โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

เชลยสวาทเจ้าทะเลทราย

บทที่ 12 (2)

ก้อนไม่ได้ตอบคำถามในก่อนหน้านี้ของจิลลาดา เขากำลังตกตะลึงกับความงามของหญิงสาว ดวงตาทั้งคู่กำลังจับจ้องมองไปยังใบหน้างามต่ำลงมาถึงลาดไหล่ที่เปิดเปลือยในชุดเกาะอก ซึ่งเป็นครั้งแรกที่หญิงสาวกล้าแต่งตัวเปิดให้เห็นผิวขาวผ่องยองใย

“อย่าจ้องแพรมากสิคะพี่ก้อน แพรอายเป็นเหมือนกันนะคะ” หญิงสาวต่อว่ายิ้มๆ

“พี่ขอโทษครับ ที่เสียมารยาท แต่วันนี้น้องแพรสวยจริงๆ นะครับ”

“เลิกยอกันเองได้แล้วค่ะ ไปทำงานเถอะค่ะก่อนจะถูกเจ้านายหักเงินเดือน”

จิลลาดาสัพยอกกลั้วเสียงหัวเราะ พอเดินออกมาจากห้องแต่งตัวของนักร้อง เห็นบรรยากาศเก่าๆ ของสถานที่ทำงานที่เคยทำมานานหลายปี ก็สูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆ รู้สึกตื่นเต้นเล็กน้อยหลังจากไม่ได้มาร้องเพลงหลายวันแล้ว

เมื่อร้องเพลงแรกจบลงไปแล้ว หญิงสาวก็ยังคงได้รับความนิยมจากลูกค้าเช่นเดิม เสียงปรบมือดังก้องหลังจากเธอร้องเพลงจบ นอกจากนั้นยังมีลูกค้าที่ชื่นชอบหญิงสาวเป็นพิเศษนำมาลัยเส้นยาวซึ่งทำจากแบงค์พันล้วนๆ มามอบให้กับเธอด้วย

“ขอบคุณมากค่ะ”

จิลลาดาพึมพำขอบคุณขณะยกมือไหว้ลูกค้า จากนั้นก็ถอยกลับไปยืนกลางเวทีเพื่อร้องเพลงต่ออีกสองเพลง พอร้องเพลงจบแล้ว ลูกค้าคนเดิมซึ่งดูท่าว่ากำลังเมาอยู่ไม่น้อย ก็นำพวงมาลัยแบงค์พันมามอบให้อีกรอบ หญิงสาวรู้สึกอึดอัดทำท่าจะไม่มารับมาลัยอีกรอบ แต่ลูกค้าที่เมาหนักก็ยังคงกวักมือตะโกนเรียกเสียงอ้อแอ้ไม่ได้หยุด และด้วยเกรงว่าจะทำให้ลูกค้าคนอื่นรำคาญ และเสียเวลานักร้องรายต่อไปที่มีคิวร้องเพลงต่อจากเธอ หญิงสาวจึงจำใจไปรับมาลัยอีกครั้ง

เพราะไม่ทันระวังตัว อีกทั้งยังนึกไม่ถึงว่าลูกค้ารายนี้จะกล้าแสดงกริยาหยาบคาบกับเธอ ขณะก้มหน้าลงไปรับมาลัยแบงค์พัน ลูกค้ารายนี้ก็ยื่นใบหน้าที่เหม็นคละคลุ้งไปด้วยกลิ่นเหล้ามาหอมแก้มของเธอ ทำเท่านั้นยังไม่พอ อีกฝ่ายทำท่าจะเอื้อมมือมาจับเนินหน้าอกขาวผ่องเหนือเสื้อเกาะอกด้วย

แต่มือสกปรกไม่ทันได้แตะต้องสิ่งสวยงาม ร่างอ้วนท้วนของลูกค้ารายนี้ก็มีอันต้องเซถลาเพราะหมัดหนักๆ ที่ลอยมาปะทะใบหน้าของเขาเต็มแรง

ผัวะ!!!

กรี๊ด!!!

ผู้พันจาฮัสด์ไม่พูดพร่ำทำเพลง เมื่อถูกพิษของความหึงหวงเข้าเล่นงานอย่างเต็มที่แล้ว ก็กำหมัดแน่นซัดลงไปบนใบหน้าของคนที่บังอาจแตะต้องพวงแก้มของภรรยา พร้อมกับเค้นเสียงขู่ลอดไรฟัน

“ถ้าไม่อยากตายก็อย่าเข้าใกล้แพรไหมอีก”

“ผู้พัน ไปทำร้ายเขาทำไมคะ”

จิลลาดาร้องถามด้วยความตกใจ แต่คำตอบที่ได้รับคือการเค้นเสียงตะคอกด่าด้วยความโกรธจัดจากผู้พันจาฮัสด์

“ชอบแบบนี้หรือแพรไหม ชอบมาร้องเพลงอ่อยเหยื่อให้ไอ้พวกผู้ชายหื่นกามพวกนี้แตะต้องตัวเธอหรือแพรไหม”

“แพรไม่ได้มาร้องเพลงอ่อยเหยื่อใครทั้งนั้น อย่ามาหยาบคายกับแพรนะ”

จิลลาดาตวาดสวนกลับ พอรู้สึกตัวว่าตนเองกำลังทะเลาะกับผู้พันจาฮัสด์หน้าเวทีร้องเพลง แถมยังมีลูกค้าในร้านอีกครึ่งร้อยพากันจ้องมองมาที่เธอกับผู้พันจาฮัสด์เป็นจุดเดียว จึงสะบัดหน้าหนีหมายจะเดินกลับเข้าไปในห้องแต่งตัว แต่แล้วก็ต้องหวีดเสียงร้องด้วยความตกใจ เมื่อจู่ๆ ก็ถูกอุ้มตัวลอยต่อหน้าลูกค้า

“กรี๊ดดด!!! ผู้พัน! ปล่อยแพรลงเดี๋ยวนี้นะ”

“ปล่อยทำไมล่ะแพรไหม ขนาดผัวนั่งหัวโด่อยู่ทั้งคน เจ้ายังกล้าอ่อยผู้ชายให้ติดเบ็ด ถ้าผัวไม่อยู่ด้วย เธอไม่ตามไปนอนกับไอ้แก่ขี้เมาคนนั้นหรือแพรไหม”

เผียะ!!!

“อย่ามาพูดดูถูกแพรไหมแบบนี้อีก”

จิลลาดาเค้นเสียงด่าด้วยความโกรธจัด ขณะเดียวกันก็พยายามดิ้นรนให้พ้นจากอ้อมแขนแข็งแกร่งที่กำลังอุ้มเธอตรงไปยังรถยนต์ราคาแพง

“หรือมันไม่จริง แพรไหม เจ้าปล่อยให้ไอ้แก่ตัณหาจัดคนนั้นมันจูบแก้มเจ้าตอนมันมอบมาลัยเงินหมื่นให้กับเจ้า และถ้าหากเราเข้ามาขวางไม่ทัน มันคงจะทำแบบนี้กับเจ้าอย่างแน่นอน”

ไม่ได้ด่าแค่เพียงปากเปล่า ทว่ามือใหญ่ร้อนรุ่มได้ตะปบลงไปบนปทุมถันขาวผ่องแล้วฟอนเฟ้นบีบขย้ำอย่างหนักมือราวกับต้องการลงโทษคนในอ้อมแขน

จิลลาดาต้องกัดเม้มริมฝีปากแน่น เพื่อไม่ให้เสียงครางเพราะความเสียวซ่านหลุดลอดออกมาขณะถูกฟอนเฟ้นอย่างหนักหน่วง

“ปล่อย! อย่ามาทำอะไรบ้าๆ นะ”

“ทำอะไรแพรไหม เราทำอะไรเจ้า”

ผู้พันจาฮัสด์ถามเสียงกระเส่า ยังคงเคล้นคลึงปทุมงามทั้งสองข้างอย่างหนักมือ พอใจทุกครั้งที่ได้ยินเสียงครางสั่นพร่าหลุดลอดออกมาจากเรียวปากอิ่ม

“ปล่อย...แพรไหมจะกลับบ้าน”

ขณะกระซิบขอร้อง จิลลาดาพยายามหักห้ามใจไม่ให้หลงใหลไปกับการปลุกเร้าอันแสนช่ำชองผู้พันจาฮัสด์

ทางด้านผู้พันจาฮัสด์เองก็นึกดีใจที่จอดรถตรงมุมมืดพอดี พออุ้มร่างบางระหงมาถึงรถยนต์แล้วก็โยนหญิงสาวเข้าไปในเบาะหลัง ก่อนจะตามเข้าไปติดๆ โดยไม่ลืมล็อกรถผ่านกุญแจรีโมทอย่างแน่นหนา

“เราไม่อนุญาตให้เจ้าไปไหนทั้งนั้น และต่อไปเจ้าห้ามมาทำงานที่นี่อีก”

“ไม่! แพรจะมาทำงาน ผู้พันจะมาห้ามแพรไม่ได้

“ก็ลองมาทำงานสิแพรไหม แล้วเจ้าจะรู้ว่าผลของการขัดคำสั่งของเรานั้นเป็นยังไง”

“อย่ามาใช้อำนาจป่าเถื่อนกับแพรนะ ยังไงๆ แพรก็จะมาทำงานให้ได้”

จิลลาดาตวาดเถียงกับผู้พันจาฮัสด์จนหน้าดำหน้าแดงไปหมด ไม่ยอมให้ผู้พันหนุ่มมากะเกณฑ์ชีวิตของเธอให้อยู่แต่ในกรงทอง

และผู้พันจาฮัสด์ก็หึงหวงจนลมออกหู ไม่ยอมให้จิลลาดาทำตามที่ใจต้องการได้เช่นเดียวกัน

“อยากไปทำงานใจจะขาด อยากไปอ่อยเหยื่อจนตัวสั่นยังงั้นหรือแพรไหม ถ้างั้นเราจะทำให้เจ้าไปไหนไม่ได้ทั้งอาทิตย์”

ผู้พันจาฮัสด์คว้าร่างบางระหงให้มานั่งซ้อนอยู่บนหน้าตักของตนเองโดยไม่สนใจอาการดิ้นรนหวีดเสียงร้องของหญิงสาว จากนั้นก็กระชากชุดเกาะอกของหญิงสาวจนขาดวิ่นเป็นทางยาว พร้อมกับกระแทกจุมพิตจาบจ้วงเร่าร้อนดุดันลงไปลงปทุมถันทั้งสองข้างเพื่อเป็นการลงโทษคนที่ทำให้เขากำลังคลั่งเพราะความหึงหวง

“ผู้พัน! ปล่อยแพรไหมเดี๋ยวนี้”

จิลลาดาดิ้นรนอย่างหนักเพื่อให้หลุดพ้นจากพันธนาการอันแน่นหนา แต่เธอก็ดิ้นหนีไม่พ้นจากอ้อมแขนและริมฝีปากร้อนๆ ของผู้พันจาฮัสด์ นอกจากจะถูกสวมกอดไว้แน่นแล้ว แผ่นหลังของเธอก็ยังแนบติดกับเบาะรถทำให้ดิ้นหนีไปไหนไม่ได้

ผู้พันจาฮัสด์ไม่สนใจเสียงร้องประท้วงของจิลลาดา เขากดจุมพิตหนักหน่วงขบเม้มดูดผิวเนื้อขาวผ่องติดรุนแรง เพื่อต้องการให้เกิดรอยช้ำแดงๆ ไปทั่วปทุมถันทั้งสองข้าง ส่วนมื้อใหญ่ร้อนผ่าวก็บีบเคล้นคลึงเร่าร้อนไม่ต่างจากริมฝีปากที่กำลังลงทัณฑ์ไปบนผิวกายหวานละมุนของหญิงสาว

การลงทัณฑ์อันแสนหวานผ่านไปเนิ่นนานหลายสิบนาที โดยไม่มีใครสนใจว่ากำลังเกิดอะไรขึ้นหลังรถยนต์หรูหรา จวบจนกระทั่งผู้พันจาฮัสด์รับรู้ได้ว่าคนในอ้อมแขนเริ่มตัวอ่อนระทวย บิดกายส่ายสะโพกเสียดสีกับกายแข็งขึงเด่นผงาดของเขาพร้อมกับครวญครางออกมาเบาๆ เพราะฤทธิ์ของความหรรษาที่เขากำลังมอบให้ จึงค่อยๆ ลดระดับความเร่าร้อนของจุมพิตลงเหลือแค่การกดจูบเบาๆ ลงไปตามปทุมถันทั้งสองข้าง ก่อนจะกดหน้านิ่งอยู่ระหว่างร่องอกทั้งสองข้าง พร้อมกับกระซิบบอกเสียงกระเส่า

“ไปต่อที่เหลือในโรงแรมดีไหมแพรไหม”

“คนเลว! สารเลว! แพรจะฆ่าคุณ”

แทนที่จะหวาดกลัวกับคำขู่ของจิลลาดา ผู้พันจาฮัสด์กลับหัวเราะร่วนแล้วบดขยี้จุมพิตเร่าร้อนลงไปบนเรียวปาก

อิ่มเนิ่นนานจนเป็นที่พอใจ ก่อนจะผละออกแล้วกระซิบตอบด้วยน้ำเสียงกระเส่า

“ยอมให้เจ้าฆ่าตาย แต่ก่อนจะถูกฆ่า ขอขึ้นสวรรค์สักสองสามรอบก่อนนะแพรไหม”

“ไม่มีสวรรค์สำหรับผู้พัน จะมีแค่นรกเท่านั้นที่รอรับคนเลวๆ อย่างผู้พันจาฮัสด์”

“ถ้างั้นก็ไม่เป็นไร เรายอมตกนรกหมกไหม้ ขอแค่เพียงได้รักเจ้า ทำให้เจ้าครางเสียงกระเส่าตลอดทั้งคืนนี้ เพียงแค่นี้เราก็พอใจและยอมลงนรกตามที่เจ้าต้องการ”

“คนเลว”

“ขอบคุณที่ชมนะแพรไหม”

จิลลาดากัดฟันกรอดทำเสียงฮึดฮัดอยู่ในลำคอเมื่อไม่อาจทำอะไรผู้พันจาฮัสด์ได้ พออีกฝ่ายวางเธอลงจากหน้าตักแข็งแกร่ง ก็รีบหันกายถอยหนีไปนั่งจนชิดประตูรถอีกด้าน พร้อมกับนั่งกอดเข่าตัวเองพยายามซุกปทุมถันที่ยังคงร้อนรุ่มเพราะถูกพิษจุมพิตหนักหน่วงเข้าหาหัวเข่าราวกับต้องการปกปิดเรือนกายด้วยวิธีนี้ ผู้พันจาฮัสด์ถอนหายใจยาวกับอากัปกิริยาของจิลลาดา เขาเดินไปที่ท้ายรถเพื่อเปิดเอาเสื้อสูทที่เก็บไว้ท้ายรถมาตัวหนึ่ง ก่อนจะนำมาห่มตรงไหล่เล็กที่คู้เข้าหากันด้วยกริยาอ่อนโยน พร้อมกันนั้นก็กดจุมพิตเบาๆ ลงไปบนต้นคอระหงขณะพึมพำบอกเสียงนุ่ม “ใส่เสื้อของเราไว้สิแพรไหม” “ไม่ต้อง ไม่อยากได้เสื้อของคนใจร้าย” จิลลาดาคว้าสูทตัวหนาโยนทิ้งแทบจะทันทีที่พูดจบ เจอปฏิกิริยาต่อต้านจากจิลลาดาราวกับรังเกียจกันหนักหนา ทำเอาผู้พันจาฮัสด์ถึงกับกัดฟันกรอดๆ ด้วยอารมณ์โกรธที่เริ่มขุ่นเคืองขึ้นมาอีกหน “ไม่อยากใส่เสื้อของเราก็ไม่เป็นไร และถ้าอยากลงจากรถเดินเข้าในโรงแรมด้วยชุดราตรีที่ขาดวิ่นก็ตามใจเจ้า และคงสนุกพิลึกหากมีลูกค้าในโรงแรมมาติดต่อทาบทามราคาค่าตัวกับเจ้า” “และแพรไหมจะบอกเขาไปว่าเหมาจ่ายคืนละแสน ถ้าคนพวกนั้นมีปัญญาจ่าย แพรไหมก็จะไปกับเขาทันที” จิลลาดาเค้นเสียงตอบกลับอย่างประชดประชัน นาทีต่อมาก็ต้องหวีดเสียงครางออกมาเบาๆ ด้วยความเจ็บปวด เมื่อพวงแก้มของเธอถูกบีบเข้าหากันแน่นด้วยฝ่ามือใหญ่ “ข้ามศพเราให้ได้ก่อนเถอะแพรไหม ก่อนที่เจ้าจะทำตามที่พูดออกมา” ผู้พันจาฮัสด์เค้นเสียงตอบเย็นยะเยือก ดวงตาลุกวาบด้วยไฟโทสะลูกใหญ่ ใบหน้าคมเข้มถมึงทึงราวกับจะฆ่าคนตรงหน้าได้หากหญิงสาวคิดทำตามที่พูดออกมา จิลลาดายิ้มเยาะ จ้องมองผู้พันจาฮัสด์อย่างท้าทายไม่มีหลบตาแม้วินาทีเดียว “อย่าให้เผลอนะคะผู้พันจาฮัสด์ และหากตามหาชุดไพลินล้อมเพชรพบเมื่อไร เราจะจบกันเมื่อนั้น” “นรก!” ผู้พันจาฮัสด์สบถลั่นรถ พอก้าวขึ้นไปนั่งอยู่หลังพวงมาลัยรถก็กระชากรถออกอย่างรวดเร็ว และขณะขับรถด้วยความเร็วสูง ก็กัดฟันกรอด กำพวงมาลัยไว้แน่น ในใจนั้นสาบานว่ายังไงๆ ก็ไม่มีทางปล่อยให้จิลลาดาโผบินออกจากกรงทองอย่างแน่นอน

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์