โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

จอมนักรบทรงเกียรติยศ

บทที่ 175 ไอสังหารท่วมท้น

พอออกจากบ้านมาแล้ว ฟางเหยียนก็ตรงไปหาเทียนขุยที่ฐานทัพเมืองจินโจวเลย ว่ากันตามจริงแล้ว สถานที่แห่งนี้เขายังไม่เคยไปเลย นี่เป็นครั้งแรก ที่นี่อยู่ค่อนข้างใกล้กับเรือนจำดังนั้นทันทีที่เข้ามายังที่นี่ก็แฝงกลิ่นอายความตายไว้แล้ว

สถานที่ก่อสร้างเรือนจำล้วนค่อนข้างอัปมงคล ส่วนใหญ่จะก่อสร้างขึ้นบนสุสานร้างบางส่วน ก็เหมือนกับที่นี่ของพวกเขา ในอดีตคือสุสานแห่งหนึ่ง นี่คือฐานทัพของพวกเขา และเป็นสถานที่ที่เทียนขุยอยู่ด้วย

ที่นี่ปลีกวิเวก ไม่ถูกคนนอกค้นพบง่ายๆ ยังมีข้อดีอย่างหนึ่ง นั่นก็คือมีส่วนช่วยในการฝึกฝนของเทียนขุย หมัดแปดทิศที่เทียนขุยฝึกฝนคือวิชาหมัดสายหยาง ด้วยความเป็นหยางมากเกินไป ดังนั้นเขาจะต้องฝึกฝนอยู่ในสถานที่สายหยิน ถึงจะปรับให้หยินหยางสมดุล หลังจากที่หยินหยางประสานกันอย่างสมดุลแล้ว หลังจากที่ไอหยินผสานเข้ากับวิชาหมัดมวยที่เทียนขุยฝึกฝนแล้ว จะก้าวหน้าขึ้นมหาศาลมากจริงๆ

พอมาถึงปากทางเข้าฐานทัพ ฟางเหยียนก็มองเห็นซากศพทหารของกองทัพกว่าสิบร่างกองเกลื่อนกลาดอยู่บนพื้น!

เลือดยังไม่จับตัวแข็ง ดูทรงแล้วน่าจะเพิ่งตายได้ไม่นานนัก

ฟางเหยียนย่อกายลงข้างศพร่างหนึ่ง ยื่นมือไปตรวจสอบศพดุเล็กน้อย กระดูกถูกซัดจนแหลก ดูจากลักษณะการตายของเขาแล้ว เป็นการถูกคนทุบเข้าที่ศีรษะโดยตรง แล้วซัดจนตาย!

ฟางเหยียนลุกขึ้นมา เดินเข้าไปในส่วนตัวอาคารของฐานทัพ ประตูส่วนใหญ่ถูกถีบจนพัง ด่านในเละเทะวุ่นวายไปหมด มองแวบเดียวก็รู้แล้วว่าเพิ่งเกิดการต่อสู้ที่ดุเดือนยิ่งนักขึ้น ไมนไม่ช้า เขาก็มองเห็นเทียนขุนนอนฟุบอยู่ใจกลางห้องโถง ร่างของเทียนขุยเต็มไปด้วยเลือด แม้แต่บนพื้นก็ล้วนเปรอะไปด้วยเลือดเช่นกัน หรือว่า เทียนขุยตายแล้วเหรอ?

พอนึกเช่นนี้ หัวใจของฟางเหยียนก็ตระหนกอย่างยิ่ง เขาสาวเท้าก้าวเข้าไป พุ่งเข้าไปเอ่ยเรียกเทียนขุย “เทียนขุย นายไม่เป็นไรใช่ไหม?”

พอเขาไปถึงข้างกายเทียนขุย ก็ค้นพบในทันใดว่าสองมือของเทียนขุยบวมแดง กระดูกข้อนิ้วล้วนแหลกไปหมดแล้ว ถูกทุบจนแหลก นอกจากมือแล้ว แม้แต่กะโหลกของเทียนขุย ล้วนถูกทุบทุบจนทั้งบวมทั้งแดง มีโลหิตไหลซึมออกมาจากศีรษะ และไหนรินออกมาจากริมฝีปาก เป็นการถูกบางสิ่งทุบกระแทกเช่นกัน

ฟางเหยียนยื่นมือไปแตะลำคอของเทียนขุยดู ยังมีลมหายใจที่แผ่วระโหยยิ่งนักอยู่

คนๆ นั้นไม่ยั้งมือเลย ใช้กระบวนท่าสังหาร แต่เทียนขุยมีจิตใจที่เข้มแข็งเด็ดเดี่ยว ดังนั้นจึงเหลือลมหายใจสายหนึ่งอยู่

นี่คือเทียนขุยหนึ่งในเจ็ดเทียนใต้สังกัดของฟางเหยียน แม้จะจากมาจากชายแดนเขตเหนือกว่าหนึ่งปีแล้ว ทว่านับตั้งแต่ตนเข้าสู่เมืองจินโจว เทียนขุยก็ไม่เคยแยกห่างจากตนไปเลย ไม่น่าเชื่อว่ามีคนกล้าลงมือกับเทียนขุยเช่นนี้ นี่ถือเป็นการประกาศศึกกับฟางเหยียน!

คนประกาศศึกด้วย ในฐานะของจอมพล ไม่มีเหตุผลอะไรที่จะไม่รับคำท้า!

ฟางเหยียนกำหมัด ข้อนิ้วส่งเสียงดังกรอกแกรกขึ้นมา คนผู้นั้น เขาจะต้องสังหารคนผู้นั้นด้วยมือตนให้ได้!

เขาหยิบยาลูกกลอนสีดำเม็ดหนึ่งออกมาจากกระเป๋าเสื้อ ป้อนใส่ปากของเทียนขุยทันที เพื่อทำให้เทียนขุยกลืนลงไปได้ เขาจึงยกมือกดหน้าอกของเทียนขุย ทำให้เทียนขุยสูดหายใจเข้าไป

จากนั้นเขาก็พยุงร่างของเทียนขุยขึ้นมาจากพื้น หลังจากจัดท่าทางให้เทียนขุยอยู่ในท่างนั่งขัดสมาธิ ฟางเหยียนก็นั่งลงด้านหลังเขา ยกฝ่ามือขึ้นมา สองมือทาบลงบนแผ่นหลังของเทียนขุย มองเห็นเพียงหมอกควันชั้นหนึ่งแผ่ออกมาจากด้านหลังของเทียนขุย

ผ่านไปครู่หนึ่ง เทียนขุยพลันสำลักอย่างรุนแรง พ่นโลหิตปนหนองออกมาคำหนึ่ง

ร่างกายของเทียนขุยอ่อนยวบล้มฟุบลง เป็นฟางเหยียนที่รับตัวเขาไว้ พยุงอยู่ด้านหลังเขา เทียนขุยลืมตาขึ้นมานิดๆ ลมหายใจของเขาอ่อนระโหยยิ่ง แต่เพียงพอจะเอ่ยวาจาได้แล้ว เมื่อเขามองเห็นใบหน้าของฟางเหยียน ก็จับต้นแขนของเขาไว้แน่น เอ่ยด้วยสีหน้าละอาย “โผ้จวิน เทียนขุยไม่อาจรักษาศพของเขาไว้ได้ ขอโผ้จวินโปรดลงโทษด้วย”

นี่คือความภักดีของเทียนขุย แม้ว่าลมหายใจจะรวยรินแล้ว ยังไม่ลืมขอรับโทษจากฟางเหยียน ไม่เพียงแต่เทียนขุยเท่านั้น แต่เจ็ดเทียนของสำนักเจ็ดพิฆาต ไม่ว่าคนใดก็เป็นเช่นนี้ทั้งสิ้น

ฟางเหยียนส่ายหน้าเอ่ยไปว่า “บอกฉันสิ เกิดอะไรขึ้น? ฉันอยากรู้เหตุการณ์ทั้งหมด”

ด้วยศักยภาพของเทียนขุย ฟางเหยียนจึงมีความมั่นใจให้เขาปกครองฝั่งหนึ่ง คนที่สามารถทำให้เขาบาดเจ็บสาหัสขนาดนี้ได้ ซ้ำยังเกือบสิ้นชีพ นี่ไม่ใช่สัญญาณที่ดีเลย

เทียนขุยพยักหน้า บอกเล่าเรื่องราวที่ประสบมาให้ฟางเหยียนฟังรอบหนึ่ง

ณ ฐานทัพของสำนักเจ็ดพิฆาตสาขาจินโจว!

เทียนขุยสั่งการให้นายทหารหลายคนที่ของสำนักเจ็ดพิฆาตติดตามมาคอยเฝ้าศพของชายหน้าบาก หากว่าเป็นอย่างที่โผ้จวินบอกไว้ คอยเฝ้ารออยู่ที่นี่ บางทีคนผู้นั้นคงจะมาพาศพของชายหน้าบากไป เทียนขุยไม่ได้นิ่งนอนใจเลย เชื่อถือการวินิจฉัยของโผ้จวินอย่างแน่นอน ดังนั้นจึงอดนอนทั้งคืนซุ่มรออยู่ที่นี่ รอคอยการมาถึงของไอ้คนผู้นั้น

ในช่วงตีสาม เทียนขุยยังคงไม่ทีท่าอ่อนล้าเลยสักนิด เขานั่งเข้าฌานอยู่ภายในห้องโถง หลับตาลง ด้านหลังมีศพวางอยู่สองร่าง ศพสองร่างนี้แยกเป็นเซียวห้านและชายหน้าบาก

เขาหลับตาอยู่ ในสมองนึกถึงวันเวลาที่บุกตะลุยสังหารไปทั่วสมรภูมิรบ ช่วงเวลาเช่นนั้นไม่มีใครอยากเป็นฝ่ายนึกถึงขึ้นมาเอง แต่เทียนขุยควบคุมตัวเองไม่ได้ จึงต้องนึกถึงฉากสังหารฟาดฟันในสมรภูมิรบ

เทียนขุยเป็นนักรบที่โลดแล่นอยู่ในสมรภูมิคนหนึ่ง พอไม่ได้ต่อสู้นานๆ เข้า เขาก็ตั้งตารอคอยการต่อสู้ที่จริงจังสักฉาก ไม่ต้องถึงขั้นพอฟัดพอเหวี่ยงหรอก แต่อย่างน้อยเขาก็ต้องการการประลองที่สมน้ำสมเนื้อกันสักยก

มิใช่ว่าเทียนขุยกระตือรือร้นอยากแข็งแกร่งขึ้น แต่เป็นเพียงคนที่จิตใจดุดันกระหายชัยเท่านั้น นี่คือสัญชาตญาณของสิ่งมีชีวิตเพศผู้

เพียงแต่ในขณะที่เทียนขุยกำลังคิดทบทวนอยู่ ก็มีความเคลื่อนไหวบางอย่างเกิดขึ้นด้านนอก

ปลาโผล่มาแล้วหรือ? เดิมนึกไว้ว่าเขาคงไม่มีทางโผล่มาเร็วขนาดนี้ ใครจะรู้ว่าจะมาถึงเร็วขนาดนี้

“อ๊าก!” มีเสียงโหยหวนแว่วมาจากปากประตู จากนั้นก็ได้ยินเสียงต่อสู้กันเล็กน้อย เสียงนี้เกิดขึ้นสั้นยิ่งนัก สั้นจนไม่ถึงหนึ่งนาทีด้วยซ้ำ ด้านนอกก็กลับมาเงียบสงบอีกครั้งแล้ว

เทียนขุยลุกขึ้นมาจากพื้นอย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้สายตาจ้องมองไปที่ประตู ถึงแม้บานประตูจะปิดสนิท แต่เขาสัมผัสถึงไอสังหารอันแกร่งกล้าสายหนึ่งที่แทรกซึมผ่านเข้ามายังฝั่งนี้ได้

คนผู้นี้ต้องเป็นยอดฝีมือที่ทรงพลังแน่นอน เทียนขุยบอกตัวเองทันที เหล่าพี่น้องที่อยู่ด้านนอกอาจถูกพิฆาตไปหมดแล้ว สามารถพิฆาตเหล่าพี่น้องที่มาจากสมรภูมิรบ เคยผ่านสนามรบมาอย่างรวดเร็วขนาดนี้ได้ ถ้าไม่ใช่ยอดฝีมือแล้วจะเป็นอะไรได้อีก

ขณะที่เทียนขุยครุ่นคิดอยู่ พลันมีเสียงดังปึงแว่วมาจากประตู ประตูใหญ่ที่ปิดสนิทอยู่ตกลงบนพื้น

นอกประตู ชายชราหลังค่อม ที่เปลือยท่อนบนคนหนึ่งยืนอยู่ตรงปากประตู แสงโคมที่สายหนึ่งด้านนอกประตูส่องกระทบร่างเขาพอดี ลากให้เงาของเขายืดยาว เทียนขุยเพ่งพิศชายชรา บนหน้าเขามีเคราดก แต่เส้นผมบนศีรษะกลับมีอยู่น้อยนิดยิ่ง กลางกระหม่อมล้วนล้านเตียนแล้ว ดูเหมือนเทพเมฆาอัคคีที่หลุดออกมาจากภาพยนตร์กังฟูเขาตัวเล็กมาก แต่กลับมีไอชี่สีดำชั้นหนึ่งแผ่ออกมาจากร่างไอชี่สีดำนั้นเป็นของจริง ไม่ใช่การสมมุติ หากว่าเทียนขุยมองไม่ผิดละก็ นั่นคือไอสังหารที่แฝงมากับร่างของเขาทั้งสองคนประจันหน้ากันอย่าสงบเช่นนี้ ไม่เอ่ยวาจา แม้ว่าจะอยู่ห่างกันไกลยิ่ง เทียนขุยมองไม่เห็นว่าอีกฝ่ายมีหน้าตาเช่นใด แต่เขากลับสามารถสัมผัสถึงเจตนาสังหารที่แฝงอยู่ในแววตาของชายชราได้เทียนขุยย่อมไม่กริ่งเกรง เขามาสมรภูมิรบ ในอดีตเคยเผชิญหน้ากับทหารเรือนหมื่นเรือนพันมาแล้ว เข่นฆ่าผู้คนไปกว่าหมื่นชีวิตแล้ว รัศมีของเขา ก็ไม่ด้อยไปกว่าชายชราเลย ทั้งสองสบตากันเช่นนี้ผ่านระยะห่างยี่สิบเมตรคล้ายจะมีการสื่อสารถ้อยคำกันผ่านอากาศมากมาย ทั้งสองฝ่ายล้วนใช้สายตาของตนมองประเมินอีกฝ่ายในที่สุด ชายชราก็เปิดปากเอ่ยทำลายความเงียบงันนี้แล้ว “แกรู้สินะว่าฉันจะมา?”------------

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์