แต่วินาทีที่เขารู้สึกถึงอันตราย ทุกอย่างก็สายไปเสียแล้ว
หนิวเกนหุยที่เพิ่งหลบการโจมตีของหัวหน้าสำนักหลง ยกมุมปากขึ้นเกี่ยวเป็นเส้นโค้งเหี้ยมเล็กน้อย “จบมันได้แล้ว!”
พูดจบ เนื่องจากการขับเคลื่อน ร่างกายจึงยังไม่หยุดนิ่ง พริบตาเดียวก็วาดมือออกไป หมัดที่เตรียมพร้อมอยู่แล้วเข้าเสยคางของหัวหน้าสำนักหลงทันที
“ปุก!”
“แกรก!”
เสียงจุกจากการโจมตีดังขึ้น และแทบจะเป็นเวลากัน เสียงกระดูกหักก็ดังขึ้นด้วย
ร่างของหัวหน้าสำนักหลงกระเด็นออกไปราวกับถูกรถบรรทุกกระแทกใส่
ทุกคนลุกขึ้นพร้อมกันพรวด มองภาพนี้ด้วยความตะลึง
แต่ยังไม่จบเพียงเท่านี้ วินาทีที่ร่างหัวหน้าสำนักหลงร่วงลงพื้น เงาของหนิวเกนหุยก็ปรากฏขึ้น
ใบหน้าเขาเต็มไปด้วยรอยยิ้มแห่งความเลือดเย็น เอ่ยปาก “ฉันเกลียดพวกไม้ใกล้ฝั่งที่สุด แกตายไปได้แล้ว!”
“พลั่ก!”
หนิวเกนหุยกำหมัดทั้งสอง ใช้หมัดที่ราวกับค้อนเหล็กทุบเข้ากลางอกหัวหน้าสำนักหลงที่กำลังร่วงลงอย่างอิสระ
หลังจากเกิดเป็นเสียงดังสนั่น ร่างของหัวหน้าสำนักหลงก็ตกสู่พื้นอย่างจัง ไม่รู้ว่าการโจมตีนี้ทำให้กระดูกหักไปแล้วกี่ซี่
ทุกคนที่อยู่ ณ ที่นี้ต่างตกตะลึงกับการลงสู่พื้นของหัวหน้าสำนักหลง
พริบตาเดียว สนามอันกว้างขวางก็เงียบกริบ
ทุกคนต่างลุกขึ้นยืน สายตาจดจ่ออยู่กับร่างที่ยืนตระหง่านอยู่ใจกลางลานประลองอย่างภาคภูมิ
หัวหน้าสำนักหลงที่เปื้อนเลือดไปทั้งตัว นอนกองอยู่ด้านข้าง เจอกับการโจมตีหนักขนาดนี้ มีหรือจะรอด?
“ตายแล้ว?”
ใบหน้าจูกว่างจื้อเต็มไปด้วยความตะลึง แทบจะพูดสองคำนี้ออกมาด้วยความสะท้าน
คนหนันหยังล้วนตื่นตระหนก หวาดหวั่นอยู่ในใจ
ที่เมืองหนันหยัง สำนักมังกรเสือเป็นดินแดนในตำนาน และหัวหน้าสำนักหลงก็ถูกเห็นเป็นราวกับเทพบนดิน
บัดนี้พวกเขากลับได้เห็นเทพบนดินในใจของผู้คนหนันหยังถูกหนิวเกนหุยสังหารอยู่บนลานประลองต่อหน้าต่อตา
“ไม่!”
“เป็นไปไม่ได้!”
“เป็นไปไม่ได้เด็ดขาด!”
จูกว่างจื้อหวีดร้องเสียงหลง พูดว่าเป็นไปไม่ได้ติดๆ
เขารับไม่ได้กับเรื่องที่หัวหน้าสำนักหลงถูกสังหาร
เพื่อเชิญหัวหน้าสำนักหลงออกมา เขาถึงกับยอมทำตามความต้องการอีกฝ่ายทุกอย่าง รอได้เมืองเจียงผิงกับเมืองหนันหยังแล้วยังจะสถาปนาอีกฝ่ายขึ้นเป็นราชาของเมืองนี้อีก
หัวหน้าสำนักหลงอยู่เบื้องหลังของแผนการ และตระกูลจูก็เป็นตระกูลใหญ่ที่ออกหน้าช่วยหัวหน้าสำนักหลงควบคุมสองเมืองนี้
ทว่าตอนนี้หัวหน้าสำนักหลงถูกเก็บไปแล้ว ความฝันที่เขาจะควบคุมเมืองทั้งสองนี้ก็แตกสลายไปทันที
“เจ้าบ้านจู นี่ก็คือราชาที่คุณอยากสถาปนาขึ้นร่วมเป็นเจ้าแห่งเจียงผิงกับหนันหยังเหรอ?”
หานเซี่ยวเทียนพูดด้วยสีหน้าที่เย้ยหยัน
จูกว่างจื้อโมโหพูด “หานเซี่ยวเทียน! อย่างน้อยหัวหน้าสำนักหลงก็รั้งได้ตั้งนาน แต่ผู้กล้าที่ตระกูลหานเชิญมา กลับตายในพริบตา คุณมีสิทธิ์อะไรมายิ้มเยาะต่อหน้าผม?”
“ตระกูลหานของผมหาผู้กล้าไม่ได้ แต่เจียงผิง มีราชาเจียงผิงอยู่นี่!”
หานเซี่ยวเทียนยิ้มเย็น ทำหน้าหยิ่ง “เมื่อราชาเจียงผิงปรากฏตัวออกมา ใครยังจะกล้าเทียบเทียมด้วยอีก?”
ตอนนี้เอง หนิวเกนหุยที่ยืนตระหง่านอยู่บนลานประลองอย่างภาคภูมินั้น ก็ใช้สายตาจดจ้องที่นั่งคนดู มองร่างชายหนุ่มคนหนึ่ง
“ตอนนี้ แกไสหัวออกมารับความตายได้แล้วละสิ?”
เสียงของหนิวเกนหุยดังก้องไปทั่ว แม้ไม่มีเครื่องมือถ่ายทอดเสียง แต่เสียงของเขากลับระเบิดแก้วหูทุกคน
“ถ้าแกอยากตายนัก ฉันก็จะสงเคราะห์ให้!”
ท่ามกลางฝูงชน ร่างหนุ่มน้อยคนหนึ่งก็ค่อยๆ ลุกขึ้นยืนพูด
ไร้คำพูดสิ้นเปลือง สองประโยคนั้นกลับสะเทือนลั่นไปทั้งพื้นที่
“หยาง...หยางเฉิน”
เมื่อหวังหย่งเห็นชายหนุ่มข้างๆ ที่ลุกขึ้นดึงดูดสายตาผู้คนแล้วก็ตกใจจนพูดไม่ออก
ส่วนหลัวหยวนหยวนกับสวุลี่ที่ดูแคลนหยางเฉินมาตลอด เวลานี้กลับสั่นเทิ้มไปทั้งตัว ใบหน้าเต็มไปด้วยความตะลึง เอามือปิดปากตัวเอง
ราชาเจียงผิงนั่งอยู่ข้างพวกเขามาตลอด แต่พวกเขากลับไม่รู้เลย!
“จะ...จะ...เป็นเขาไปได้ยังไง?”
ท่ามกลางฝูงชน ตอนที่เย่ม่านเห็นหยางเฉิง จิตใจก็เหม่อลอยจนเกือบสะดุดล้ม
แต่เธอกลับไม่รู้ว่าเย่เสี่ยวเตี๋ยที่นั่งอยู่ข้างเธอ และไม่สนใจเรื่องงานต่อสู้เลยจะตัวสั่นระริกเพราะความตื่นเต้นด้วย
“ในที่สุดฉันก็หาคุณพบจนได้!”
เย่เสี่ยวเตี๋ยพูดพึมพำ ดวงตาทั้งสองมีน้ำตาไหลรินเป็นสาย
“สารเลว! จะลุกขึ้นยืนทำไม?!”
“เขาเรียกหาราชาเจียงผิง แกจะมาเต๊ะท่าหาพระแสงอะไรฮะ?”
“ถ้าแกอยากตายก็อย่าทำให้พวกเราเดือดร้อนด้วยก็แล้วกัน!”
หลังจากหลัวหยวนหยวนกับสวุลี่ที่อยู่ข้างหยางเฉิงตะลึงค้างไปชั่วครู่แล้วก็เกิดโทสะ
จะให้พวกเธอเชื่อได้อย่างไรว่าหยางเฉิงก็คือราชาเจียงผิง
เมื่อได้ฟังคำพูดของสองสาวแล้วหวังหย่งก็ร้อนใจ เมื่อคิดขึ้นได้จึงรีบลุกขึ้นยืนฉุดแขนหยางเฉิน จากนั้นก็รีบพูด “หยางเฉิน นายรีบนั่งลงเร็ว อย่ารนหาที่ตายเลย!”
หยางเฉินมองหวังหย่งด้วยสีหน้าเรียบเฉย เปิดปากพูด “เห็นแก่ที่เป็นเพื่อนกันมาหลายปี ผมขอเตือนนะ ไปจากผู้หญิงคนนั้นเถอะ!”
ว่าแล้วหยางเฉินก็ไม่พูดอะไรอีก สาวเท้าตรงไปยังลานประลองทันที
คำพูดของหยางเฉิงก้องในโสตประสาทหวังหย่งครั้งแล้วครั้งเล่า เขากำหมัดทั้งสองแน่น
เขาหรือไม่อยากไปจากผู้หญิงคนนี้?
แต่...เขามีเหตุจำเป็นต่างหาก
“สารเลว! เขาคิดว่าตัวเองเป็นใคร? ก็แค่ไอ้คนจน ยังกล้ามายุ่งเรื่องของฉันอีก!”
หลังจากที่หยางเฉินไปไกลแล้ว หลัวหยวนหยวนถึงได้ฉุกคิดขึ้นมาได้ ใบหน้าเต็มไปด้วยความเกรี้ยวกราด
สวุลี่มองแผ่นหลังที่จากไปของหยางเฉินด้วยความเย็นชา เอ่ยขึ้น “หยวนหยวน เธออย่าเพิ่งโมโหไป ฉากเด็ดกำลังจะเริ่ม! ไอ้คนจนนั่นถึงกับกล้ามาแอบอ้างเป็นราชาเจียงผิง ยอดฝีมือสมาคมบูโดบนเวทีคนนั้นต้องไม่ปล่อยมันไปแน่”
“จริงด้วย! เขาแอบอ้างเป็นราชาเจียงผิง มีแต่ต้องตายสถานเดียว!” แววตาหลัวหยวนหยวนเต็มไปด้วยความเหี้ยม
เวลานี้หวังหย่งก็ได้สติแล้วเช่นกัน ในใจสับสนมาก ทั้งเป็นห่วงหยางเฉินทั้งตื่นเต้นที่เป็นห่วงคือ หากหยางเฉินแอบอ้างเป็นราชาเจียงผิงจริง เช่นนั้นเขาก็ต้องตายไร้ดินฝังกลบแน่แต่หาก...หยางเฉินก็คือราชาเจียงผิงจริงๆ ล่ะ?เมื่อคิดว่าเพื่อนที่ถูกตนปกป้องอาจเป็นราชาเจียงผิง หวังหย่งก็ตื่นเต้น สองมือกำหมัดแน่น แอบภาวนาในใจ“หานเซี่ยวเทียน เจ้าบ้านหานแห่งเจียงผิง ขอเป็นตัวแทนตระกูลทุกคนน้อมรับราชาเจียงผิงครับ!”“เฉินซิงไห่เจ้าบ้านเฉินแห่งเจียงผิง ขอเป็นตัวแทนตระกูลทุกคนน้อมรับราชาเจียงผิงครับ!”“กวนเจิ้งซาน เจ้าบ้านกวนแห่งเจียงผิง ขอเป็นตัวแทนตระกูลทุกคนน้อมรับราชาเจียงผิงครับ!”……วินาทีที่หยางเฉินเดินออกจากที่นั่งคนดู ทุกคนฝั่งที่นั่งของตระกูลใหญ่ของเมืองเจียงผิงก็ลุกขึ้นพรึบเจ้าบ้านกว่ายี่สิบตระกูลพากันนำคนในตระกูลหันไปโค้งคำนับทางหยางเฉิน“หูย!”ทุกคนอึกทึกคึกโครมทันที ต่างรู้สึกว่าเลือดลมในร่างกายของตนกำลังเดือดพล่าน โดยเฉพาะคนหนุ่มสาวพวกนั้นเมื่อได้เห็นหยางเฉินก็ตื่นเต้นกันสุดขีดประสบความสำเร็จตั้งแต่อายุยังน้อยขนาดนี้ แถมยังทำให้เจ้าบ้านตระกูลใหญ่กว่ายี่สิบตระกูลโค้งคำนับอีกเสียงน้อมรับราชาเจียงผิงดุจคลื่นระลอกแล้วระลอกเล่า หลั่งไหลมาจากทั่วสารทิศ เสียงตะโกนจากทั้งสนามกระหึ่มพร้อมเพียงและท่ามกลางฝูงชน หลัวหยวนหยวนกับสวุลี่ที่เพิ่งถากถางหยางเฉินต่างตะลึงงัน
copy right hot novel pub