โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

The king of War

บทที่82 งานเลี้ยงวันเกิดตระกูลกวน

ท่ามกลางฉากยามค่ำคืน โฟล์คเภาตันสีดำคันหนึ่งแล่นไปยังทิศทางตระกูลกวนอย่างรวดเร็ว

ตระกูลกวนกับตระกูลซู ยังมีตระกูลยักษ์ใหญ่ชั้นนำอีกสองตระกูลใหญ่ อยู่รวมกันเรียกว่าสี่พรรคแห่งเมืองเจียงโจว จากตรงนี้สามารถเห็นได้ว่าตระกูลกวนมีตำแหน่งที่เจียงโจวสูงมากแค่ไหน

ตระกูลกวนในเวลานี้ ผู้คนเดินขวักไขว่ รถหรูที่ราคาแพงหูฉี่แต่ละคันจอดอยู่ที่ลานจอดรถหน้าประตูกันเป็นระเบียบ

วันนี้คือกวนเจิ้งซานผู้นำของตระกูลกวนอายุครบเจ็ดสิบปีเต็ม ถึงแม้ว่าเป็นช่วงสองทุ่มกว่าแล้ว แต่งานเลี้ยงวันเกิดยังไม่ได้เริ่มต้น

ในคฤหาสน์อันกว้างใหญ่ เวลานี้แสงไฟส่องสว่างรุ่งโรจน์ ในโถงใหญ่ที่หรูหราห้องหนึ่งจัดวางโต๊ะอาหารขนาดใหญ่ไว้หลายสิบตัว เวลานี้ที่นั่งเต็มหมดแล้ว

งานเลี้ยงวันเกิดของกวนเจิ้งซานแต่ละปี ล้วนจะจัดงานยิ่งใหญ่ แต่โดยพื้นฐานล้วนเป็นคนของตระกูลกวน และคนอีกส่วนหนึ่งที่จำนวนน้อยกว่า เป็นอิทธิพลที่ซื่อสัตย์ต่อตระกูลกวน

เวลานี้โฟล์คเภาตันสีดำคนหนึ่งจอดที่ลานจอดรถ เทียบกันกับรถหรูราคาสิบล้านโดยรอบ เห็นได้ชัดว่าเข้ากันไม่ได้เลย

“พี่เฉิน ตระกูลกวนเหมือนกำลังจัดงานเลี้ยงอะไร?” หม่าชาวมองหน้าประตูชายหญิงแต่ละคนที่แต่งชุดหรูเข้ามากัน จากนั้นพูดทางหยางเฉินไป

มุมปากหยางเฉินฉีกขึ้นเบาๆ “พอดีเลย คนของตระกูลกวนอยู่กันหมด ฉันจะได้ไม่ต้องเสียเวลาไปตามหา”

“หยางเฉิน?”

หยางเฉินกำลังเตรียมเข้าไปในคฤหาสน์ เสียงที่ตกใจเสียงหนึ่งดังขึ้นที่ด้านหลังฉับพลัน

ชายหนุ่มที่ใส่สูทสีเบอร์กันดีคนหนึ่งเดินเข้ามาแล้ว หลังมั่นใจว่าเป็นหยางเฉิน ในสายตาเต็มไปด้วยความตกใจ

“นี่คืองานเลี้ยงวันเกิดของผู้นำตระกูลกวน นอกจากคนกันเองของตระกูลกวน ก็ดูเหมือนจะเป็นฉันตระกูลหวังที่มีสัมพันธ์ที่ดีกับตระกูลกวน ถึงมีสิทธิ์ได้รับเชิญให้มาเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของเจ้าบ้านกวน”

ชายหนุ่มมองหยางเฉินอย่างดูถูกทันใดแล้วพูดว่า “ตระกูลฉินเป็นเพียงตระกูลเล็กๆ ที่ตกต่ำที่สุด แกไม่ใช่แค่ลูกเขยแต่งเข้าบ้านผู้หญิงของตระกูลฉินเหรอ มีสิทธิ์อะไรมาสถานที่แบบนี้?”

ได้ยินชายหนุ่มพูดถึงตระกูลหวัง หยางเฉินถึงนึกชื่อของชายหนุ่มได้ว่าคือหวังเจี้ยน

วันแรกที่หยางเฉินกลับมาถึงคฤหาสน์ตระกูลฉิน จนเจอกับเขาเข้า โจวยู่ชุ่ยอยากจับคู่ให้เขากับฉินซีมาตลอด แม้กระทั่งปัจจุบันนี้ ยังไม่เคยละทิ้งความคิดอันนี้

หยางเฉินไม่ได้สนใจหวังเจี้ยนแต่อย่างใด กลับกลายเป็นว่าเขาอยากหาเรื่องหยางเฉิน

“ไม่มีบัตรเชิญ แต่คิดจะเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของเจ้าบ้านกวน?”

หวังเจี้ยนก้าวมาด้านหน้าสองสามก้าว ขวางตรงหน้าของหยางเฉิน พูดหยอกเย้า “นายคงไม่ได้อยู่ที่ตระกูลฉินแบบไม่มีข้าวกิน เลยอยากจะมาหาของกินที่นี่มั้ง?”

“ฉันไม่ชอบให้คนอื่นมาขวางทางฉัน โดยเฉพาะเป็น......หมา”

ในสายตาของหยางเฉินสาดยิงแสงหนาวเหน็บทั้งสองออกมาเฉียบพลัน หลังจากรับสายตาของหยางเฉินไป หวังเจี้ยนเพียงรู้สึกหนาวเย็นเสียดกระดูกไปทั้งตัว ด้านหลังมีเหงื่อออกชื้นแฉะ

“แก......”

หวังเจี้ยนโกรธที่สุด เขาในฐานะคุณชายตระกูลหวัง สถานะสูงศักดิ์ระดับไหน? คาดไม่ถึงถูกหยางเฉินเหยียดหยามต่อหน้าสาธารณชน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหยางเฉินยังแย่งผู้หญิงที่เขาสนใจไปด้วย

ในสายตาของเขา หยางเฉินเป็นเพียงตัวละครเล็กๆ ในชั้นต่ำสุดของสังคม เขาสามารถบีบให้ตายไปได้ตามอำเภอใจ

แต่เมื่อสักครู่เขาตกใจสายตาหนึ่งของหยางเฉินเข้า นี่คือความอัปยศอดสูของเขา

“หยางเฉิน แกมีสิทธิ์อะไรมาโอหังต่อหน้าฉัน? ฉันพูดแค่คำเดียว ก็ควบคุมความเป็นความตายของแกได้แล้ว แกเชื่อหรือไม่เชื่อล่ะ?”

เวลานี้หน้าประตูคฤหาสน์ยังมีคนส่วนหนึ่งที่มาเข้าร่วมงานเลี้ยงวันเกิด หวังเจี้ยนรู้สึกว่าทุกคนกำลังเย้ยหยันเขาอยู่ ชั่วขณะนั้นมองทางหยางเฉินด้วยท่าทางก้าวร้าวแล้วกล่าวต่อว่า

ยั่วยุตนเองครั้งแล้วครั้งเล่า กระตุ้นความโกรธของหยางเฉินเข้าจนได้ เขาหรี่ดวงตาขึ้นเล็กน้อย ในลูกตาที่ลุ่มลึกเปล่งประกายแรงอาฆาตแค้นนิดๆ

เห็นหยางเฉินไม่พูด หวังเจี้ยนคิดว่าเขากลัว จึงยื่นนิ้วชี้ข้างขวาออกมาโดยตรง พูดเสียงดัง “แก คุกเข่าลงขอโทษตอนนี้ บางทีฉันอาจจะปล่อยแกไปสักครั้ง ไม่อย่างนั้นฉันจะทำให้แกรู้ว่าผลของการล่วงเกินฉันมันร้ายแรงแค่ไหน!”

ในสายตาหยางเฉินดูมีเลศนัยเพิ่มขึ้น ยิ้มถาม “ผลลัพธ์ร้ายแรงมากแค่ไหน?”

หวังเจี้ยนก้าวร้าวอย่างยิ่ง พูดต่อไป “ตระกูลหวังในตอนนี้ มีสัมพันธไมตรีกันกับตระกูลกวน ทั้งเจียงโจวจะมีสักกี่คนที่กล้าล่วงเกินตระกูลหวัง? ฉันเตือนแกว่าทำตามที่ฉันบอกแบบเชื่อฟังดีกว่า อย่ามาพูดเล่นลิ้น”

“เหรอ? ตระกูลหวังเก่งกาจขนาดนี้?”

หยางเฉินพูดจาหยอกเย้า “แต่ฉันไม่เชื่อสิ่งที่แกพูดมา ทำยังไงล่ะ? ไม่อย่างนั้นให้ผู้นำตระกูลหวังของแกมาคุยกับฉันหน่อยไหม?”

เขาพูดประโยคนี้ออกมา โดยรอบเงียบงันกันเป็นแถบ

เจียงโจวในปัจจุบันนี้ สี่ตระกูลใหญ่เป็นตระกูลยักษ์ใหญ่สูงสุด ส่วนตระกูลหวังช่วงนี้ถึงพึ่งจะขึ้นมาในระดับเดียวกับตระกูลกวน เป็นช่วงที่รุ่งเรืองของตระกูล

แต่ชายหนุ่มตรงหน้าคนนี้ กลับพูดขู่ให้ผู้นำตระกูลหวังมาหาเขา

หวังเจี้ยนอารมณ์ขึ้นกับคำพูดของหยางเฉินถึงที่สุด โกรธจนใบหน้าแดงเป็นสีตับหมู

“สารเลว แกมันวอนหาที่ตาย!” เขาตะคอกใส่ และไม่มีทางอดทนได้อีก กระโจนไปทางหยางเฉินทันที

หยางเฉินเอามือไหล่หลังไว้ ยืนอยู่ที่เดิม ไม่ขยับเขยื้อนสักนิด

“ไอ้หนุ่มนี้ต้องจบเห่แล้วแน่ๆ หวังเจี้ยนเป็นคุณชายตระกูลหวัง ยอมให้ใครมาผิดใจได้งั้นเหรอ?”

“ดู เจ้าหนุ่มนั่นตกใจค้างไปหมดแล้ว ไม่รู้จักหลบเลย”

“เฮ้อ ยังคิดว่ามีอะไรสนุกให้ดู นึกไม่ถึงจะจบลงเร็วขนาดนี้ ไม่สนุกเลย”

......

ผู้คนที่มุงดูต่างถกเถียงกัน เหมือนมองเห็นภาพที่หยางเฉินถูกหวังเจี้ยนอัดจนอ่วมยกหนึ่ง

“ปึง!”

แวบเดียว หม่าชาวที่ยืนอยู่ด้านหลังหยางเฉินมาโดยตลอด ทันใดนั้นก้าวออกมาด้านหน้า สิ่งที่ลอยขึ้นมาคือเท้าข้างหนึ่ง

หวังเจี้ยนที่เมื่อสักครู่ยังโมโหเดือดดาล เวลานี้กลับเหมือนลูกบอล โดนถีบจนลอยไปห้าหกเมตร

ถ้าไม่ใช่หม่าชาวออมแรง การเตะลงไปครั้งนี้ เกรงว่าหวังเจี้ยนคนนี้คงต้องไปรายงานตัวกับยมบาลแล้ว

ท่ามกลางความตกใจของผู้คน รอยยิ้มบนหน้าของหยางเฉินดูเบิกบานใจ มองหวังเจี้ยนที่พยายามปีนขึ้นมาพูดว่า “หลายปีนี้ที่ฉันไม่อยู่ แกน่าจะตอแยเมียฉันไม่น้อยมั้ง? จะเหลือชีวิตแกเอากลับไปฟ้อง ให้พ่อแกมาหาฉันที่นี่ภายในครึ่งชั่วโมง ไม่อย่างนั้นฉันจะไม่ถือสาไปหาพวกแกตระกูลหวังวันไหนก็ได้”

ไม่รอให้ผู้คนได้สติเข้ามา หยางเฉินหมุนตัวก้าวเข้าในคฤหาสน์ตระกูลกวนไป

ด้านหลังคนที่อยู่ด้านข้างกลุ่มหนึ่ง หน้าตาเซ่อซ่า

“ฉันจะทำให้แกตายทั้งเป็น!”

ดวงตาของหวังเจี้ยนดุร้าย จนกระทั่งมั่นใจว่าหยางเฉินเข้าสู่คฤหาสน์ของตระกูลกวนแล้ว ถึงหมุนตัวออกไป

ตระกูลกวนในฐานะตระกูลยักษ์ใหญ่ชั้นสูงของเจียงโจว ภายในตระกูลสว่างไสว จากที่ไกลๆ ยังสามารถมองเห็นโถงใหญ่งานเลี้ยงที่เหลืองอร่ามงามตา ราวกับพระราชวัง

โถงใหญ่งานเลี้ยงที่สามารถจุแขกได้นับพัน การตกแต่งที่หรูหราไม่มีตรงไหนไม่ให้ความรู้สึกโดดเด่นและสูงศักดิ์ เวลานี้โต๊ะขนาดใหญ่หลายสิบโต๊ะแถวหน้านั่งเต็มหมดแล้ว

“โอ๊ะ! เขาไม่ใช่หยางเฉินลูกเขยสวะของตระกูลฉินคนนั้นเหรอ? เขาเข้ามาที่ได้อย่างไรกัน?”

หยางเฉินพึ่งหาตำแหน่งที่นั่งได้ มีเสียงร้องตกใจดังขึ้นมาฉับพลันจากที่ที่ไม่ไกลนักคนที่พูดคือผู้หญิงอายุประมาณสามสิบปี ทำผมดัดลอนใหญ่ บนตัวสวมชุดกี่เพ้าสีเขียวที่สั่งตัดเป็นการส่วนตัวชุดหนึ่ง เผยรูปร่างที่สัดส่วนพอดีของเธอได้อย่างสมบูรณ์แบบ“หุบปาก!” ผู้ชายวัยกลางคนที่อยู่ข้างกายของผู้หญิงต่อว่าเสียงต่ำทันใดนั้น“คุณคะ ฉันไม่ได้พูดผิดอะไร ทำไมต้องไม่ให้ฉันพูดด้วย?” ผู้หญิงทำหน้าไม่พอใจ“หวังลู่เหยา ฉันเคยเตือนเธอตั้งนานแล้ว เขาไม่ใช่คนธรรมดา ถ้าเธอกล้าหาเรื่องวุ่นวายมาให้ฉันอีก พรุ่งนี้ฉันจะไล่เธอออกไปจากตระกูลจาง” ใบหน้าชายวัยกลางคนเต็มไปด้วยความเย็นชาเขาไม่ใช่ใครอื่น คือจางกว่างครั้งแรกที่โรงเรียนอนุบาลเกิดการปะทะกับหยางเฉิน เขาเพียงรู้สึกว่าหยางเฉินฝีมือดีมากครั้งที่สองเจอกันที่ตระกูลฉิน เดิมทีเขาคิดจะร่วมงานกับตระกูลฉิน แต่หลังจากเขามองเห็นหยางเฉิน จึงปฏิเสธไปแบบไม่ลังเลสักนิดครั้งที่สามคือที่ร้านอาหารซูจี้ ภรรยาของเขาหวังลู่เหยาตบโจวยู่ชุ่ย เขาพาผู้มีฝีมือสูงสุดสิบกว่าคนของตระกูลไป ผลสรุปโดนหยางเฉินจัดการไปจนเกลี้ยง กระทั่งครั้งนั้น เขาถึงสำนึกได้ว่าหยางเฉินไม่ธรรมดาปัจจุบันนี้เจอกันอีกครั้ง เขาย่อมไม่กล้าหาเรื่องหยางเฉินอีกเป็นธรรมดานอกจากจางกว่างและหวังลู่เหยา ยังมีที่โต๊ะหนึ่งไม่ไกลนัก คนคุ้นเคยสองคนนั่งอยู่ คาดไม่ถึงเป็นนายท่านฉินและฉินเฟยวินาทีนั้นที่หยางเฉินพึ่งเข้าสู่โถงงานเลี้ยง ฉินเฟยก็มองเห็นเขาแล้ว ชั่วขณะนั้นหน้าตาอึมครึม “คุณปู่ หยางเฉินเจ้าสวะคนนั้นมาได้อย่างไรกัน?”ไม่ง่ายที่นายท่านฉินจะได้บัตรเชิญสองใบของตระกูลกวนมา เพื่อมาเชื่อมความสัมพันธ์กับตระกูลกวนที่นี่ ตอนนี้มองเห็นหยางเฉินปรากฏตัวอยู่ที่นี่เช่นกัน จึงตกใจและสงสัยมาก

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์