยังไงดีล่ะ?”
“อืม...นี่เป็นปัญหาที่ร้ายแรงมาก”อาจารย์หลินครุ่งคิดอยู่พักหนึ่ง ทันใดนั้นก็พูดว่า “งั้นก็คงต้องไล่ออก ยังดีที่สภาพร่างกายของเสี่ยวเป่าแข็งแรงดี ถ้าเป็นเด็กคนอื่นล่ะก็ ป่านนี้คงหัวแตกไปแล้ว โรงเรียนอนุบาลของเราไม่อนุญาติให้มีเด็กที่ดุร้ายแบบนี้อยู่หรอก”“อาจารย์หลินคะ อาจารย์พูดอะไร...”ได้ยินแบบนี้ ถังเฉาเงยหน้าขึ้น มองไปที่ทุกคนด้วยความเหลือเชื่อเธอไม่เข้าใจว่า เห็นได้ชัดว่าไม่ใช่ความผิดของเธอ แต่ทำไมคนที่โดนไล่ออกถึงต้องเป็นเธอด้วย……สามวินาทีต่อมา ถังเสี่ยวลี้เริ่มขอให้ยกโทษให้เธอ เธอร้องไห้และพูดด้วยน้ำเสียงที่สั่นกลัวว่า “อาจารย์หลินคะ หนูผิดไปแล้ว อย่าไล่หนูออกเลยนะคะ หนูขอโทษ หนูขอโทษแล้วยังไม่พอเหรอคะ?”“เธอขอโทษฉันไม่มีประโยชน์อะไรหรอกนะ ไปขอโทษแม่ของเสี่ยวเป่าเถอะ”อาจารย์หลินถอนหายใจออกมา แสร้งทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้แล้วพูดว่า “พฤติกรรมของเธอ ต่อให้ไปอยู่โรงเรียนไหนก็ต้องโดนไล่ออกทั้งนั้น…….”“คุณจะไล่ใครออก?”อย่างไรก็ตาม ยังไม่ทันที่อาจารย์หลินจะพูดจบ ประตูกระทบกัน ห้องถูกเปิดออก ถังเฉาก้าวเข้ามาในห้องเมื่อเห็นถังเฉาเดินเข้ามา เสี่ยวลี่ที่เดิมร้องไห้น้ำตาเป็นสายฝน ตอนนี้นั้นหยุดร้องแล้ว ดวงตาที่สว่างไสวมองมาที่เขา“พ่อ!”เสี่ยวลี้ยิ้มออกมาด้วยน้ำตา ตะโดนด้วยน้ำเสียงที่ตื่นเต้น แล้วกอดไปที่ขาของถังเฉา พูดอะไรก็ไม่ยอมปล่อยถังเฉายิ้มและมองไปที่เสี่ยวลี่ ก่อจะเช็ดน้ำตาที่ไหลมาจากดวงตาของเธอ จากนั้นเขากอดเธอ พร้อมกับพูดว่า:“เสี่ยวลี้ไม่ต้องร้องนะ พ่อมารับหนูกลับบ้านแล้ว”
copy right hot novel pub