หลังจากที่กินอาหารเสร็จหลี่ฝางหยิบโทรศัพท์ออกมาหวังจะโทรไปหาพวกฉินวี่เฟย แต่ปรากฏว่าที่นี่ไม่มีสัญญาณโทรศัพท์เลยแม้แต่น้อย เขาจึงทำได้เพียงต้องเก็บโทรศัพท์กลับลงไปในกระเป๋ากางเกงดังเดิมอย่างเอือมระอา ก่อนจะเอนตัวลงนอนไปบนก้อนหิน พลางเอาหัวหนุนมือทั้งสองเอาไว้มองดูดวงดาวที่อยู่บนท้องฟ้า
“ดาวที่สวยขนาดนี้ ไม่ได้เห็นมานานมากแล้ว” ในขณะที่มองดูหมู่ดาวที่ส่องประกายอยู่บนท้องฟ้า หลี่ฝางก็พึมพำออกมาอย่างอดไม่ได้
และด้วยความที่ไม่มีความบันเทิงอื่นใดอีกแล้ว ทุกคนจึงนอนลงไปบนหินแบบเดียวกับหลี่ฝางในหินก็อนถัดๆ ไปแล้วเหม่อมองดวงดาวบนฟ้า
“หลี่ฝาง ลูกของนายก็คลอดแล้ว เมื่อไหร่ถึงจะจัดงานแต่งสักที?” กู่ยี่เทียนถามอย่างสงสัย
อันที่จริงหลี่ฝางเองก็กำลังครุ่นคิดเกี่ยวกับเรื่องนี้เหมือนกัน ตอนนี้ลูกของตัวเองก็คลอดออกมาแล้ว แต่เขาก็ยังไม่ได้จัดงานแต่งให้กับทั้งหยางฉงและฉินวี่เฟยเลย เรื่องนี้คงจะพูดด้วยเหตุผลและความรู้สึกอย่างเดียวไม่ได้
งานแต่งไม่ว่าจะอย่างไรก็ต้องจัด แต่จะทำอย่างไรก็กลับเป็นอีกปัญหาหนึ่งขึ้นมา
ทั้งตระกูลหยางและตระกูลฉินล้วนนับว่าเป็นตระกูลที่มีชื่อเสียง แน่นอนว่าการแต่งงานของฉินวี่เฟยและหยางฉงจะต้องดึงดูดความสนใจจากสื่อต่างๆ
ซึ่งหากปล่อยให้คนอื่นรู้ว่าพวกเธอสองคนแต่งงานกับผู้ชายคนเดียว คาดว่าคงจะเกิดข่าวซุบซิบนินทาในสังคมแน่นอน แต่หลี่ฝางไม่ได้อยากให้ฉินวี่เฟยและหยางฉงต้องได้รับผลกระทบจากคำพูดไร้สาระพวกนี้
“เห้อ ฉันเองก็กำลังคิดเรื่องนี้อยู่เหมือนกัน แต่ไม่รู้ว่าควรจะจัดการยังไงดีแล้ว งานแต่งของฉันกับฉินวี่เฟยและหยางฉง เรื่องนี้จะต้องกลายเป็นจุดสนใจแน่นอน นายเองก็รู้ดีว่าพวกนักเลงคีย์บอร์ดวันๆเอาแต่แซะเรื่องคนอื่นทั้งที่ไม่รู้เรื่องจริงเท็จอะไรเลย ฉันกลัวว่าถึงนั้นจะเกิดปัญหาขึ้นโดยไม่จำเป็น”
เมื่อคิดถึงเรื่องการจัดงานแต่ง หลี่ฝางก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมาทันที เขาถอนหายใจอย่างหนัก บนใบหน้าเผยให้เห็นความเศร้าหมองที่ปรากฏขึ้นมา
“อะไรนะ?หลี่ฝางนี่คุณจะแต่งงานกับผู้หญิงสองคนงั้นหรอ?แม่เจ้า!คิดไม่ถึงเลยว่าคุณจะเจ้าชู้ขนาดนี้!”
เสี่ยวหลินตังที่อยู่ข้างๆ เมื่อได้ยินบทสนทนาของทั้งสอง ก็ถึงกับดีดตัวลุกขึ้นนั่ง แล้วพูดด้วยดวงตาที่เบิกกว้างจากความตกใจ
หลี่ฝางที่เดิมทีอารมณ์ไม่ค่อยดีอยู่แล้ว ยิ่งมาได้ยินคำพูดของเสี่ยวหลินตังสีหน้าของเขาก็ยิ่งหมองลงไปอีกจนสุดขีด เขารู้ดีว่าความสัมพันธ์ระหว่างตัวเองกับฉินวี่เฟยและหยางฉงจะต้องเป็นสิ่งที่คนจำนวนมากยอมรับไม่ได้ แต่ในตอนที่ถูกคนอื่นด่าว่าเป็นผู้ชายเจ้าชู้ ในใจของเขาราวกับมีหอกแหลมคมอันหนึ่งแทงเอาไว้แล้วมีหอกอีกอันหนึ่งแทงซ้ำเข้าไปอีก ทั้งเจ็บปวดทั้งโมโห
“อะแฮ่ม เสี่ยวหลินตัง เรื่องมันไม่ได้เป็นแบบที่เธอคิดหรอกนะ เธออย่าพูดอีกเลยนะ” เมื่อหันไปเห็นสีหน้าของหลี่ฝางหมองลงอย่างกะทันหัน กู่ยี่เทียนก็รีบดึงตัว เสี่ยวหลินตังลงมาอย่างทำอะไรไม่ถูก ก่อนจะหันไปพูดขอโทษกับหลี่ฝาง
“เหล้าหลี่ เสี่ยวหลินตังเธออายุยังน้อย ยังไม่รู้ความ พูดจาตรงไปตรงมา นายอย่าเอาไปใส่ใจเลยนะ”
ผ่านไปสักพัก หลี่ฝางถึงค่อยถอนหายใจออกมายาวๆ แล้วสะกดความเดือดดาลที่อยู่ในใจเอาไว้
“เอ่อ ฉันว่าตอนนี้ก็ดึกมากแล้ว ทุกคนรีบพักผ่อนเถอะ พรุ่งนี้ตื่นมาจะได้เดินทางกันต่อ”
ในสถานการณ์แบบนี้ บทสนทนานี้ไม่สามารถที่จะพูดคุยกันต่อไปได้อีกแล้ว กู่ยี่เทียนจึงรีบหาข้ออ้างแล้วผลักหลี่ฝางให้เข้าไปในเต็นท์
ด้วยความที่เต็นท์มีจำนวนจำกัด ผู้ชายอย่างพวกเขาจึงต้องแบ่งเป็นสองคนต่อหนึ่งเต็นท์ หลี่ฝางกับกู่ยี่เทียนพักอยู่ด้วยกัน สองพี่น้องไขจี๋เออก็อยู่ด้วยกันในเต็นท์อีกอันหนึ่งในขณะที่ส้าวส้วยได้อยู่ร่วมเต็นท์เดียวกันกับอูหลิงอย่างจำใจ ส่วนเสี่ยวหลินตังเพราะว่าเป็นผู้หญิง จึงได้พักในเต็นท์ของตัวเองเพียงคนเดียว
และเนื่องจากอยู่ในป่าดึกดำบรรพ์ ดังนั้นในตอนกลางคืนจึงต้องมีคนมาคอยเฝ้ายาม พวกหลี่ฝางได้มีการตกลงกันเอาไว้แล้วว่านอกจากเสี่ยวหลินตังที่ไม่ต้องเฝ้ายามแล้ว พวกเขาที่เป็นผู้ชายจะยึดหลักผลักกันเฝ้ายามไปเรื่อยๆ ในทุกครึ่งชั่วโมงต่อหนึ่งคน
สองพี่น้องไขจี๋เออ และส้าวส้วยได้รับผิดชอบส่วนของช่วงก่อนเที่ยงคืน ส่วนหลี่ฝาง กู่ยี่เทียนและอูหลิงรับผิดชอบช่วงหลังเที่ยงคืน
ในตอนกลางดึก กู่ยี่เทียนที่กำลังนอนหลับสนิท จู่ๆ ก็สัมผัสได้ถึงจิตสังหารหนึ่งปรากฏขึ้น ก่อนที่จะลืมตาขึ้นมาเห็นหลี่ฝางที่อยู่ด้านข้างๆ กำลังถือมีดคมเล่มหนึ่งชี้มายังหน้าอกของเขา
สถานการณ์ที่กะทันหันนี้ทำเอาเขาตกใจจนขนลุกไปหมด พร้อมกับรีบตลบตัวไปอีกทาง หลบหลีกจากการโจมตีอันรุนแรงนั้น
ถึงแม้ว่ามีดนั้นจะไม่ได้ทำร้ายโดนจุดสำคัญของกู่ยี่เทียน แต่ก็ยังบาดโดนแขนของเขาจนกลายเป็นแผลใหญ่ จนมีเลือดสดไหลออกมา
ถึงแม้ว่าจะเจ็บแผลอย่างมาก แต่ตอนนี้กู่ยี่เทียนกลับไม่ได้สนใจอะไรอีกต่อไปแล้ว พลางใช้มือข้างหนึ่งกุมแผลเอาไว้ในขณะที่วิ่งหนีออกจากเต็นท์ไป พร้อมกับร้องตะโกนขอความช่วยเหลือ
“ช่วยด้วย!หลี่ฝางคลั่งแล้ว!”
สองพี่น้องไขจี๋เออที่กำลังเฝ้ายามอยู่ด้านนอกรีบวิ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว ทันทีที่ได้เห็นร่างของหลี่ฝางที่เต็มไปด้วยไอสังหารก็ถึงกลับกลืนน้ำลายลงคออย่างหนัก
“หัวหน้ากู่ นี่ลูกพี่ของพวกเราเป็นอะไรไป ?ทำไมเขาถึงได้กลายเป็นแบบนี้ได้?”
ไขจี๋เออประคองกู่ยี่เทียนที่ได้รับบาดเจ็บพร้อมถาม
“ไม่มีเวลาอธิบายกับพวกนายแล้ว แต่พวกนายจะต้องจำเอาไว้อย่างหนึ่งคือหลี่ฝางในตอนนี้ไม่ใช่ลูกพี่ของพวกนายอีกแล้ว ในร่างของเขามีวิญญาณอีกตัวหลบซ่อนอยู่”
เลือดสดบนแขนยังคงไหลออกมาอย่างต่อเนื่อง ไม่รู้ว่าเป็นเพราะว่าพลังในตอนนี้อ่อนแอเกินไปหรือเปล่า แต่จู่ๆ กู่ยี่เทียนก็รู้สึกทนไม่ไหวอีกแล้ว ก่อนที่จะโซเซแล้วล้มลงไปกับพื้น
“พี่กู่ยี่เทียน !” เสี่ยวหลินตังที่กำลังเดินออกมาจากเต็นท์ เห็นว่ากู่ยี่เทียนได้รับบาดเจ็บ ก็รีบร้อนวิ่งไปยังข้างกายกู่ยี่เทียน แล้วมองเขาด้วยใบหน้าที่ตื่นตระหนก
ทางด้านอูหลิงที่ได้เห็นท่าทีกังวลใจนี้ของ เสี่ยวหลินตัง ภายในใจก็รู้สึกเจ็บแปลบขึ้นมา เขาอยากที่จะเดินเข้าไปแยกเสี่ยวหลินตัง ออกจากตัวกู่ยี่เทียน แต่สติได้เอาชนะความใจร้อนภายในใจของเขาเสียก่อน จึงทำให้เขาเอาแต่ยืนนิ่งอยู่กับที่ไม่ขยับตัวไปไหน
“หลี่ฝาง!นายตั้งสติหน่อย!” ส้าวส้วยเดินไปหาหลี่ฝาง หวังจะแย่งมีดที่อยู่ในมือของเขาออกมา พร้อมกับลองเรียกสติของหลี่ฝางไปด้วย แต่มันกลับไม่มีประโยชน์เลยแม้แต่น้อยหลี่ฝางที่ในตอนนี้ได้ถูกเทพอ้านครอบงำไปเรียบร้อยแล้ว จึงไม่มีความปรานีใดๆ ให้กับพวกของส้าวส้วย ทั้งยังเกิดการปะทะกับส้าวส้วยขึ้นมาอีกด้วย และในทุกๆ การโจมตีล้วนเป็นท่าพิฆาตทั้งนั้นทั้งสองคนต่อสู้กันจนผ่านไปแล้วเกือบร้อยกระบวนท่าแล้ว แต่แล้วส้าวส้วยก็ยังเทียบกับเทพอ้านไม่ได้ ในขณะที่มีดกำลังจะปาดลงบนคอของส้าวส้วย จู่ๆ ก็มีหินก้อนหนึ่งบินเข้ามากกระทบลงบนมีดนั้น จนทำให้ใบมีดที่กำลังพุ่งตรงไปข้างหน้าเกิดการหันเห และเพราะเหตุนี้ส้าวส้วยถึงได้รอดพ้นจากอันตรายนั้นส้าวส้วยที่สามารถหลบนี้ออกมาจากเงื้อมมือของเทพอ้านรีบทิ้งห่างระยะของทั้งสองทันที ในขณะที่ส้าวส้วยกำลังนั่งชันเข่าพร้อมหายใจหอบอยู่นั้น สายตาก็จ้องมองไปยังหลี่ฝางอย่างไม่ลดละ หวังพักสักพักก่อนจะเข้าไปโจมตีอีกครั้ง“พักก่อน เดี๋ยวผมจัดการเอง” และในตอนที่ส้าวส้วยกำลังเตรียมจะเข้าไปต่อสู้อีกครั้ง อูหลิงที่เพิ่งช่วยชีวิตเขาเมื่อสักครู่นี้ก็ยื่นมือออกมาห้ามเขาเอาไว้ พลางมองไปยังหลี่ฝางด้วยใบหน้าเคร่งขรึม“เอายาถอนพิษออกมา!” หลี่ฝางมองอูหลิง พูดด้วยเสียงที่เฉียบขาด ก่อนหน้านี้เทพอ้านถูกหลี่ฝางสะกดเอาไว้ในร่างกาย ถึงแม้ว่าจะไม่สามารถควบคุมร่างได้ แต่กลับสามารถรับรู้และเห็นทุกสิ่งที่เกิดขึ้นรอบข้างเขารู้ว่าหลี่ฝางต้องการไปที่เผ่ากู่เพื่อที่จะต่อกรกับตัวเอง และเขาก็รู้ด้วยว่าพลังของหลี่ฝางในตอนนี้ได้ถูกอูหลิงสะกดเอาไว้แล้ว
copy right hot novel pub