“ทำไมม่านหมอกนี่ถึงได้กว้างนัก? เราเดินมาเกือบครึ่งชั่วโมงแล้ว ทำไมถึงยังไม่ออกจากม่านหมอกนี่อีก?”
กู่ยี่เทียนที่เดินอยู่หน้ากองทัพจ้องมองหมอกหนาสีขาวขุ่น ขมวดคิ้วแน่น สถานการณ์นี้เหมือนกับผีอำอย่างที่โบราณว่าเอาไว้เลย พวกเขาคงจะไม่ได้พบเหตุการณ์นี้เข้าหรอกนะ?
“หยุด!” ขณะที่กู่ยี่เทียนก้าวเท้าซ้าย ไม่ทันที่จะวางฝีเท้าลง หลี่ฝางที่อยู่ด้านหลังพลันร้องคำราม ใช้แขนรั้งเอวของเขาเอาไว้
กู่ยี่เทียนที่เพิ่งรู้สึกตัวไม่ทันได้ไหวตัว ถึงกับทำตาขวางใส่หลี่ฝางอย่างไม่พอใจ “หลี่ฝาง แกจะร้องอะไรกัน? ฉันตกใจหมด”
“อย่าขยับ! ดูใต้เท้าของแกให้ดีๆ แกไม่อยากมีชีวิตต่อไปแล้วหรือยังไงกัน? !” เมื่อเห็นว่ากู่ยี่เทียนยังคิดที่จะเดินไปข้างหน้า กำลังที่แขนของหลี่ฝางเพิ่มขึ้นในทันที กล่าวเตือนอย่างไม่สบอารมณ์
กู่ยี่เทียนก้มหน้าสังเกตอยู่นานถึงได้พบหน้าผาลึกอย่างเลือนรางที่ใต้ฝ่าเท้าของเขา เมื่อสักครู่หากไม่ใช่หลี่ฝางที่รั้งเขาเอาไว้ได้ทัน ตอนนี้เขาคงได้แหลกละเอียดไปแล้ว
เขาหดขากลับอย่างนึกกลัว พร้อมกลับถอยหลังไปสามสี่ก้าว กู่ยี่เทียนถึงได้ตบหน้าอกของตนเอง “บัดซบ ทำไมข้างหน้าถึงได้ไม่มีหนทางกะทันหันได้?”
“ในโลกใต้พิภพมีการเปลี่ยนแปลงร้อยแปด พื้นที่ราบตรงนี้ เดินหน้าไปหนึ่งก้าวก็อาจเป็นหน้าผาแล้ว แถมยังไม่เห็นแสงสว่างมาตลอด หมอกค่อนข้างหนาแน่น การมองเห็นค่อนข้างต่ำ เพราะงั้นเราต้องระวังตัวอยู่ตลอดเวลา”
อาคาอูขมวดคิ้วเล็กน้อย ใบหน้าฉาบไปด้วยความสงสัย สถานที่เกี่ยวกับโลกใต้พิภพที่เขาว่ามานั้น ก็ได้ยินมาบ้างผ่านคนรุ่นก่อน ส่วนตัวเขาเอง นี่เป็นครั้งแรกที่เข้ามาที่โลกใต้พิภพ
“เราพักก่อนเถอะ แล้วก็คิดหาวิธีเดินออกจากม่านหมอกนี่ด้วย”
ตั้งแต่เข้ามาหลี่ฝางรักษาสติสัมปชัญญะเต็มร้อยและการรับรู้ที่สูงมาก ไม่เช่นนั้นเขาก็คงจะรั้งกู่ยี่เทียนที่กำลังจะตกหน้าผาได้ในเวลาแรก ต่อให้เป็นหลี่ฝางเอง ต้องใช้สัมปชัญญะอันแรงกล้าอยู่ตลอดเวลาก็ไม่ไหว
กู่ยี่เทียนและคนอื่นๆ ไม่ขัดข้อง การเดินทางต่อไปอย่างไร้จุดหมายเช่นนี้ไม่ใช่วิธีที่ดี สู้นั่งลงแล้วหารือกันจะดีกว่า
“พวกแกได้ยินเสียงอะไรไหม?” เมื่อทุกคนนั่งลงได้ไม่นาน กู่ยี่เทียนก็ได้ยินเสียงบางอย่าง ต้นเสียงนั้นเบามาก หากไม่ตั้งใจฟังแยกแยะไม่ออกแน่นอน
“เอ๋ นี่มันตัวอะไรกัน?” ทันใดนั้น สิ่งที่มีสีดำทั้งตัวก็คลานออกมาจากด้านข้างของกู่ยี่เทียน เป็นหนอนที่มีหงอนบนหัว กู่ยี่เทียนใช้นิ้วจิ้มไปที่หนอนสีดำ กล่าวถามอย่างประหลาดใจ
เมื่ออาคาอูที่นั่งอยู่ข้างเขาเห็นเข้า เขาเด้งลุกขึ้นจากพื้นทันที พลันใช้พลังลอยขึ้นไปยังอากาศ “หนี!”
ที่เหลือสามคนแม้ว่าจะไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น แต่ก็ลอยตามหลี่ฝางไปตามสัญชาตญาณ
หลังจากที่พวกเขาลอยขึ้นฟ้า บริเวณก็เต็มไปด้วยหนอนสีดำนับไม่ถ้วน เพราะจำนวนที่มากเกินไปของหนอน การเคลื่อนไหวจึงราวกับคลื่นสายน้ำ
“ให้ตาย นี่มันตัวอะไร?” เมื่อกู่ยี่เทียนเห็นหนอนที่นับไม่ถ้วน ร่างกายเกิดขนลุกซู่ไปทั้งตัว น่าสะอิดสะเอียนเป็นบ้า ถ้าคนที่มีอาการกลัวรูมาเห็นละก็ ต้องต้องใจตายแน่ๆ
“ด้วงเหล็กแดง! อาซาโทสเปิดห้องลับของท่านเทพอ้านงั้นหรือ! เราต้องรีบไปแล้ว!” เมื่ออาคาอูเห็นหนอนเหล่านั้นใบหน้าของเขาไร้สีเลือดทันที แววตาคู่นั้นของเขาเต็มไปด้วยความผวา
ตำนานเล่าว่า เมื่อพันปีก่อนเทพอ้านชอบเลี้ยงสัตว์ที่รูปร่างประหลาด แถมยังกระตือรือร้นในการเพาะพันธุ์ ได้เพาะพันธุ์สัตว์ที่มีรูปร่างประหลาดออกมาหลายสายพันธุ์
ด้วงเหล็กแดงก็เป็นหนึ่งในนั้น
แม้ว่าหนอนชนิดนี้จะใหญ่เท่านิ้ว ตัวเดียวไม่นำความเสียหายมาก แต่ด้วงเหล็กแดงเป็นสัตว์จำพวกกลุ่ม หากพบเพียงหนึ่งตัว ก็จะปรากฏด้วงเหล็กแดงมากมายนับไม่ถ้วน
ด้วงเหล็กแดงเหล่านี้อันที่จริงอาศัยอยู่ในห้องลับวิจัยสัตว์ประหลาดของเทพอ้าน ไม่คิดเลยว่าจะถูกปล่อยออกมา ดูเหมือนว่าพวกอาซาโทสได้เปิดสุสานของเทพอ้านแล้ว
“อาคาอู หนอนพวกนี้คงบินไม่ได้หรอกใช่ไหม?” กู่ยี่เทียนจ้องมองด้วงเหล็กแดงที่กองทับกันเป็นภูเขาขนาดเล็กจนกลืนน้ำลายกล่าวถาม
ไม่รอคำตอบของอาคาอู กู่ยี่เทียนก็เห็นด้วงเหล็กแดงตัวหนึ่งค่อยๆ กางปีกออก บินขึ้นมาอย่างโซซัดโซเซ
“ให้ตาย เหล่ากู่ไอ้ปากอีกา!” หลี่ฝางเห็นอย่างนั้นสบถออกมาอย่างหยาบคาย เขาบินขึ้นสูงกว่าเดิม แม้จะไม่กลัวหนอน แต่ดำทะมึนนับไม่ถ้วนแบบนี้ ไม่ว่าจะเป็นใครก็ต้องขนลุกกันทั้งนั้น
“ห้ามโจมตีด้วงเหล็กแดงเป็นอันขาด! พวกมัน……”
“โอ้ยๆ ……อย่าไต่ขึ้นมาบนตัวกูสิวะ!”
อันที่จริงอาคาอูคิดจะเตือนกู่ยี่เทียนและหลี่ฝาง อย่าโจมตีด้วงเหล็กแดง เพราะหนอนพวกนี้มันเกิดการจะไม่จู่โจมมากนัก แต่ถ้าหากมีพรรคพวกได้รับบาดเจ็บหรือตาย ก็จะเกิดการต่อต้าน ทำการจู่โจมเป็นฝูง
แต่ไม่ทันที่เขาจะพูดจบประโยคดี กู่ยี่เทียนก็ตบด้วงเหล็กแดงตัวหนึ่งที่ไต่บนไหล่ของเขาจนตาย เขาจ้องมองด้วงเหล็กแดงตัวนั้นที่ถูกกู่ยี่เทียนตบจนแบนแต๋ แทบอยากจะฆ่าเขาทิ้งซะ“เอ๋ อาคาอูเมื่อกี้แกว่าไงนะ?” กู่ยี่เทียนที่ตบด้วงเหล็กแดงจนตายหันหน้ากลับมากล่าวถามอย่างไร้เดียงสาอีกฝ่ายเต็มไปด้วยความหม่นหมอง ทิ้งท้ายสองคำอย่างโกรธแค้น “หนีเร็ว!” ปีกสี่คู่ที่อยู่บนหลังของอาคาอูและปันปูค่อนข้างแข็งแกร่ง กระพือสองทีก็บินออกไปไกลมากโขด้วงเหล็กแดงที่พื้นเริ่มบินขึ้นเป็นกลุ่ม เสียอึกทึกทำให้กู่ยี่เทียนและหลี่ฝางทั้งคู่เหงื่อแตกโชกเป็นสายฝน ไม่กล้าหยุดนิ่งแม้เสี้ยววินาที พลังของทั้งคู่ถูกใช้จนถึงขีดสูงสุด หนีไปทางด้านอาคาอู“อาคาอู ทำอะไรสักอย่างสิ ไอ้ฝูงหนอนพวกนั้นเหมือนกับพวกหลอกคนเลย ไม่ว่าจะหนียังไงก็ไม่พ้น” ทั้งสี่ลอยล่องอยู่สี่ห้านาที แต่ก็ไม่สามารถสลัดด้วงเหล็กแดงด้านหลังทิ้งไปได้ แถมระยะห่างยังใกล้เข้าไปทุกที กู่ยี่เทียนไม่คิดเลยว่าวันหนึ่งเขาจะถูกหนอนไล่ล่าจนหนีหัวซุกหัวซุน
copy right hot novel pub