“เชื่อฟัง อย่าดิ้น” หลี่ฝางทำเป็นไม่ได้ยิน ไม่ว่าฉินวี่เฟยจะดิ้นยังไงก็ไม่ปล่อยมือ
หยางฉงหลังจากดึงสติกลับมาได้แล้วก็รู้ว่าฉินวี่เฟยบาดเจ็บจึงมีสีหน้าเป็นกังวล และเดินเข้าไปหาทั้งคู่พลางถามอย่างเป็นห่วง
“พี่วี่เฟย พี่เป็นอะไร? บาดเจ็บตรงไหนเหรอ?”
ฉินวี่เฟยไม่ค่อยกล้ามองตาหยางฉง ลดสายตาลงพลางพูดเสียงเบา “บาดเจ็บไม่ได้ร้ายแรงอะไร เธอไม่ต้องเป็นห่วงนะ และก็เรื่องมันไม่ได้เป็นอย่างที่เธอคิดนะ หลี่ฝางเขาแค่เป็นห่วงฉัน ถึงได้……”
ที่จริงเธอคิดจะอธิบายกับหยางฉง แต่พูดไปได้แค่ครึ่งก็ถูกหล่อนขัดขึ้น ในตาหยางฉงไม่ได้มีความรู้สึกเสียใจ กลับกันยังยิ้มพลางส่ายหัว
“ไม่ต้องอธิบายหรอก ฉันรู้ พี่หลี่ฝาง พี่ไปส่งพี่วี่เฟยไปตรวจร่างกายก่อนเถอะนะ”
หลี่ฝางมองหยางฉงที่ใจดีและเงียบไปครู่นึง จากนั้นก็พยักหน้าและอุ้มฉินวี่เฟยเข้าห้องตรวจ
“เสี่ยวฉง ขอโทษนะ ที่เมื่อก่อนจากมาโดยไม่ลา” ใช้โอกาสที่ฉินวี่เฟยตรวจสภาพร่างกายอยู่ด้านใน หลี่ฝางก็พูดกับหยางฉงอย่างรู้สึกผิดสุดๆ
เมื่อได้ยินเขาพูดขอโทษร่างของหยางฉงก็สั่นเล็กน้อย ผมยาวดำขลับปกปิดใบหน้าของเธอไปเกินครึ่ง ทำให้หลี่ฝางมองสีหน้าของเธอในตอนนี้ไม่ชัด ขณะที่หลี่ฝางคิดว่าหยางฉงจะร้องไห้นั้น จู่ๆ หยางฉงก็เงยหน้ามองตาของเขา
“ไม่เป็นไร ฉันไม่โกรธเคืองหรอก พี่หลี่ฝาง” บนหน้าของหยางฉงมีรอยยิ้มบางๆ พลางส่ายหน้าเบาๆ
เธอไม่เคยคิดที่จะแค้นเคืองหลี่ฝางเลย แค่โทษที่ตัวเองมาเจอหลี่ฝางช้าไป ถ้าหากเธอสามารถเหมือนฉินวี่เฟย อยู่กับหลี่ฝางมานาน งั้นบางทีผลลัพธ์อาจจะไม่เหมือนตอนนี้
“ยัยโง่ เธอไม่ควรจะโง่แบบนี้นะ” รอยยิ้มบนหน้าของหยางฉงทิ่มแทงสายตาหลี่ฝาง เขาอดไม่ได้ที่จะยื่นมือไปลูบผมหยางฉงเบาๆ น้ำเสียงทั้งปวดใจทั้งหมดหนทาง
โง่เหรอ? อาจจะมั้ง ถ้าหากไม่โง่ งั้นทำไมถึงต้องดื้อจะคลอดลูกออกมาล่ะ ถ้าหากไม่โง่ ทำไมถึงต้องวิ่งมาไกลพันกิโลจากเมืองจินซานมาถึงเมืองตงไห่เพื่อมาหาหลี่ฝางกัน
นัยน์ตาของหยางฉงฉายความหงอยเล็กน้อย แต่รอยยิ้มบนใบหน้ากลับลึกซึ้งขึ้นไปอีก เงยหน้าขึ้นมองหน้าหลี่ฝางด้วยสีหน้าจริงจัง
“พี่หลี่ฝาง ฉันไม่เคยรู้สึกเสียดายที่ได้เจอพี่ หรือที่ได้รักพี่ และยิ่งไม่รู้สึกเสียดายที่ได้ให้กำเนิดลูกของพี่ ฉันรู้ว่าพี่อยากจะบอกฉันว่าอะไร ฉันก็เข้าใจว่าในใจพี่นั้นรักพี่วี่เฟยขนาดไหน ฉันมาหาพี่ที่เมืองตงไห่ ก็ไม่ใช่เพราะว่ามาแย่งอะไรกับพี่วี่เฟย ฉันแค่อยากถามพี่ พี่เคยรักฉันมั้ย แม้ว่าจะวินาทีนึงก็พอแล้ว”
เมื่อได้ยินประโยคนี้ของหยางฉง หลี่ฝางก็รู้สึกราวกับมีมีดทื่อๆ ด้ามนึงค่อยๆ หั่นหัวใจเขาอย่างช้าๆ เจ็บมากเจ็บปวดมาก
เขานั้นชอบหยางฉง แต่แค่ความชอบที่เขามีต่อหยางฉง มันห่างไกลกับฉินวี่เฟยมาก ถ้าหากเขาไม่มีความรู้สึก เขาคงไม่ทำเพื่อตระกูลหยางมากมายขนาดนี้
“ผู้หญิงดีๆ อย่างเธอ จะไม่ชอบได้ยังไง แต่ว่าเสี่ยวฉง ให้อภัยฉันด้วยที่ฉันไม่สามารถคบกับเธอได้ ฉันขอบคุณเธอมากๆ ที่เธอให้กำเนิดลูกของฉัน แต่ว่าฉันไม่สามารถทำร้ายจิตใจวี่เฟยได้ ฉันยิ่งไม่อยากให้เราต้องมาอยู่ด้วยกันเพราะว่าลูก”
“ฉันรู้ว่าที่ฉันพูดนั้นมันเลวมากจริงๆ แต่ฉันหวังว่าเธอจะเข้าใจความคิดที่แท้จริงของฉัน ถ้าหากฉันจะต้องเลือกระหว่างเธอกับฉินวี่เฟยละก็ ฉันคิดว่าฉันจะเลือกวี่เฟย”
บางทีอาจเพราะว่าได้เตรียมใจมาไว้แล้ว หลังจากที่ได้ยินประโยคนี้ของหลี่ฝาง ในใจของหยางฉงก็ไม่ได้รู้สึกเสียใจอะไรมาก
แม้กระทั่งตอนที่ได้ยินหลี่ฝางพูดว่าชอบตนนั้น ในใจยังรู้สึกมีความสุขเล็กน้อย
อย่างน้อย หลี่ฝางก็ชอบเธอจริงๆ
“ฉันรู้ ฉันเข้าใจทั้งหมด จะโทษก็โทษที่ฉันไม่ได้เจอพี่ให้เร็วกว่านี้ ขอแค่พี่เคยชอบฉัน งั้นทั้งหมดนี้ก็คุ้มค่าแล้ว พี่หลี่ฝาง ฉันขออวยพรจากใจจริงให้พี่กับพี่วี่เฟยรักกันจนแก่เฒ่านะ”
ตอนที่หยางฉงพูดประโยคนี้น้ำเสียงนั้นเบามากๆ แต่พูดไปพูดมาน้ำตาก็ไหลลงมาโดยไม่รู้ตัว เธอยื่นมือออกไปเช็ดหน้าเปียกๆ และฝืนยิ้มอย่างทรมาน
“เฮ้อ ทำไมฉันร้องไห้ล่ะเหนี่ย นิสัยขี้แยของฉันจะแก้ได้เมื่อไหร่นะ เป็นถึงแม่คนแล้ว ถ้ายังขี้แยแบบนี้ต่อไปเกรงว่าจะไม่ได้นะ”
เมื่อได้ยินหยางฉงพูดเองตอบเอง หลี่ฝางก็รู้สึกตื่นตระหนกในลำคอ ลูกกระเดือกสั่นอยู่ครู่ อยากยื่นมือไปโอบหยางฉงเข้ามาในอ้อมแขน แต่ขณะที่เขาเพิ่งจะยกมือขึ้น ประตูห้องตรวจก็เปิดออก
ฉินวี่เฟยที่สีหน้าซีดเล็กน้อยก็เดินออกมาจากห้องตรวจ ด้านข้างมีคุณหมอสาวสวมชุดขาวท่านนึง
หยางฉงที่ได้ยินเสียงความเคลื่อนไหวก็รีบเช็ดน้ำตาอย่างลนลาน หลังจากสงบสติอารมณ์ตัวเอง ก็ฉีกยิ้มที่เป็นห่วงและเข้าไปกอดแขนฉินวี่เฟย
“พี่วี่เฟย พี่เป็นอะไร? บาดเจ็บตรงไหนเหรอ?”
เห็นท่าทีเป็นห่วงของหยางฉง ฉินวี่เฟยก็ตบไปที่หลังมือหล่อนเบาๆ “ไม่ได้เป็นอะไรร้ายแรง ก็แค่กระดูกซี่โครงเคลื่อนนิดหน่อยเท่านั้น”“อะไรเรียกว่าเคลื่อนนิดหน่อย กระดูกซี่โครงของเธออีกนิดก็เกือบหักอยู่แล้ว ไม่รู้เหมือนกันว่าผู้หญิงคนนึงทำไมถึงทนความเจ็บแบบนี้ได้โดยไม่ร้องเลย” หลังจากหมอที่อยู่ข้างๆ ฉินวี่เฟยได้ยิน ก็ขมวดคิ้วทันที และพูดอาการที่แท้จริงออกมาที่จริงได้ยินฉินวี่เฟยบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรมากก็วางใจลงเล็กน้อยแต่ต่อมาหยางฉงก็ลนลานขึ้นมาอีก และคว้าแขนของหมอมาถาม“หมอพูดว่าอะไรนะ? ซี่โครงเกือบจะหัก? นี่มันเรื่องอะไรกันแน่? เมื่อกี้พี่วี่เฟยนอนอยู่ที่ห้องพักผู้ป่วยไม่ได้ออกไปไหนเลย ทำไมจู่ๆ ถึงได้รับบาดเจ็บหนักขนาดนี้?”ท่าทีคุณหมอหญิงแสดงอย่างเอือมระอา ตอนที่เธอได้เห็นรอยช้ำที่หน้าอกของฉินวี่เฟยเธอก็ตกใจเหมือนกัน นี่ต้องถูกกระแทกแรงอย่างหนักถึงได้มีรอยช้ำแบบนี้ได้ตอนที่เธอตรวจก็ถามฉินวี่เฟยว่าได้รับบาดเจ็บมาได้ยังไง แต่ฉินวี่เฟยบอกแค่ว่าตัวเองไม่ระวังไปกระแทกโดน เป็นหมอมาตั้งหลายปีทำไมจะฟังไม่ออกว่าฉินวี่เฟยกำลังโกหก แต่คนที่เจอเรื่องมาไม่ยินดีที่จะพูด เธอก็ทำได้แต่หมดหนทาง
copy right hot novel pub