ทุกครั้งที่นึกถึงว่าตระกูลหยางถูกชายหนุ่มอายุยี่สิบกว่าปีคนหนึ่งทำลายลง หยางเซี่ยงหมิงก็ยากที่จะควบคุมความรู้สึกโกรธของตนเองได้
สำหรับเขานั้น ตระกูลหยางคือสิ่งที่เขาสร้างขึ้นมาด้วยตนเอง ถึงครอบครองความรุ่งโรจน์ในตอนแรกเอาไว้ได้ ทว่ากลับโดนหยางเฉินพังย่อยยับแล้ว
ในลูกตาของหยางกวนหยู่เต็มไปด้วยแรงอาฆาตแค้น กัดฟันไว้แน่นแล้วพูดว่า “ชาตินี้เวยเอ๋อร์ต้องอยู่บนเตียงคนป่วยใช้ชีวิตที่เหลือไป ต้องมีสักวันหนึ่ง ผมจะต้องให้เวยเอ๋อร์ ฆ่าเจ้าหมอนั่นด้วยมือของตัวเองให้ได้!”
“หลิ่วเอ๋อร์น่าจะตามไปที่เมืองเอกแล้วสินะ?” หยางเซี่ยงหมิงถามขึ้นทันใด
หยางกวนหยู่พยักหน้า นึกถึงลูกสาวคนนี้ บนหน้าเขาภูมิใจเต็มเปี่ยม ยิ้มพลางพูดว่า “หลิ่วเอ๋อร์ตอนนี้ยอดเยี่ยมมาก เพื่อตระกูลแล้ว ยังคบค้าสมาคมกับคนหนุ่มสาวบางส่วนของเมืองจินเหอไม่หยุด”
“ครั้งนี้ หล่อนติดตามผู้โดดเด่นของวงรอบนอกตระกูลเฝิงอยู่ คนที่ชื่อเฝิงจี้จง ไปที่เมืองเอกแล้ว เข้าร่วมงานประชุมแลกเปลี่ยนระดับล่างครับ”
“ดี รอถึงวันนั้นที่พวกเราตระกูลหยางเจริญขึ้นมาใหม่ หลิ่วเอ๋อร์ก็จะเป็นผู้มีคุณูปการใหญ่ของเราตระกูลหยาง สิ่งที่คนอื่นมีกัน หล่อนย่อมไม่ขาดเป็นธรรมดา!” หยางเซี่ยงหมิงหัวเราะเสียงดังบอกไป
“ปัง!”
ตอนที่พวกเขากำลังพูดคุยถึงอนาคตตระกูลหยางอยู่นั้น ประตูของคฤหาสน์ถูกคนชนเปิดจากข้างนอกอย่างแรงในทันใด
เห็นเพียงชายกำยำที่รูปร่างสูงใหญ่เจ็ดแปดคน พุ่งเข้ามาโดยตรงแล้ว
“ใครกัน?”
หยางกวนหยู่กับหยางเซี่ยงหมิง ชั่วขณะนั้นโมโหยกใหญ่
“รู้ไหมว่านี่คือที่พักของใคร? พวกแกยังกล้าบุกเข้ามามั่วๆ?”
หยางกวนหยู่พูดอย่างเดือดดาล “ถ้าผู้นำเฝิงรู้เข้า พวกแกรู้ไหมว่าผลลัพธ์จะร้ายแรงแค่ไหน?”
ผู้แข็งแกร่งที่เป็นหัวหน้า พูดจาอย่างเย็นชาไร้ที่เปรียบ “ผู้นำมีคำสั่งว่าตระกูลหยางล่วงเกินผู้นำแห่งเจียงผิง โทษประหารชีวิต! ขอเพียงเป็นญาติสายตรงของตระกูลหยางแห่งเมืองโจวเฉิง ฆ่าทิ้งหมด!”
ตระกูลหยางโทษประหารชีวิต!
คำพูดเหล่านี้ เสมือนเป็นเสียงปีศาจ ดังก้องอยู่ในหัวสมองของหยางเซี่ยงหมิงและหยางกวนหยู่
สองพ่อลูกหน้าตามึนงง หยางกวนหยู่ยิ่งดูตกใจกลัวอย่างยิ่ง พอขาซวนเซ จึงถอยหลังไปสามสี่ก้าว
“ต่อให้ต้องตาย ก็ต้องให้พวกเราตายแบบกระจ่างด้วยสิ?”
หยางเซี่ยงหมิงอดกลั้นความโกรธแค้นในใจเอาไว้ ถามด้วยเสียงสั่นเครือ “ผู้นำแห่งเจียงผิง สรุปเป็นใครกัน? สรุปเป็นใครของตระกูลหยางที่ล่วงเกินเขาแล้ว?”
เวลานี้ ในใจเขามีเพียงความไม่ยินยอม
ตอนแรกที่เมืองโจวเฉิง เพราะประเมินความสามารถของหยางเฉินผิดพลาดไป ไม่เพียงจัดการหยางเฉินไม่ได้ กลับทำให้ทั้งตระกูลหยางตกอยู่ในมือของหยางเฉิน ส่วนตระกูลหยาง ก็ถูกไล่ออกมาจากเมืองโจวเฉิง
ที่ตระกูลเฝิง ไม่ง่ายที่เขาจะมองเห็นความหวังที่ตระกูลหยางจะเจริญขึ้นใหม่อีก ตามองเห็นแล้วว่าใกล้จะสำเร็จ กลับถูกบอกอย่างกะทันหันว่าตระกูลหยางล่วงเกินผู้นำแห่งเจียงผิง ญาติพี่น้องสายตรงของตระกูลหยาง มีเพียงตายสถานเดียว
“ผู้นำแห่งเจียงผิง”ห้าคำนี้ แสดงถึงความแข็งแกร่งของเบื้องหลังบุคคลนั้นอย่างแจ่มแจ้ง
เขาจะยินยอมได้อย่างไร?
ชายกำยำสูงใหญ่ที่เป็นหัวหน้า พูดแบบหน้าตาไร้ความรู้สึก “ฉันรู้แค่ว่าผู้นำแห่งเจียงผิงอายุไม่ถึงสามสิบปี มาจากเมืองเจียงโจว คนเรียกกันว่าคุณหยาง!”
“อายุไม่ถึงสามสิบปี มาจากเมืองเจียงโจว? สกุลหยาง?”
หน้าหยางเซี่ยงหมิงเต็มไปด้วยความตื่นตระหนก
ในหัวสมองของเขาปรากฏภาพชายหนุ่มที่สูงส่งสง่างามคนหนึ่งขึ้นฉับพลัน
ก่อนหน้านี้ที่ตระกูลหยาง ในขณะยกมือขึ้นมา ฆ่าคนด้วยใบไม้
“หลานสาวของแกหยางหลิ่ว เหยียดหยามคุณหยาง อีกทั้งยังพยายามยืมมือของคุณชายตระกูลเฝิงจัดการกับคุณหยางด้วย”
“คุณหยางสั่งมาว่าหลังจากคืนนี้ไป ถ้ายังมีญาติพี่น้องของตระกูลหยางแห่งเมืองโจวเฉิงในอดีตอยู่ ตระกูลเฝิงก็ต้องพังพินาศไปด้วย”
ชายกำยำที่เป็นหัวหน้าบอกต่อไปอีก ในสายตาเต็มไปด้วยความเย็นชา
โดยเฉพาะ เพราะตระกูลหยาง แม้แต่ตระกูลเฝิงยังเกือบมาพังพินาศเพราะเหตุนี้
หยางเซี่ยงหมิงหน้าตาอึ้งทึ่ง ชั่วขณะหนึ่งน้ำตานองหน้า น้ำตาไหลพูดว่า “นี่คือสวรรค์อยากจะทำลายตระกูลหยางของฉัน! สวรรค์อยากพังตระกูลหยางของฉันสินะ!”
พูดจบ ในมือเขามีมีดเล่มหนึ่งโผล่มา ไม่มีความลังเลแม้แต่น้อย เสียบเข้าไปอย่างแรงตรงหัวใจของตนเอง
“เฮือก!”
เลือดสดพุ่งกระจาย ที่หน้าอกของหยางเซี่ยงหมิง เสื้อเชิ้ตค่อยๆ เปื้อนด้วยสีแดง
“พ่อ!”
หยางกวนหยู่ร้องเสียงดังด้วยความเจ็บปวด
เพียงแต่หยางเซี่ยงหมิงไม่มีทางพูดได้อีกสักประโยคหนึ่งแล้ว เลือดสดจำนวนมากไหลออกมาจากในปาก
ไม่นานชีพจรของหยางเซี่ยงหมิงก็หายไปจนหมด
บุคคลน่าเกรงขามรุ่นหนึ่ง มาบัดนี้ถึงแก่กรรมแล้ว
จนกระทั่งตาย ในใจหยางเซี่ยงหมิงยังเป็นความรู้สึกเสียใจ
ตอนแรกนั้น ที่ร่วมงานกับหยางเฉิน ขอเพียงตระกูลหยางสามารถซื่อสัตย์ขึ้นอีกสักระดับหนึ่ง เกรงว่าตระกูลหยางคงไม่พังพินาศและมีจุดจบอย่างเช่นวันนี้
แม้กระทั่งอาจสามารถยืมมือของหยางเฉิน นำพาตระกูลหยางพัฒนาจนกลายเป็นตระกูลใหญ่ชั้นนำของทั้งมณฑลเจียงผิง
พลาดไปก้าวหนึ่ง ทุกก้าวจึงพลาดด้วย!
เห็นบิดาล้มลงจมกองเลือด หยางกวนหยู่หน้าตาเศร้าเสียใจ
เขาลุกขึ้นทันใด พุ่งออกไปด้านหน้าในชั่วขณะนั้น
“ตึง!”
เสียงกระแทกอันแสบแก้วหูเสียงหนึ่งดังขึ้น ศีรษะหยางกวนหยู่ชนบนกำแพงแล้ว ก่อนจะล้มลงกับพื้นในชั่วพริบตา
ชายกำยำหลายคนในคฤหาสน์สีหน้าเรียบเฉย ชายกำยำที่เป็นหัวหน้าเอ่ยปากบอก “คนของตระกูลหยางคนอื่นๆ ฆ่า! อย่าให้เหลือสักคนเดียว!”
“ครับ!”
นี่ลิขิตให้เป็นค่ำคืนแห่งความเศร้าเสียใจ ญาติพี่น้องตระกูลหยางยังไม่รู้ว่าเกิดเรื่องราวอะไรขึ้น ก็ถูกไล่สังหารทิ้งเสียแล้ว
หยางเฉินไม่รู้ทุกอย่างที่เกิดขึ้นนี้
ความคิดแรกเริ่มของเขา เพียงแค่ให้ตระกูลหยางออกไปจากมณฑลเจียงผิง
แต่ว่าเฝิงฉวนอยู่ภายใต้ความโกรธ กลับทำลายตระกูลหยางแห่งเมืองโจวเฉิงจนสิ้นซาก
เช้าตรู่วันต่อมา ข่าวที่สั่นสะเทือนทั้งมณฑลเจียงผิงได้ขึ้นข่าวพาดหัวใหญ่ๆ อย่างรวดเร็ว
“ประชุมแลกเปลี่ยนที่สามปีมีครั้งของมณฑลเจียงผิงกลายเป็นประวัติศาสตร์ ราชาเจียงผิงปรากฏตัวขึ้น!”
“ในชั่วข้ามคืน สามตระกูลใหญ่แห่งเมืองเอกมณฑลเจียงผิง สองตระกูลใหญ่หายไป!”
“ราชาเจียงผิงปรากฏตัว ใครจะสู้ได้?”
แทบจะทุกพาดหัวข่าว หัวข้อล้วนเกี่ยวข้องกับราชาเจียงผิง
ดีที่ยังไม่มีใครกล้าเปิดเผยสถานะของหยางเฉินออกมา ในแต่ละข่าวบอกเพียงว่าราชาเจียงผิงสกุลหยาง
สำหรับสมาคมบูโดและตระกูลหวง เดิมทีไม่มีคนกล้าพูดถึง
ส่วนหยางเฉิน กลับเป็นเหมือนคนนอก หลังจากที่ประชุมแลกเปลี่ยนสิ้นสุด ทุกอย่างของเขาก็กลับมาสู่ความสงบอีกครั้ง
“ปะป๊า หนูอยากกินไอศกรีมค่ะ!”
สวนสนุกเมืองเจียงโจว เสี้ยวเสี้ยวที่พึ่งเล่นรถบั๊มเสร็จ กอดคอของหยางเฉินเอาไว้ พูดจาอ่อนหวาน
“ได้ ปะป๊าไปซื้อให้หนูเอง!”
หยางเฉินพูดอยู่ อยากจะอุ้มเสี้ยวเสี้ยวไปซื้อไอศกรีม เป็นพวกบ้าตามใจลูกสาวคนหนึ่งเลยทีเดียว
“หยางเฉิน!”เขาพึ่งเดินออกมาได้ไม่กี่ก้าว ก็มีเสียงที่เต็มไปด้วยความโกรธเคืองดังขึ้นจากด้านหลังเท้าของหยางเฉินแข็งค้างกลางอากาศในชั่วขณะนั้น หันหน้าด้วยความระมัดระวัง มองเห็นฉินซีที่กำลังเอามือทั้งสองเท้าสะเอวไว้ มองเขาแบบหน้าตาโมโห“ฉันเคยบอกไปตั้งกี่ครั้งแล้ว เสี้ยวเสี้ยวพูดอะไร คุณห้ามให้ลูกอันนั้น”“ลูกยังไม่ถึงห้าขวบเต็มเลยนะ เป็นช่วงที่ร่างกายเติบโต กินอาหารขยะพวกนั้น ไม่มีประโยชน์ต่อลูกเลยสักนิด!”“ถ้าอยู่ลับหลังฉัน คุณยังซื้อขนมให้ลูกกินอีก ตอนกลางคืนอย่าคิดจะเข้ามาในห้องของฉันเลย!”ฉินซีกัดฟันแน่นพลันพูดขึ้นชั่วขณะนั้นหยางเฉินร้อนใจใหญ่ รีบพูดว่า “ผมรับรอง! ไม่ซื้อขนมให้เสี้ยวเสี้ยวอีกแล้ว!”“ปะป๊า!”ได้ยินคำพูดของหยางเฉิน เสี้ยวเสี้ยวทำหน้าน้อยใจ น้ำตากลิ้งคลออยู่ในเบ้าตาชั่วขณะหนึ่งหยางเฉินใจอ่อน พูดอย่างระมัดระวัง “ที่รัก ถ้าไม่อย่างนั้นให้เสี้ยวเสี้ยวกินไอศกรีมอีกสักครั้งหนึ่ง?”“ไม่ได้!”ฉินซีพูดเด็ดขาด “วันนี้ลูกกินไอศกรีมไปสองแท่งแล้ว!”พูดจบ เธอก็เดินเข้าไปอุ้มเสี้ยวเสี้ยวมาจากในมือของหยางเฉินโดยตรงเสี้ยวเสี้ยวกล้าออดอ้อนอยู่ต่อหน้าหยางเฉิน แต่อยู่ต่อหน้าฉินซี กลับไม่กล้าเวลานี้ได้แต่กะพริบดวงตากลมโตที่สดใสแวววาว มองหยางเฉินอย่างน่าสงสาร เหมือนกำลังพูดว่าปะป๊า หม่าม้ารังแกหนู ปะป๊าไม่สนใจเลย
copy right hot novel pub