หลังจากเป็นลูกศิษย์ของหลี่ฝางอย่างเป็นทางการ ไขบู๊เกอก็ไม่ลืมเรื่องที่ตนต้องการติดตามหลี่ฝาง รีบถามจุดหมายปลายทางของหลี่ฝางพวกเขาทันที เตรียมไปเปลี่ยนไฟล์ท
“สนามบินชีหนัน พวกเราใกล้ขึ้นเครื่องแล้ว นายไปเปลี่ยนไฟล์ทตอนนี้ก็ไม่ทันหรอก ฉันว่านายสองคนไปเที่ยวเหมือนเดิมเถอะ ฉันไม่ต้องการให้พวกนายมาติดตาม”
ตอนนี้หลี่ฝางคิดแค่ว่าต้องสลัดเจ้างี่เง่าสองคนนี้ให้หลุด จึงพูดขึ้นอย่างเหลืออด
“สนามบินชีหนัน?!โอ้โห!นี่มันพรหมลิขิตชัดๆ!ลูกพี่!”เมื่อได้ยินว่าหลี่ฝางจะไปสนามบินชีหนัน ไขจี๋เออก็ตื่นเต้นสุดๆ ยิ้มหน้าบานอย่างกับดอกไม้
เห็นเขาเป็นเช่นนั้น หลี่ฝางก็รู้สึกลางไม่ดี กู่ยี่เทียนข้างๆก็ตลกขึ้นมา“เห้อ นายสองคนคงไม่ได้ไปไฟล์ทเดียวกับเราหรอกใช่ไหม?”
“ไฟล์ทเดียวกันๆ!ตอนแรกผมกับน้องวางแผนกันว่าจะไปเที่ยวเมืองชีหนัน คิดไม่ถึงว่าจะโชคดีแบบนี้ ที่ได้เจอกับลูกพี่ของพวกเรา!”ไขจี๋เออพยักหน้าหงึกๆ
หลี่ฝางรู้สึกเดือดมากๆ แทบจะหายใจไม่ออก โชคดีกับผีหน่ะสิ คิดไม่ถึงว่าต้องมาเจอกับสองพี่น้องปัญญาอ่อนนี่
“เอาล่ะ ดูท่าถึงนายไม่อยากพาสองพี่น้องนี่ไปด้วยก็ต้องพาไปแล้วล่ะ”กู่ยี่เทียนตบไหล่หลี่ฝางอย่างเห็นใจ หัวเราะจนปวดท้อง
“ออกไป!”หลี่ฝางปัดมือเขาออกจากไหล่ตนอย่างโกรธๆ แล้วเดินถือตั๋วเครื่องบินของตนเดินไปขึ้นเครื่อง
“เห้ยๆ!ลูกพี่รอพวกเราด้วย!”ไขจี๋เออและไขบู๊เกอกำลังบอกลากลุ่มต่างชาติที่มาด้วยกันในตอนแรก พอเห็นหลี่ฝางเดินออกไปอย่างไม่หันหลังกลับ ก็รีบถือกระเป๋าเดินทางตามไปทันที
“สองคนนั้นเป็นใคร?”ส้าวส้วยมองหลี่ฝางและสองพี่น้องนั่นด้วยสีหน้ามึนงง ยังไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น
“พวกเขาเป็นลูกศิษย์ที่หลี่ฝางเพิ่งรับเมื่อกี้ ให้ตายยังไงก็จะตามไปเผ่ากู่กับเราให้ได้”กู่ยี่เทียนพูดอย่างกลั้นขำ
“นี่……”ส้าวส้วยไม่รู้จะพูดอะไรขึ้นมาทันที เขาคิดไม่ถึงว่าพอพูดถึงก็ได้ซะงั้น เมื่อกี้ยังพูดอยู่เลยว่าให้หลี่ฝางหาศิษย์ไว้สัก2-3คน เพียงพริบตาเดียวก็ได้มาถึงสองคน
“นายสองพี่น้อง นายชื่ออะไร?ผมชื่อไขจี๋เออ นี่น้องชายผมชื่อไขบู๊เกอ พวกเราเป็นคนอลาสก้า ยินดีที่ได้รู้จักครับ”
บนเครื่องบิน ไขจี๋เออทักทายส้าวส้วยกับกู่ยี่เทียนอย่างเป็นกันเองมากๆ หลี่ฝางเหลือบมองพวกเขา จากนั้นใส่ผ้าปิดตา เข้าสู่ห้วงนิพพาน
ขอแค่ไขจี๋เออสองพี่น้องไม่มาวุ่นวายกับตน แบบนั้นอะไรก็พูดง่ายไปหมด
“เอ่อ……สวัสดี ฉันชื่อส้าวส้วย”ส้าวส้วยไม่ชินกับความสนิทสนมของไขจี๋เออพยักหน้าอย่างทำตัวไม่ถูก บอกชื่อตัวเองไปแล้ว ก็เท่ากับแนะนำตัวแล้วแหละ
“ฉันชื่อกู่ยี่เทียน ฉันกับส้าวส้วยเป็นเพื่อนสนิทของลูกพี่พวกนาย ต่อไปพวกนายเรียกฉันว่าพี่รอง เรียกเขาว่าพี่สาม”เมื่อเปรียบเทียบกัน กู่ยี่เทียนพูดมากกว่าหน่อย ถึงขนาดตั้งชื่อเรียกให้ตนกับส้าวส้วย
“ทำไมนายไม่ให้พวกเขาเรียกศิษย์พี่รองล่ะ?พี่รองอะไรกัน”หลี่ฝางที่งีบอยู่ข้างๆได้ยินเข้า กลอกตามองบนให้กู่ยี่เทียน พลางพูดเหน็บแนม
“นายนะสิศิษย์พี่รอง!อย่าคิดว่าฉันฟังไม่ออกว่านายกำลังด่าฉันเป็นหมู!”กู่ยี่เทียนรู้ถึงความหมายแฝงที่หลี่ฝางพูดทันใด แล้วกระแทกไปทีหนึ่ง
แต่สำหรับไขจี๋เออกับไขบู๊เกอที่ไม่เข้าใจสี่ผลงานชิ้นเอกของประเทศจีนนั้น พวกเขาไม่รู้ถึงมุกของหลี่ฝาง ถึงขนาดมองกู่ยี่เทียนด้วยสีหน้ามึนงง
“ผมว่าเรียกศิษย์พี่รองก็ไม่เลวนะ พี่กู่ ต่อไปพวกเราเรียกพี่ว่าศิษย์พี่รองดีไหม”
ได้ยินที่ไขจี๋เออพูด กู่ยี่เทียนโกรธเบิกตาโตเป็นเท่าตัว กำลังจะด่า แต่เมื่อเห็นสายตาที่ไร้เดียงสา และบริสุทธิ์ของไขจี๋เออก็ด่าไม่ออกทันที
“ช่างเถอะ ฉันก็ไม่ได้อยากให้พวกนายเรียกพี่รองอะไรนั่น เรียกหัวหน้ากู่ก็พอ”
สุดท้ายกู่ยี่เทียนโบกมือไปมาอย่างจนปัญญา ไม่อยากถกเถียงกับไขจี๋เออสองพี่น้องอะไรอีก
ส้าวส้วยอีกด้านเห็นกู่ยี่เทียนเสียเปรียบ เผยเห็นรอยยิ้มที่เห็นได้ยาก แต่รอยยิ้มนี้เผยให้เห็นแค่ครู่เดียว วินาทีต่อมาเขาก็กลับไปเป็นแบบเดิม
มองไขจี๋เออกับไขบู๊เกอด้วยสีหน้าเคร่งขรึม พลางพูดด้วยน้ำเสียงขู่ๆ
“ในเมื่อพวกนายสองคนรับหลี่ฝางลูกพี่แล้ว ก็ต้องจงรักภักดีให้ได้ ถ้าฉันพบว่าพวกนายไม่ซื่อสัตย์ ก็อย่าโทษฉันว่าไม่เกรงใจก็แล้วกัน”
ตอนแรกไขจี๋เออและไขบู๊เกอไม่ได้สนใจส้าวส้วย แต่ส้าวส้วยในตอนนี้กลับทำให้พวกเขารู้สึกเกรงกลัว
สายตาของส้าวส้วยราวกับงูพิษก็ไม่ปาน ทำเอาไขจี๋เออสองพี่น้องอดไม่ได้ที่จะเหงื่อตกและถอดถอนใจ
คนที่ได้เรียกพี่เรียกน้องกับผู้แข็งแกร่ง ความสามารถมันไม่ไปไหนอย่างที่คิดไว้จริงๆ
“ครับๆ ลูกพี่ส้าวส้วยไม่ต้องกังวล พวกผมจะจงรักภักดีกับลูกพี่หลี่ฝางแน่นอน!ถ้าพวกเรานอกลู่นอกทางแม้แต่น้อย ขอให้พวกเราไม่ตายดี!”
เมื่อเผชิญหน้ากับแรงกดดันของผู้แข็งแกร่ง ไขจี๋เออและไขบู๊เกอก็พยักหน้าหนักแน่นอย่างรู้จักวางตัวสุดๆ อีกทั้งยังให้คำสาบาน
“โห พวกนายสองคนป๊อดเกินไปแล้ว?ถูกเขาขู่นิดๆหน่อยๆก็เปลี่ยนเป็นเรียกลูกพี่แล้ว?แล้วฉันล่ะ พวกนายก็ควรเรียกฉันว่าลูกพี่ไม่ใช่เหรอ?”
กู่ยี่เทียนเห็นไขจี๋เออสองพี่น้อง“ยืดหยุ่น”ได้เช่นนี้ ก็พูดขึ้นอย่างไม่ยอม“เมื่อกี้พี่ให้พวกเราเรียกพี่ว่าหัวหน้ากู่ไม่ใช่เหรอ?ถ้าเรียกลูกพี่กันหมด ผมกลัวว่าจะกันแยกไม่ออก”คำพูดของไขจี๋เออทำให้กู่ยี่เทียนโกรธจนใจเจ็บอีกครั้ง เขากัดฟันกรอดๆอยู่ครู่ใหญ่ สุดท้ายก็ทำได้เพียงปรับที่นั่งแล้วนอนลงไปตั้งแต่เครื่องออกจนถึงลงจอด ใช้เวลาไปทั้งหมด3ชั่วโมงครึ่ง ตอนออกเดินทางจากเมืองตงไห่ฟ้ายังสว่างอยู่เลย พอมาถึงสนามบินชีหนันฟ้าก็มืดแล้วคนนำทางมาถึงวันพรุ่งนี้ บวกกับฟ้ามืดแล้วยากต่อการเดินทาง หลี่ฝางและคนอื่นๆจึงพักในโรงแรมใกล้ๆสนามบินก่อนหลังจากได้คลุกคลีกันระยะหนึ่ง หลี่ฝางและคนอื่นก็ค่อยๆสนิทกับสองพี่น้องมากขึ้น แม้พวกเขายังคงตะโกนเรียกพี่ใหญ่หลี่ฝางอย่างกับคนปัญญาอ่อนก็เถอะ แต่ความจงรักภักดีที่มีต่อหลี่ฝางเป็นของจริงหลี่ฝางพวกเขาไม่ต้องทำอะไรเลยตลอดการเดินทาง กระเป๋าหรือเรื่องต่างๆพวกเขาสองคนล้วนเป็นคนจัดการทั้งหมด“หลี่ฝาง ลูกศิษย์สองคนที่เก็บมาได้นี่คุ้มอยู่นะ มีพวกเขาแล้วสบายขึ้นเยอะ”กู่ยี่เทียนเอามือไขว้หลังยืนมองพี่น้องไขจี๋เออที่กำลังลากกระเป๋าใบน้อยใหญ่ด้านหน้า พลางพูดอย่างสบายใจ
copy right hot novel pub