จี้อี้เหลือบมองที่ใบหน้าที่กำลังหงุดหงิดของคังเสว่มี่ แล้วริมฝีปากของเขาก็ยกยิ้มขึ้นมาเอื้อมมือไปขยับม่านรถขึ้น หันไปมองที่อาชีแล้วเอ่ย
“ในเมื่ออาชีเชื้อชวนถึงเพียงนี้ จี้อี้ก็มิอาจขัดความเมตตากรุณาได้ วันนี้ต้องรบกวนท่านแล้ว"
เอ่อ......
อาชีสีหน้าหยุดชะงัก จริงๆแล้วเขาก็แค่พูดส่งเดชไปแบบนั้นเอง เพราะถือเป็นคำพูดสุภาพทั่วไปสําหรับไว้พูดกับแขกประโยค หนึ่งเท่านั้น
ทุกคนทั่วไปล้วนทราบดีว่า ก็อย่างที่คุณหนูคังพูด น้อยครั้งมากที่จี้ซื่อจื่อจะกินข้าวนอกบ้าน
นึกไม่ถึงว่าเขาจะตกปากรับคำตนจริงๆ ด้วยสายตาที่ประหลาดใจยังไม่จางหาย อาชีเอ่ยอย่างสุภาพ
“ดีดี จี้ซื่อจื่อเชิญขอรับ”
คังเสว่มี่มองไปที่รอยยิ้มที่แข็งทื่อของอาชี ทราบดีว่าปกติแล้ว เขาจะไม่รับประทานอาหารที่ตำหนักอ๋องคังอย่างเด็ดขาด
เป็นเยี่ยงนั้นจริงๆ เจ้าอุบายจี้ชอบที่จะแข่งขันกับนาง! นางหันหลังกลับ ส่ายหน้าไปมาแล้วเดินกลับไปที่ลานบ้านของตนเอง แต่ยังเดินไม่ถึงไหนลุงฉีคนรับใช้ตำหนักอ๋องคังรีบตะโกนออกมา
“คุณหนูใหญ่ ท่านอย่าพึ่งกลับไปที่ลานบ้าน ท่านอ๋องยังมีเรื่องจะคุยกับท่าน ท่านไปที่นั่นพร้อมกันกับข้าน้อยเถิด”
คังเสว่มี่หันหลังกลับ นางขมวดคิ้วแล้วถอนหายใจท่านพ่อราคาถูกของนางนั้นเรียกหานางด้วยเรื่องอันใดอีก?
แต่ว่าไปก็ไปสิ ได้อาศัยอยู่กับท่านพ่อผู้นี้แล้วถึงแม้ว่าเขาจะไม่ค่อยได้เรื่องแต่เพราะ นางได้เข้ามายึดครองร่างกายลูกสาวของเขาอยู่
คิดแล้วนางก็หันหลังเดินกลับไปยืนอยู่ที่ข้างๆของอาชี แน่นอนว่านางไม่ได้อยู่ในทิศทางเดียวกันกับจี้อี้แล้ว
บนใบหน้าของจื้อี้แสดงออกอย่างอ่อนโยน เดินตามอาชีไปข้างหน้า
“ข้ารู้ว่าเจ้านั้นตระหนี่ถี่เหนียว แม้แต่อาหารกลางวันยังมากินที่บ้านของข้า ทานข้าวร่วมกับเจ้าไม่แน่ว่าหลังอาหารมื้อนี้แล้วข้าอาจจะท้องอืด อาหารไม่ย่อยก็เป็นได้"
คังเสว่ที่เมื่อนึกขึ้นได้ว่าอีกสักครู่เมื่อถึงเวลารับประทานอาหารยังคงต้องเห็นหน้าของจื้อี้ ทันใดนั้นก็รู้สึกว่าอาหารไม่ย่อย
อาชีได้ยินคำพูดนี้ ในใจสั่นสะเทือน คุณหนูใหญ่ของตนพูดกับจี้ซื่อจื่อตามใจเกินไปแล้ว เขาใช้หางตามองสำรวจดูจื้อี้อย่างละเอียด เห็นสีหน้าของเขาไม่ใส่ใจ
เลยถอนหายใจ มีรอยยิ้มโผล่ออกมาบนใบหน้าชราแล้วเอ่ย
"คุณหนูใหญ่ เป็นบ่าวเองที่เป็นคนเชิญชวนจี้ซื่อจื่อให้เข้ามารับประทานอาหารในจวนแทนท่านอ๋อง มันไม่เกี่ยวอะไรกับการมาทานข้าวฟรีที่บ้านผู้อื่น "
จี้อี้มุมตาโค้งเล็กน้อย มองไปที่คังเสว่มี่แล้วยิ้มให้เป็นพิเศษอย่างมีความนัยลึกซึ้ง
จี้อี้เจ้านี่มัน เจ้าจะบอกข้าว่า ถึงเจ้าไม่พูดก็มีคนช่วยอธิบายให้เจ้าล่ะสิ
โธ่..
ทันใดนั้นคังเสว่มี่ก็แหงนหน้ามองบนท้องฟ้าที่เปล่งประกายระยิบระยับ ใบหน้าเล็กๆที่สวยงามทำมุมสี่สิบห้าองศาแขวนไปด้วยความโศกเศร้า
ดังนั้นเจ้าจะบอกว่า เพียงแค่อำพรางตัวได้ดี หมาป่าสีเทาก็สามารถกลายเป็นแกะได้ สามารถหลอกลวงตบตาผู้คนมานับไม่ถ้วนได้
คงจะมีคนไม่กี่คนในโลกใบนี้ที่ฉลาดเฉียบแหลมและมีสายตายาวไกลเหมือนนาง ที่สามารถมองทะลุปรุโปร่งเห็นธาตุแท้ของเจ้าอุบายจี้ผู้นี้ได้!
คังเสว่มี่ก้มหน้าลงแล้วถอนหายใจ ที่แท้ท้องฟ้าของนักปราชญ์ช่างโดดเดียวเดียวดายยิ่งนัก
ทุกคนล้วนถูกภาพลักษณ์ของเจ้าอุบายจี้ผู้นี้หลอกลวงทั้งสิ้น
คังเสว่มี่เปรียบดั่งนักปราชญ์ผู้อ้างว้างกับจี้อี้ที่เปลือกนอกเป็นแกะอยู่ด้วยกัน
และยังมีอาชีผู้ที่นำมาใบหน้าที่เต็มไปด้วยเหงื่อเดินนำทาง ในที่สุดก็พากันเดินมาถึงเฉลียงด้านหน้าของตำหนักใหญ่เสียที
คังเสว่มี่เงยหน้าขึ้นมองก็พบท่านอ๋องคังนั่งอยู่ในเฉลียงด้านหน้า
ด้านข้างของเขา ยังคงมีคนน่ารังเกียจนั่งอยู่ตรงนั้นเป็นเวลานานแล้ว
ติงเช่อเฟย!
เป็นเวลานานที่ไม่ได้เห็นนาง มาวันนี้นางก็ยังคงแต่งตัวได้สดใสและสวยงามเช่นเคย นางสวมใส่ชุดกระโปรงยาวสีเขียวทองและวาดคิ้วด้วยความพิถีพิถัน
แต่เมื่อเทียบกับเมื่อก่อนที่กลับมา ใบหน้าของนางผอมลงไปเล็กน้อย ผิวก็ค่อนข้างแห้งเหี่ยวดูๆไปแล้วไม่ได้สดใสอ่อนวัยปานนั้น
ดูเหมือนว่าศาลบรรพชนนี้แท้จริงแล้วน่าจะเป็นสถานที่ที่น่ารําคาญนางถึงได้ตรอมตรมขนาดหนัก
แต่ทว่ามองที่ดวงตาคู่นั้นของนางยังคงมีประกายสดใส และเงางามเช่นดังเดิม แน่นอนว่ามันก็ไม่ได้มีความสงบสุขใดๆอยู่ในนั้นเลยสักนิด
ท่านอ๋องคังเห็นจี้อี้ เดินเข้ามา จึงลุกขึ้นยืนเอ่ยต้อนรับทันที
“รบกวนจี้ซื่อจื่อต้องมาดูแลสาวน้อยคังเสว่มี่ของข้าอีกแล้ว”
จี้อี้ก็ก้าวไปข้างหน้าคารวะท่านอ๋องคังแล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงที่ฟังชัด
“อ๋องคังพูดเกินไป รบกวนที่ไหนเพียงแค่ประจวบเหมาะที่ข้ามาทันอาหารมื้อกลางวันอัน กิตติมศักดิ์เท่านั้นเอง”
คังเสว่มี่จ้องมองที่จื้อี้อย่างไม่ไว้วางใจ แล้วแอบพูดเบาๆ
ถ้าหากว่าละทิ้งตำแหน่งบุรุษอันดับหนึ่งแห่งราชวงศ์สูงศักดิ์ แล้วมองเพียงฐานะองค์ชายอันดับหนึ่งธรรมดาจี้อี้ก็ยังเป็นคนที่สง่างามและเป็นคนที่สุภาพคนหนึ่งเลยทีเดียว
ภายใต้สถานการณ์ที่ปกติคำพูดที่เอ่ยออกมาทั้งสุภาพ และอ่อนโยน
ใบหน้าที่เหมาะสมราวกับเทพเซียนและน้ำเสียงคล้ายกับ เสียงของธรรมชาติ
ผู้ใดได้ยินเข้าต่างก็เคลิบเคลิ้มดั่งสายลมในฤดูใบไม้ผลิ
แน่นอนว่า ภายใต้สถานการณ์ที่ผิดปกติก็ไม่รวมไว้ในนั้น
คังเสว่มี่รู้สึกเห็นได้ชัดว่าจี้อี้ได้ประโยชน์จากคำพูดนี้ยิ่งนัก บนใบหน้าแขวนไว้ด้วยรอยยิ้มที่สดใส
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว ขอเพียงแค่จี้ซื่อจื่อไม่รังเกียจ เชิญท่านนั่ง คนรับใช้ เสิร์ฟชา”
ติงเช่อเฟยเห็นจี้อี้ก็รู้สึกว่ากับท่านอ๋องคังไม่ค่อยเหมือนกัน
นึกถึงเมื่อคราวที่แล้วคำพูดที่เขาพูดในตอนที่ฆ่าสี่เอ๋อในใจนางก็รู้สึกหวาดกลัว ด้านหลังยังคงรู้สึกเย็นวาบ แอบคาดการณ์อยู่ในใจ
ไม่รู้ว่าตั้งแต่เมื่อใดที่ความสัมพันธ์ของคังเสว่มี่และจี้อี้ ถึงได้ดีเยี่ยงนี้ จี้อี้ยังมาส่งคังเสว่มี่กลับจวนอีก
ดูเหมือนว่านางอยู่ในศาลบรรพชนเป็นเวลานานเกินไป ด้านนอกถึงได้มีเรื่องเกิดขึ้นมากมายเช่นนี้
ภายในใจกำลังไตร่ตรอง มองไปที่ลักษณะท่าทางภายนอกของจี้อี้อย่างมี มารยาท แล้วหันกลับไปมองที่คังเสว่มี่ น้ำเสียงในการพูดนุ่มนวลอ่อนโยนและเป็นมิตร
“เสว่มี่ วันนี้ดูสีหน้าเจ้าดีเลยทีเดียว คนก็ดูมีชีวิตชีวาขึ้น หน้าตาก็ดูสดใสไปหมดแตกต่างกับเมื่อก่อน พ่อของเจ้าและข้ารู้สึกชื่นใจยิ่งนัก”
คังเสว่มี่นำพะโล้ขาหมูวางไว้บนโต๊ะแล้วนั่งลงบนเก้าอี้ ไม่ได้ตอบรับคำพูดของนาง
ติงเช่อเฟยเห็นว่านางไม่พูดจา ข้างในใจรู้สึกโกรธ แต่บนใบหน้ายังคงฉาบไปด้วยรอยยิ้มที่อ่อนโยนเช่น เดิมไม่อึดอัดใจเลยสักนิด จุดสีทองข้างจอนเปล่งประกายระยิบระยับภายใต้ ดวงตาของนาง“ในอดีตที่ผ่านมาเจ้าค่อนข้างเก็บตัว มีเรื่องบางอย่างที่ไม่ได้บอกเจ้า บัดนี้พ่อเจ้ามีบางอย่างที่จะพูดกับเจ้า”พูดเสร็จ ก็ส่งสายตามองไปที่ท่านอ๋อง กระตุ้นให้เขาพูดคังเสว่มี่ยกเปลือกตาขึ้นนางก็รู้ว่าติงเช่อเฟยยืนอยู่ที่นี่ นางต้องเป็นคนเดินหมากอยู่ข้างหลังเป็นแน่มองไปที่พ่อของนางว่าจะเป็นเหมือนเมื่อในอดีตที่ถูกหญิงผู้นี้หลอกให้ลุ่มหลงหรือไม่ได้รับสายตาของติงเช่อเฟย ท่านอ๋องก็เงยหน้าขึ้นมองไปที่คังเสว่มี่ที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ เห็นว่านางไม่ได้มองมาที่ตนเอง ดวงตาก็มัวเล็กน้อยมือข้างขวากำกำปั้นขึ้นวางที่ปากแล้วไอ แล้วจึงเอ่ยปากพูด“เสว่มี่ เรื่องมันเป็นเยี่ยงนี้ ช่วงปีก่อนๆ เจ้าค่อนข้างเก็บตัว พ่อก็ไม่ได้จัดเตรียมให้เจ้าไปเข้าเรียนที่โก๋วจื่อเจี้ยนบัดนี้ทุกอย่างเจ้าเรียบร้อยดีแล้ว เมื่อคืนวานติงเช่อเฟยพูดเรื่องนี้ขึ้นกับข้า ข้าก็เลยอยากคุยกับเจ้าสักหน่อย” ท่านอ๋องก็เริ่มเอ่ยขึ้นแท้จริงแล้วความนิยมของราชวงศ์ฉีเทียนแตกต่างกับ สมัยโบราณก่อนที่คังเสว่มี่เคยรู้จักมาก่อนอยู่ที่นี่ผู้หญิงนอกจากไม่เข้าร่วมการสอบขุนนางระดับเหอแล้ว ก็สามารถเข้าโรงเรียนได้ ได้รับการเรียนการสอน ความรู้ในสถานศึกษาร่วมกันกับผู้ชายได้
copy right hot novel pub