แสงสีทองสว่างพร่างพราวเอียงมาเล็กน้อย ส่องมาที่หน้าที่งดงามของจี้อี้ สะท้อนความไม่แปลกใจในสายตาของเขา เขายิ้มเสียงเบาว่า:
“โอ้ ถ้าเป็นแบบนี้ งั้นคำชี้แนะของข้าก็เปล่าประโยชน์ล่ะสิ
ก่อนหน้านั้นเจ้าบอกว่าจะสอบรวมผ่านทีเดียว ก็เป็นได้แค่คำพูดที่ไม่แท้จริง
ถ้าเช่นนี้ หนังสือพวกนี้ก็ไม่จำเป็นที่จะให้เจ้ายืมแล้วล่ะ"
หลังจากเขาพูดเสร็จ ก็หันตัวไปยังไป๋หลี่เหลียน เหมือนว่าจะเปิดปากให้เขาโยกหนังสือกลับไปในห้อง
คังเสว่มดึงมือของเขาไว้ ดูเขาค่อยๆหันหน้ามา โค้งลูกตาขึ้นอย่างช้าๆ ดูเขาสุภาพสง่างาม
ยิ้มที่ราวกับลบล้างความสามารถของสรรพสัตว์ไปหมด นางกำมือให้เป็นหมัด เร่งให้ตนเองทนเข้าไว้
คนคนนี้คือปีศาจ คือปีศาจ นางคือคน คนกับปีศาจเทียบกันไม่ได้ เทียบกันไม่ได้..….....
“หืม? “จี้อี้หันตัวมองนาง ออกเสียงยาวลงท้าย
สายตาของเขาในขณะนี้เหมือนคนพาล เหมือนบอกว่ากับดักอยู่ตรงนู้นชัดๆเจ้ายังไม่โดดลงไปอีก
คังเสว่มี่ทนความชั่ววูบที่ตนเองอยากนำจี้อี้หั่นเป็นสองท่อนแสดงรอยยิ้มที่ทั้งอบอุ่น ทั้งสามัคคี ทั้งน่ารักออกมา ใช้เสียงที่หวานจนเลี่ยนว่า
“ซื่อจื่อ ท่านนั้นเป็นผู้มีความสามารถล้ำเลิศ สุดขั้วยุทธภพโดยแท้ มองแค่แว๊บเดียวก็ดูออกแล้วไม่ว่าอะไรที่ผ่านตาข้า ข้าจะไม่ลืม เหอเหอเหอ......”
เพื่อที่จะผ่านการสอบรวม นางทน ทน!
ในวันข้างหน้านางจะต้องหาโอกาส จะรังแกจี้อี้ให้ตายคาที่เลย ไม่งั้นนางจะไม่ชื่อว่าคังเสว่มี่!
“ยอมรับแต่แรกก็จบแล้ว ยังจะมาทำแบบนี้อีก ไม่น่ารักเลยจริงๆ"
จี้อี้หันตัวมา ส่งสายตาที่ “อย่าดื้อนะ”ไปที่คังเสว่มี่ แล้วเดินไปข้างหน้าอย่างกิริยาท่าทางงดงาม
น่ารักบ้าอะไร!
ใครอยู่ด้วยกันกับเจ้าอุบายนี้แล้วยังน่ารักได้ก็เป็นเรื่อง แปลกแล้ว!
คังเสว่มี่ครุ่นคิดวันข้างหน้าตนเองมีลูก จะต้องตั้งชื่อ “ง่ายๆ”ถึงจะได้ ถึงจะสามารถจดจำขึ้นใจ และแน่นอนว่าความสามารถจะต้องโดดเด่นเหนือจี้อี้ทำให้ผู้อื่นหวาดกลัวเช่นเดียวกัน
ลมในฤดูร้อนพัดผ่านอย่างแจ่มชัด
มีทฤษฎีอยู่ข้อหนึ่งที่เรียกว่า น้ำหนักของของสิ่งหนึ่งไม่ได้ขึ้นอยู่กับปริมาตรของมัน แต่ขึ้นอยู่กับเวลาที่เจ้าแบกมันอยู่
ขณะนี้องค์ชายหกไป๋หลี่เหลียนกำลังพิสูจน์ทฤษฎีข้อ นี้อยู่
เขาฟังคนข้างหน้าเจ้าหนึ่งคำ ข้าหนึ่งคำ เกลียดแทบอยากขึ้นไปแทรก
แต่แบกหนังสือเยอะขนาดนั้น ดูก็ไม่ดูเหตุการณ์ที่อยู่ข้างหน้า ได้แต่ตามอยู่ที่ข้างหลังเป็น “ผู้ช่วยที่คอยยกหนังสือ”อย่างอ้ำๆอึ้งๆ
โล่สุ่ยกับฉวี่ซางดูสองคนที่อยู่ข้างหน้าคนหนึ่งเตี้ยคน หนึ่งสูง เดินอย่างสงบจิตสงบใจ เงาที่สุภาพหล่อเหลา
แล้วดูองค์ชายหกแว็บหนึ่งที่เดินทุกก้าวลำบาก ภาพด้านหลังไร้ชีวิตชีวามาก พวกเขารู้สึกระอาแล้วส่ายศรีษะไปมาในขณะเดียวกันทั้งคู่ก็ทอดถอนใจ
ถึงแม้โกรธคือโกรธ คังเสว่วี่ยังแยกเรื่องเบาเรื่องใหญ่ออกได้ ตั้งใจฟังจื้อี้พูดจุดสำคัญให้นางฟัง
น้ำเสียงที่จี้อี้พูดไม่เร็วไม่ช้า แบบแผนแจ่มชัด ทำให้คนฟังแล้วไม่รู้สึกเข้าใจยากเลย
ยังคิดจะฟังต่อไปตามการพูดของเขา ซึ่งควบคุมตัวเองไม่ได้
ถึงแม้คังเสว่มี่ไม่เคยอ่านหนังสือพวกนั้น แต่ในใจก็มีโครงสร้างคร่าวๆแล้ว
นางเงยหน้าดูหน้าด้านข้างที่งดงามไร้ลอยของแสงแดดวาดภาพด้านข้างของเขาออกมา ดั้งจมูกโด่งเหมือนภูเขาหิมะที่ขาวและคมกริบ
คังเสว่มี่โค้งมุมปากเล็กน้อย แอบคิดขึ้นว่า จี้อี้นี่คือคนที่ถูกเรียกว่าคุณชายอันดับหนึ่ง นอกจากรูปลักษณ์ภายนอกจะดีมากแล้ว
ก็ยังมีความสามารถที่แท้จริงอยู่
ทางก็ต้องมีจุดสิ้นสุด เดินไป สาสน์ที่กราบทูล ในที่สุดก็มาถึงหน้าประตูใหญ่ตำหนักอ๋องจี้
ในที่สุดไป๋หลี่เหลียนก็ได้ทอดถอนใจ เดี๋ยวรอจี้อี้ไปแล้ว เขากับเสว่มี่ขึ้นรถม้าไปด้วยกันเขาก็จะมีโอกาสได้พูดคุยทำความรู้จักกับนางตามลำพังแล้ว
แต่ความคิดของไป๋หลี่เหลียนก็ต้องหยุดชะงักลงเมื่อจี้อี้นั้นให้รถม้าส่วนตัวไปส่งคังเสว่มี่ ส่วนตัวเขานั้นขึ้นรถม้าจวนอ๋องคังเข้าวัง เขาให้เหตุผลว่า ตอนที่รับคังเสว่มี่มาเขาก็ใช้รถม้าคันนี้ ดังนั้นตอนไปส่งก้ต้องใช้คันเดียวกัน
ไป๋หลี่เหลียนวางหนังสือลงจากนั้นเขาก้หันไปมองจี้อี้ "เช่นนั้นเสว่มี่เจ้าขึ้นรถม้าเขาไปเถอะข้าจะควบม้าตามหลังเจ้าไป"
คังเสว่มี่หันมา "เหตุใดเจ้าไม่ขึ้นรถม้าไปด้วยดันเล่า?"
ไป๋หลี่เหลียนเอ่ย "รถม้าของเขาก็เหมือนกับเขามีกฎบ้าๆอยู่เจ้าดูนี่" พูดจบไป๋หลี่เหลียนก็กระโดดตัวลอยหมายจะขึ้นรถม้า แต่ฉับพลันก็มีควันสีเทาปรากฎขวางเขาเอาไว้ "องค์ชายหกอย่าได้ทำให้ข้าน้อยลำบากใจ"
ไป๋หลี่เหลียนกระโดดถอยหลังแล้วพยักหน้า "เจ้าเห็นหรือไม่ เขานั้นเห็นเจ้าเป็นคนพิเศษไปแล้ว ไปเถอะข้าควบม้าตามไปก็ได้"
คังเสว่มี่ไม่พูดอะไรอีก นางกำลังครุ่นคิดว่าเหตุใดจี้อี้ถึงปฎิบัติกับนางพิเศษกว่าคนอื่น หลายครั้งก็ช่วยเหลือนางแม้ว่าปากของเขาจะพูดจาร้ายๆแต่ก็ไม่เคยทำเรื่องไม่ดีกับนาง หรือเจ้าอุบายจี้จะ....ชอบนาง?
จี้อี้เหมือนรู้สึกถึงสายตาของใครสักคนที่มองตามเขาอยู่ตลอด เขาจึงหยุดฝีเท้าลง หันหน้ากลับมายิ้ม “ข้าสังเกตเห็นว่าตอนนี้คุณชายฉวี่ซางยิ่งอยู่ยิ่งเหมือนผู้หญิงพวกนั้น ชอบแอบดูด้านหลังของข้า”
ฉวี่ซางเช็คเหงื่อ “ซื่อจื่อบุคลิกของท่านมีเสน่ห์ ต้องได้รับความสนใจเป็นธรรมดา ผู้ใต้บังคับเป็นแค่ปุถุชน ยากที่เลี่ยงจากความใส่ใจในสังคม”
“โธ่.copy right hot novel pub