โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

พลิกชะตาจอมนางข้ามภพ

ตอนที่ 132 ข้าไม่ไป

วันนี้อากาศก็ร้อนอบอ้าวมากพออยู่แล้ว บวกกับแผลที่โดนน้ำร้อนลวก ภายในไม่กี่อึดใจก็เกิดแผลพุพองขึ้นบนใบหน้านาง

คังเสว่มี่มองที่ใบหน้าที่พุพองนั้น ก็แอบหัวเราะอยู่ในใจ มือหนึ่งก็ซ้อนเอากาน้ำชาขึ้นมายื่นไปที่ด้านหน้าของนาง

เผชิญหน้ากับความตายด้วยความใจเย็นไม่ยี่หระต่อ ความตายใดๆทั้งสิ้นแล้วเอ่ย

“ติงเช่อเฟย ข้าบอกไปแล้วว่าท่านเป็นคนที่ทําให้ข้าตกใจ ชานั่นก็เลยสาดไปโดนบนหน้าท่าน!

ถ้าหากว่าท่านอยากระบายความโกรธออกมาจริงๆล่ะก็ งั้นท่านก็นำชามาหนึ่งถ้วย แล้วมาสาดลงบนหน้าข้าคืนเลยเถิด!”

ติงเช่อเฟยปรารถนาอยากจะตรงเข้าไปหยิบกาน้ำชา แล้วเอาไปสาดใส่คังเสว่มี่ใจแทบขาด

แต่ท่านอ๋องคังเพิ่งจะพูดไปเมื่อครู่นี้ว่าคังเสว่มี่ไม่ได้มีเจตนา

ปกติท่าทีที่นางอยู่ต่อหน้าผู้คนจะเป็นคนที่ใจกว้าง เพียบพร้อมด้วยคุณธรรม นํ้าใจที่โอบอ้อมอารีและมีมารยาทที่ดี

ถ้าหากว่านําชานี้ไปสาดใส่นาง แสร้งทำเป็นว่าชื่อเสียงถูกทำลายไปตลอดชีวิต ท่านอ๋องคังก็คงจะเกลียดนางเป็นยิ่งนัก!

เมื่อคิดถึงจุดนี้ นางก็ขยับปากแล้วเอ่ยอย่างไม่เต็มใจ " เสว่มี่พูดอันใดกัน ในเมื่อเจ้าก็พูดมาแล้วว่าเจ้ามิได้มีเจตนา ข้ายังจะโทษเจ้าได้อย่างไร?"

จริงๆแล้วคังเสว่มี่ไม่ใช่คนที่ชอบถือสาในเรื่องเล็กเรื่อง น้อยอะไรเป็นที่รู้จักกันดี

อาชีพสายลับเป็นอาชีพที่ไม่ได้ทำกันได้ง่ายๆ

แม้ว่ามันจะเป็นสัญลักษณ์ของตำรวจของประเทศชาติ แต่เพราะว่าทําอาชีพสายลับมาเป็นเวลายาวนาน ก็มักจะอยู่กับสังคมอิทธิพลมืดหรือทำกิจกรรมอยู่ ภายในองค์กรอาชญากรรมพวกนั้น

ภายในสายตาของประชาชนที่ไม่รู้เรื่องรู้ราวอันใด พวกเขาก็คือคนไม่ดีที่ทำความชั่วร้าย

มักเผชิญกับคําประณาม คำประณามเหล่านี้ไม่ใช่เพียงแค่มาจากคนแปลกหน้า ยังมีเพื่อนร่วมชั้น เพื่อนสนิทและแม้กระทั่งญาติพี่น้อง

แต่การทําหน้าที่เป็นสายลับ ถึงแม้ว่าผู้คนจะไม่เข้าใจ ถูกผู้คนทอดทิ้ง ถูกผู้คนประณาม

ในขณะที่ภารกิจที่ได้รับมอบหมายยังไม่สำเร็จ ก็ไม่สามารถเปิดเผยตัวตนที่แท้จริงของตนเองได้

คังเสว่มี่ไม่กล้าพูดว่าตนเองเป็นสายลับที่ดีที่สุดในโลก แต่ว่านางกล้าที่จะพูดว่านางตั้งใจและรับผิดชอบกับ ภารกิจทุกอย่างที่ตนเองได้รับมอบหมายให้ทำอย่าง เต็มที่

และด้วยเหตุนี้ อารมณ์นิสัยของนาง ความอดทน จึงได้มาจากการฝึกฝนที่อยู่ในอาชีพสายลับ

ดังนั้นหลังจากข้ามผ่านไป ถึงแม้นางจะรู้ว่าติงเช่อเฟยมุ่งร้ายต่อนาง นางก็ไม่ได้ระเบิดออกมาในเวลากระชั้นชิด หรือไปแก้แค้นด้วยการข่มขู่อย่างเยือกเย็น

หนทางข้างหน้าและเหตุการณ์ที่ผ่านมาในอดีตทั้งหมด นางต้องการใช้ชีวิตอยู่กับปัจจุบัน นางเป็นสายลับคนหนึ่งและเป็นตำรวจคนหนึ่ง

แต่ว่านางไม่ใช่พระเจ้า นางเป็นสายลับขั้นต่ำที่ไม่อาจนําความอดกลั้นของนางมาใช้กับติงเช่อเฟยได้

ในตอนที่นางเป็นเหยาเชิงนางเป็นสายลับ ก็กล้าท้าทายภารกิจที่ยากที่สุด

เคยได้ไปติดต่อกับหัวหน้าแก๊งมาเฟียที่ใหญ่ที่สุดใน เอเชียตะวันออกเฉียงใต้เป็นการส่วนตัว ได้รับความไว้วางใจจากเขาผู้ที่มีอุปนิสัยเหี้ยมโหดและ มืดมน

ใช้เวลาไปสองปี หาหลักฐาน แล้วทำลายองค์กรอาชญากรรมขนาดใหญ่นี้ในบัดดล

ถ้าหากเป็นสังคมก่อนหน้านี้ ยังคงต้องปฏิบัติตามข้อบัญญัติทางกฎหมาย

แต่เวลานี้ทุกวันนี้สังคมนี้ ชีวิตคนราคาถูกยิ่งนัก

เช่นนั้น

ทุกอย่างมีเพียงนางต้องการหรือไม่ต้องการ แต่ไม่ใช่นางทำได้หรือทำไม่ได้

วันนี้ติงเช่อเฟยถูกที่ไหนแถมยังอวดความฉลาด ด้านหนึ่งแสร้งทำเป็นภรรยาและแม่ที่ดีของลูก ด้านหนึ่งชั่วร้ายใส่นาง ที่แท้แล้วมันทำให้คังเสว่ อดไม่ได้ที่จะให้บทเรียนที่ แสนยาวนานแก่นาง

คังเสว่มี่มองที่แววตาที่สั่นไม่ยินยอมของติง เช่อเฟย แล้วยิ้มเล็กน้อย รอยยิ้มที่บริสุทธิ์ไร้เดียงสา พูดเสียงหวาน

“ติงเช่อเฟยเป็นคนฉลาดยุติธรรม ถ้าหากไม่ใช่ว่าท่านทำให้ข้าตกใจก่อน ข้าก็ย่อมไม่สาดเจ้าเป็นแน่

ข้าอยู่คนเดียวมาตั้งแต่ยังเป็นเด็ก เคยชินกับการอยู่คนเดียว และความกล้ามีน้อย

ท่านผลีผลามเข้ามาตีข้าเยี่ยงนี้ ข้าก็ต้องตกใจอย่างแน่นอน

โชคดีที่ครั้งนี้บนมือที่ถือเป็นน้ำชา ถ้าหากในมือเป็นสิ่งของอื่นๆประเภทมีฤทธิ์กัดกร่อน เช่นนั้นหน้าของติงเช่อเฟยคงไม่ใช่แค่เป็นตุ่มพุพองขึ้นมา เป็นแน่!”

นางพูดช้ายิ่งนัก ติงเช่อเฟยกลับรู้สึกเยือกเย็นออกมาจากคำพูดนั้น ทันใดนั้นในใจก็เริ่มรู้สึกหวาดกลัวขึ้นมา

ใช้ใบหน้าที่เจ็บปวด ยกมือขึ้นปกปิดสีหน้าที่หวาดกลัวของตนเอง เอียงครึ่งตัวหันไปมองท่านอ๋องคังแล้วเอ่ย

“ท่านอ๋อง เรื่องเข้าโรงเรียนต้องให้ท่านเป็นคนอธิบายชี้แจงกับคังเสว่มี่ บนใบหน้าของข้าได้รับบาดเจ็บ อาจจะทําลายภาพลักษณ์ของราชสํานักให้เสื่อมเสีย ข้าขอตัวไปทายาก่อน”

ท่านอ๋องมองดูสีหน้าท่าทีของลูกสาว แล้วก็มองไปที่ใบหน้าที่พุพองของติงเช่อเฟย ขมวดคิ้ว และปล่อยให้นางไป หลังจากนั้นก็หันหน้ากลับไปมองที่คังเสว่มี่แล้วเอ่ย

“เสวมี่ เรื่องนี้เจ้าอย่าเอาแต่ใจตัวเอง เสี้ยเหอพวกนางก็เรียนอยู่ที่โก๋วจื่อเจี้ยนมาโดยตลอด เจ้าในฐานะที่เป็นพี่สาวคนโต มิอาจล้าหลังได้"

คังเสี้ยเหอก็อยู่? นั่นยิ่งไม่น่าสนใจ! “ไม่ไป!”

ท่านอ๋องคังเห็นคังเสว่มี่ท่าทีขาดอารมณ์ความสนใจ รู้ว่าตนเองพูดต่อไปก็ไม่มีผลอันใด

สายตาของเขาย้ายไปที่จี้อี้ที่นั่งลิ้มรสชาช้าๆอยู่ด้านข้าง ขยิบตาหันไปมองจี้อี้แล้วเอ่ย

"จี้ซื่อจื่อ คังเสว่มี่อยู่แต่ในบ้านไม่ออกไปข้างนอกมาหลายปี ในใจยังมีความต่อต้านกับโลกภายนอก ต้องขอให้จี้ซื่อจื่อช่วยพูดโน้มน้าวสักคำสองคำเสีย แล้ว”

แววตาของจื้อี้ยกขึ้นจากชา เห็นคังเสว่มี่ท่าทีไม่อดกลั้นเปิดปากหาวนอน ดวงตาที่ใสแป๋ว เขาก็อมยิ้มแล้วเอ่ย“เรื่องการศึกษานี้ มิอาจบังคับได้ ถ้าหากมีใจมุ่งมั่นที่เรียนรู้จึงจะสามารถสิ้นเปลืองสติปัญญาน้อยแต่ได้ผลมาก มิฉะนั้นแล้ว แม้จะนั่งอยู่ในโรงเรียน ในทุกวันก็ใช้ชีวิตผ่านไปวันๆ ปล่อยเวลาให้ผ่านไปอย่างเสียเปล่า”คังเสว่มี่ หันกลับไปอย่างเกียจคร้าน ร่างกายเอนพิงอยู่บนเก้าอี้ นึกไม่ถึงเลยว่าครั้งนี้จี้อี้จะยังช่วยนางพูด ไม่เลวไม่เลว“นี่....…..”เดิมทีท่านอ๋องคังต้องการให้จี้อี้มาช่วยพูด ใครจะไปรู้ว่าทัศนคติของจี้อี้ ที่แท้แล้วจะเลือกตามคังเสว่มี่หลังจากที่ตะลึงงันไปเล็กน้อย จำใจต้องพูดโน้มน้าวใจต่อไปด้วยตนเอง“เสว่มี่ในอดีตเจ้าไม่ชอบพูดคุยกับผู้คนแต่ก็เลิกแล้ว ตอนนี้เจ้าก็เป็นเหมือนหญิงสาวคนอื่นๆทั่วไปถ้าหากไม่ไปเข้าเรียนที่โก๋วจื่อเจี้ยน ขุนนางชั้นผู้ใหญ่ในราชสำนักรู้เข้า ก็ขาดไม่ได้ที่ต้องนำสิ่งเหล่านี้ของเจ้าไปเขียนรายงาน ต่อหน้าฝ่าบาท"เสนาบดีเหล่านั้น สําหรับตำแหน่งพระชายาองค์รัชทายาทพวกเขาจ้อง พร้อมที่จะตะครุบดั่งพญาเสือถ้ามีโอกาสเมื่อไหร่ แน่นอนว่าไม่รีรอที่จะดึงคังเสว่มี่ลงมาอย่างเป็นแน่ เปลี่ยนตำแหน่งที่นั่งของลูกสาวของตนเป็นบุตรสาวของพวกเขา

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์