โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

เชลยสวาทเจ้าทะเลทราย

บทที่ 14 (2)

ผู้พันจาฮัสด์ไม่ทันได้ตอบคำถามให้จิลลาดาคลายความสงสัยในฐานะของตนเอง ก็มีเสียงโทรศัพท์มือถือของผู้พันหนุ่มดังขึ้นมาขัดจังหวะเสียก่อน

กริ๊งๆๆ

ผู้พันหนุ่มหยิบโทรศัพท์ออกมาดูหมายเลขที่โทรเข้า พอเห็นว่าเป็นเบอร์โทรของลูกน้องที่ถูกสั่งให้เฝ้าผู้หญิงอีกคนอยู่ในโรงแรมที่เขาเพิ่งจากมาเมื่อเช้า ก็รีบกดรับสายพร้อมกับกรอกเสียงถาม

“มีอะไรหรือเปล่า เรากำลังจะไปที่โรงแรมเดี๋ยวนี้แล้ว” และเมื่อได้ยินคำตอบของลูกน้องผ่านโทรศัพท์ ผู้พันจาฮัสด์ถึงกับตะเบ่งเสียงถามดังลั่นด้วยความตกใจ

“อะไรนะ มันเกิดขึ้นตั้งแต่เมื่อไร”

ร่างสูงใหญ่ล่ำสันผุดลุกขึ้นจากเตียง เดินไปเดินมาด้วยความหงุดหงิดใจกับข่าวที่ได้ยิน

“ใช่ ยกเลิกการเดินทางไปคูเวตก่อน”

ผู้พันจาฮัสด์สั่งลูกน้องเสียงดัง ยกมือเสยผมให้ยุ่งไปหมด เมื่อทุกอย่างไม่เป็นไปตามที่ใจต้องการ

ทางด้านของจิลลาดาได้แต่กวาดสายตามองตามร่างสูงใหญ่ล่ำสันที่เดินวนไปมาเกือบทั่วห้องพัก หญิงสาวไม่รู้ว่ากำลังเกิดอะไรขึ้น ผู้พันจาฮัสด์ถึงได้ตีสีหน้าเคร่งเครียดตะโกนพูดกับคู่สนทนาด้วยน้ำเสียงค่อนข้างดัง และตลอดเวลาที่สนทนากับปลายทาง ผู้พันหนุ่มก็เลือกใช้ภาษาถิ่น ทำให้เธอไม่เข้าใจในคำพูดของเขา และเสียงห้วนจัดก็ยังคงหลุดออกมาจากริมฝีปากสีสดอย่างต่อเนื่อง

“แค่นี้ก่อน เดี๋ยวเราจะตามไปสบทบกับเจ้าเดี๋ยวนี้”

ผู้พันจาฮัสด์กดตัดสายกับลูกน้อง พอหันมามองจิลลาดาที่กำลังจ้องมองเขาเขม็งด้วยความอยากรู้ ก็ฝืนยิ้มให้หญิงสาว ก่อนจะเอ่ยบอกเพียงสั้นๆ ว่า

“รอเราอยู่ที่นี่นะแพรไหม แล้วเราจะรีบกลับมาให้เร็วที่สุด”

“เดี๋ยวสิคะผู้พัน”

จิลลาดากระโจนลงจากเตียงเข้าไปจับต้นแขนของผู้พันจาฮัสด์รั้งร่างสูงใหญ่ไว้ ก่อนอีกฝ่ายจะเดินออกไปจากห้อง พร้อมกับเอ่ยถามอีกครั้ง

“เกิดอะไรขึ้นคะ ทำไมผู้พันทำหน้าซีเรียสจังเลยคะ”

“ไม่มีอะไรหรอกแพรไหม รอเราอยู่ที่นี่ ห้ามหนีไปทำงานอีก หากเหงามากเราอนุญาตให้ไปหายายของเจ้า หรือไม่ก็ให้ท่านมาหาเจ้าที่นี่ก็ได้”

ผู้พันจาฮัสด์สั่งเสียงเข้ม กดจูบหนักๆ ลงไปบนเรียวปากอิ่มอย่างรวดเร็ว จากนั้นก็ผละออกแล้วเดินเป็นวิ่งออกจากห้องนอนก่อนที่จิลลาดาจะห้ามไว้ได้ทัน

“คนบ้า เกิดอะไรขึ้นทำไมไม่พูดไม่บอกแพร ไม่รู้หรือยังไงว่าแพรเป็นห่วง ให้แพรไปส่งที่สนามบินก็ยังดี”

จิลลาดาตัดพ้อต่อว่าผู้พันหนุ่มด้วยความน้อยใจ เข้าใจผิดคิดว่าอีกฝ่ายกำลังรีบเร่งเดินทางไปสนามบินตามที่บอกไว้ในก่อนหน้านี้ และพอร่างสูงใหญ่ล่ำสันเดินพ้นห้องไปแล้วก็ทิ้งตัวนั่งน้ำตาซึมอยู่คนเดียวบนโซฟาตัวใหญ่ มองไปทางไหนก็เห็นแต่เงาของผู้พันจาฮัสด์อยู่ทั่วห้อง ท้ายที่สุดก็ต้องร่ำไห้ออกมาเบาๆ ด้วยความเสียใจ ที่ผู้พันจาฮัสด์ทิ้งให้เธออยู่คนเดียวโดยไม่เห็นความสำคัญกับเธอเลย

ทางด้านของผู้พันจาฮัสด์ พอเดินออกมาจากห้องสูทหรูหราแล้ว ก็เห็นผู้กองคาฮานยืนรอด้วยสีหน้าเคร่งเครียดไม่แพ้กัน

“ผู้พันได้รับโทรศัพท์จากอัลฮิมแล้วใช่ไหมครับ”

ผู้พันจาฮัสด์พยักหน้ารับช้าๆ ก่อนจะเอ่ยตอบ “อืม...เราเพิ่งวางสายจากอัลฮิมเมื่อสักครู่ ไปกันเถอะ เราอยากรู้ว่าจิลลาภามีอาการเป็นอย่างไรบ้าง”

“ครับผู้พัน ผมภาวนาให้เธอไม่เป็นอะไรมาก” ผู้กองคาฮานพึมพำเบาๆ ขณะเดินตามเจ้านายตรงไปยังลิฟต์ที่อยู่ไม่ไกลนัก

“เราก็ภาวนาเหมือนเจ้า คาฮาน...ไม่เช่นนั้นแล้วคนที่จะเดือดร้อนที่สุดก็คือแพรไหม”

ผู้พันจาฮัสด์เอ่ยตอบเสียงเครียด วิตกกังวลในเรื่องนี้ตั้งแต่ได้รับโทรศัพท์จากลูกน้องที่ชื่ออัลฮิมแล้ว หากจิลลาภาเกิดเดินทางไปคูเวตกับเขาไม่ได้ คนที่ต้องรับทำหน้าที่แทนเธอก็คือคนที่เป็นแฝดน้อง ซึ่งไม่เคยรู้มาก่อนว่าตนเองมีพี่สาวเป็นฝาแฝดซึ่งมีใบหน้าเป็นพิมพ์เดียวกัน

หนึ่งชั่วโมงต่อมา ผู้พันจาฮัสด์และผู้กองคาฮานก็มายืนตีหน้าเครียดอยู่หน้าห้องไอซียู โดยมีอัลฮิมยืนรออยู่ไม่ห่าง

“นายไปพบเธอตอนไหน อัลฮิม”

ผู้พันจาฮัสด์ถามเสียงเข้ม ถอนหายใจเฮือกใหญ่ ขณะทอดสายตาจ้องมองร่างบางที่นอนหน้าซีดมีเครื่องช่วยหายใจครอบอยู่ตรงจมูกด้วย

“ผมเข้าไปพบเธอก่อนหน้านี้ไม่กี่ชั่วโมงครับ ผมจะเข้าไปบอกเธอว่าให้เตรียมตัวไปขึ้นเครื่องบิน แต่เมื่อเห็นอาการของเธอแล้ว ผมก็รีบโทรตามหมอทันทีครับ”

อัลฮิมรายงานผู้เป็นเจ้านายด้วยน้ำเสียงไม่สู้ดีนัก

“เธอกินยาฆ่าตัวตายยังงั้นหรือ”

คราวนี้เป็นผู้กองคาฮานที่เอ่ยถามลูกน้อง เขาและผู้พันจาฮัสด์ยังไม่ทราบถึงอาการเจ็บป่วยของจิลลาภา เพราะอัลฮิมแค่โทรไปบอกคร่าวๆ ว่าจิลลาภาถูกส่งเข้าโรงพยาบาลและมีอาการสาหัสเท่านั้น

อัลฮิมมองคนป่วยด้วยสายตาตำหนิ ก่อนจะเอ่ยบอกทุกคน “เธอเล่นยาเกินขนาดครับผู้กอง ตอนผมเข้าไปในห้องเธอเห็นมีเข็มฉีดยาตกอยู่กับพื้น ส่วนบนที่นอนเธอก็เต็มไปด้วยโคเคนที่ถูกเสพไปแล้วหลายหลอด ส่วนอันที่ไม่ได้เสพ ผมเอาไปทิ้งในชักโครกก่อนหมอจะเดินทางมาถึงครับ”

“บ้าชะมัด! ทั้งบ้าเซ็ก ทั้งติดยา ทำไมจิลลาภาถึงผิดกับแพรไหมราวฟ้ากับเหวนะ” ผู้พันจาฮัสด์สบถออกมาเบาๆ จากนั้นก็หันไปเอ่ยถามอัลฮิมต่อ

“ญาติๆ ของเธอรู้หรือยังว่าจิลลาภาอยู่โรงพยาบาล”

“ผมคิดว่าน่าจะทราบแล้วนะครับ เพราะเห็นหมอคุยกันกับพยาบาลในก่อนหน้านี้ว่า ให้โทรไปแจ้งญาติของเธอที่อยู่ในอเมริกาให้ทราบด้วย”

อัลฮิมบอกผู้พันจาฮัสด์ตามที่ตนเองได้ยินมา ซึ่งหากทางพยาบาลยังไม่โทรไปแจ้งญาติของคนป่วย เขานี่แหละจะเป็นคนทำหน้าที่นั้นเอง

“เราจะบอกคุณแพรไหม และยายของเธอไหมครับผู้พัน ว่าจิลลาภานอนป่วยอยู่ที่นี่”

ผู้กองคาฮานเป็นฝ่ายเอ่ยถามผู้พันจาฮัสด์บ้าง เพราะความลับระหว่างหญิงสาวสองคนที่เกิดมาเป็นฝาแฝดกัน แต่ถูกพรากจากกันตั้งแต่เล็ก เขาได้ล่วงรู้ความจริงทั้งหมดจากผู้พันจาฮัสด์แล้ว

ผู้พันจาฮัสด์ถอนหายใจยาว เอ่ยตอบตามที่ตนเองคิดไว้นานแล้ว “ยังก่อนคาฮาน เรายังไม่อยากบอกแพรไหมให้รู้ว่าตัวเองมีพี่สาวฝาแฝด แต่กับยายสุดา เอาไว้ให้จิลลาภาอาการดีขึ้นกว่านี้ก่อนแล้วค่อยไปบอกให้แกมาเยี่ยมหลานสาวที่ไม่เคยเจอหน้ากันมานับสิบๆ ปี”

“ยายสุดาคงช็อกนะครับผู้พัน ที่จู่ๆ ก็มีโอกาสเจอหลานสาวอีกครั้งตอนหลาน

สาวนอนป่วยหนักอยู่ในโรงพยาบาล” ผู้กองคาฮานเอ่ยออกมาอย่างเห็นใจคนในครอบครัวนี้

ผู้พันจาฮัสด์ยังคงจ้องมองไปยังร่างบางของจิลลาภาเขม็ง แล้วเอ่ยถามอัลฮิมต่อ

“หมอบอกว่าเธอต้องพักรักษาตัวนานแค่ไหน อัลฮิม”

“ผมคุยกับหมอที่เป็นเจ้าของไข้แล้ว บอกว่าเธอต้องอยู่โรงพยาบาลอย่างน้อยหนึ่งสัปดาห์ หลังจากนั้นต้องถูกส่งไปบำบัดอาการติดยาด้วยครับ”

“บ้าฉิบ!”

ได้ยินคำตอบซึ่งเป็นข่าวร้ายที่สุด ทำเอาผู้พันจาฮัสด์ต้องสบถออกมาอีกครั้งด้วยความหงุดหงิดใจ หากจิลลาภาต้องอยู่รักษาตัวนานถึงเพียงนั้น คนที่ต้องรับหน้าที่เดินทางไปพบกับชีคอาดีจอมซาดิสต์ในรัฐคูเวตก็คงไม่พ้นจิลลาดาอย่างแน่นอน

“ผู้พัน เอายังไงดีครับ ถ้าจิลลาภาต้องนอนใส่เครื่องช่วยหายใจแบบนี้ คุณแพรไหมก็ต้องเดินทางไปคูเวตแทนใช่ไหมครับ”

ผู้กองคาฮานเอ่ยถาม ซึ่งเป็นคำถามที่ผู้พันจาฮัสด์ไม่อยากตอบเอาซะเลย เพราะตอนนี้เขากำลังเกิดอาการลังเล ไม่อยากให้หญิงสาวที่ตนเองกำลังปักใจรักต้องไปเผชิญหน้ากับอสูรร้ายอย่างชีคอาดี

“ไม่! คาฮาน เราจะไม่ส่งแพรไหมไปพบชีคอาดีเป็นอันขาด” ในที่สุด ผู้พันจาฮัสด์ก็ตัดสินใจเลือกความปลอดภัยของยอดดวงใจ ทว่าเส้นทางที่เขาเลือกเดินให้กับจิลลาดากลับอยู่ได้ไม่นาน เมื่อจู่ๆ เสียงโทรศัพท์มือถือได้ดังขึ้นอีกครั้ง พอหยิบโทรศัพท์ออกมาดูเบอร์ที่โทรเข้า ผู้พันหนุ่มก็แทบจะขว้างโทรศัพท์ทิ้งให้รู้แล้วรู้รอดไป แต่เมื่อไม่อาจทำได้ แถมเสียงโทรศัพท์ยังคงดังขึ้นอย่างต่อเนื่อง จึงจำต้องกดรับโทรศัพท์ในที่สุด “ท่านพี่...” ผู้พันจาฮัสด์กล่าวทักทายเชษฐาเพียงสั้น จากนั้นก็นิ่งเงียบรอฟังคำสั่งจากเชษฐา ซึ่งตรัสสั่งและตรัสถามด้วยคำถามชุดใหญ่ และผู้เป็นอนุชาก็ได้เอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาว่า “พ่ะย่ะค่ะท่านพี่ ไม่เกินสองสามวันนี้ ท่านพี่จะได้ชุดไพลินล้อมเพชรของท่านแม่กลับคืนแน่นอนพ่ะย่ะค่ะ” เอ่ยบอกเชษฐาไปแล้ว ผู้พันจาฮัสด์ก็กดวางสายทันที ทำให้ไม่ได้ยินประโยคสุดท้าย ที่ชีคฮาซันตรัสบอกว่าตอนนี้พระองค์กำลังเดินทางมาประเทศไทยแล้ว ทางด้านของผู้พันจาฮัสด์ พอวางสายจากเชษฐาแล้วก็ยกมือลูบใบหน้าด้วยความหนักใจกับหนทางที่เริ่มบีบบังคับตัวเขาเข้าทุกขณะจิต ซึ่งแต่ละหนทางที่เหลือให้เลือกนั้น ล้วนแต่ก่อให้เกิดอันตรายกับยอดดวงใจของเขาทั้งสิ้น หากส่งจิลลาดาไปพบกับชีคอาดี ก็เท่ากับส่งเธอไปพบสัตว์ร้ายในคราบมนุษย์ หรือหากปล่อยให้เชษฐาที่กำลังโกรธและเกลียดคนทรยศหักหลังพระองค์พบกับจิลลาดาซึ่งไม่ใช่คนผิดแม้แต่นิดเดียว พระองค์คงไม่ลังเลสั่งให้องครักษ์จัดการเก็บจิลลาดาในทันทีที่ได้พบหน้ากับหญิงสาว “โธ่เว้ย! จะทำยังไงดีวะ” ผู้พันจาฮัสด์สบถเสียงดังลั่น ตัดสินใจไม่ถูกกับปัญหาอันหนักอึ้ง เขายืนมองคนป่วยอยู่อีกครู่หนึ่ง ก่อนจะเดินออกจากบริเวณดังกล่าวไปโดยไม่พูดอะไรอีก ทว่าในใจกำลังถามตัวเองว่ากล้าหรือไม่ หากต้องส่งจิลลาดาไปพบกับชีคอาดีในรัฐคูเวต

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์