หลบหนักแบกเบาเก่งจริงๆเลยนะ ขับไล่ สิ่งชั่วร้ายในตำหนักกับขับไล่สิ่งชั่วร้ายในวิหาร หลิงหลง นั่นมันเป็นความหมายที่แตกต่างกันอย่างชัดเจนเลย
คังเสว่มี่ดูกิริยาท่าทางที่นุ่มนวลของนาง เหลียวมองนางอย่างจางจาง ยิ้มอย่างตื้นๆเอ่ย เบาๆว่า
“ใช่สิ จะไม่ใช่ได้ไง สิ่งชั่วร้ายในตำหนัก ล้วนอยู่วิหารหลิงหลง
ไม่รู้ว่าชายารองติงอยากขับไล่สิ่งชั่วร้าย ออกไป หรือว่าจะไล่ข้าออกไป?”
ในขณะนั้นเองมีเสียงร่าเริงของคังวี่จิ่นแทรกขึ้นมาพร้อมกับร่างสง่างามกระโดดเข้าประตูวิหารหลิงหลงมองดูคนในห้องที่ตื่นตะลึง
“ใครจะขับไล่สิ่งชั่วร้าย แล้วจะไล่ใครออกไป?”
พอเขาเข้ามาบรรยายกาศทั้งสวนยิ่ง ครึกครื้นไปใหญ่ ท่านอ๋องคังเห็นลูกชายเข้า มาก็เอาประเด็นสนทนาไปไกลเลยยกคิ้วเข้มขึ้นว่า:
“เจ้ามารวมครึกครื้นอะไรด้วย?”
“ก็มีเรื่องครึกครื้นก็เลยมาร่วมไง!”
คังวี่จิ่นตอบอย่างลอยๆ เดินไปที่ข้างคังเสว่มี่ มองกวาดไปที่ตัวของไป๋หลี่เหลียน พุ่งเดินเข้าไปหลายก้าว
แล้วใช้มือดึงเส้นผมที่เหนียวเหนอะหนะของเขาจากนั้นก็หัวเราะเอิ๊กอ๊ากขึ้นมา
“องค์ชายหก เลือดโสมมบนที่เหม็นๆบนศรีษะของเจ้านี่คืออะไร คงไม่ใช่เลือดหมาดำหรอกนะ!
เหตุใดเจ้าถึงเทเลือดหมาใส่บนศรีษะของ
ตนเองเช่นนั้นเล่า หรือว่าช่วงนี้เจ้าโชคไม่ดี เลยคิดอยากจะเปลี่ยนโชคหรือ?”
ไป๋หลี่เหลียนกับคังวี่จิ่นนั้นถือได้ว่าทั้งสองเป็นสหายที่สนิทสนมกันมากตั้งแต่ช่วงที่คังวี่จิ่นขลุกอยู่ในหอนางโลมแล้ว
ก็ไม่แคร์ที่คังวี่จิ่นล่วงเกิน เอาพัดปัดที่มือของเขาทิ้ง แล้วพูดอย่างอารมณ์เสียว่า:
“ที่แท้ตอนที่เจ้าโชคไม่ดี เจ้าก็ใช้เลือดหมาดำเทลงบนหัวนี่เอง แต่ข้าไม่มีความชอบแบบนี้นะ
แต่นี่คือชายารองติงในตำหนักของพวกเจ้ากำลังช่วยเสว่มี่ขับไล่สิ่งชั่วร้ายต่างหาก!”
“ขับไล่สิ่งชั่วร้ายหรือ? ขับไล่สิ่งชั่วร้ายอะไร? น้องสาวของข้าถูกสิ่งชั่วร้ายสิงร่างที่ไหน?” ในที่สุดสายตาของคังวี่จิ่นก็หล่นลงมาที่ตัวของคังเสว่มี่
เขาเดินเข้ามาหานางยื่นมือทั้งสองข้างประคองหน้าของคังเสว่มี่เอาไว้ ออกแรงพลิกให้นางหันดูซ้าย ดูขวา จากนั้นเขาก็หยิกแก้มแล้วบีบจมูกของนาง แล้วบีบแก้มของนางอีกครั้ง เหมือนกำลังอุ้มตุ๊กตาเล่น
คังเสว่มี่เห็นเขายิ่งหยิก ยิ่งดึงยิ่งสนุก ในที่สุดนางก็หรี่ตาขึ้นมา น้ำเสียงดุดันดังออกมาจากฟันทีละคำทีละคำ
“คังวี่จิ่น หากเจ้ายังไม่ปล่อยมืออีก ข้าจะต่อยให้เจ้านอนบนเตียงอีกหนึ่งเดือน!”
ดูลมหายใจที่อันตรายจากดวงตาของนาง คังวี่จิ่นเหมือนสัมผัสไฟฟ้ารีบดึงมือกลับ
หลังจากผ่านการประเมินของเขาแล้ว คังเสว่มี่ไม่ได้โดนสิ่งชั่วร้ายอะไรอย่างแน่นอน!เขายืนตัวตรงอย่างจริงจัง กล่าวเสียงขรึมว่า
"คือใครจะมาวิหารหลิงหลงขับไล่สิ่งชั่วร้าย?”
คังเสว่มี่จับหน้าที่ถูกขยี้จนเจ็บ ทำปากแบะไปยังที่ชายารองติง
“เมื่อกี้ข้าก็ถามนางว่า คือขับไล่สิ่งชั่วร้าย
หรือมาขับไล่ข้ากันแน่?”
คังเสี้ยเหอเห็นคังวี่จิ่นใกล้ชิดคังเสว่มี่ นางก็ตกตะลึง
คังวี่จิ่นตั้งแต่เด็กก็เติบโตข้างกายชายารองติงกับนางในตอนเด็กก็ยังถือว่าสนิทสนมกับนางมากกว่าคังเสว่มี่ แต่พอพวกเขาเริ่มโตขึ้นหน่อย
อยู่ในการเลี้ยงดูและชักจูงของชายารองติง เขาก็ค่อยๆเปลี่ยนไป ทั้งวันก็ทำตัวสำมะเลเทเมา ขลุกกับคนอื่นด้วยกันที่ข้างนอก กลับบ้านน้อยมาก
ตั้งแต่เมื่อไหร่ที่คังวิ่จิ่นกับคังเสว่มี่สนิทกัน อย่างนี้แล้ว?
ลูกของตนเองก่อกวนท่านอ๋องคังกลับไม่ได้ รู้สึกอะไร เขารู้นิสัยของคังวี่จิ่นคือไม่ชอบทำตามกฏ คราวแรกก็กลัวว่าเขาจะเข้ามาล่วงเกินองค์ชายหก
แต่ตอนนี้เห็นองค์ชายหกไม่สนใจที่ลูกชาย
ของตนเองก่อเรื่องวุ่นวาย นึกถึงองค์ชายหกที่เข้าออกหอนางโลมอยู่บ่อยๆก็น่าจะสนิทสนมกับคังวี่จิ่น
เลยปิดปากที่คิดจะห้าม เห็นพวกเขาพูดไปพูดไป ในที่สุดก็วกเข้าหาเรื่องเดิม สายตาก็กลับมามองที่ตัวของชายารองติงใหม่อีกครั้ง
“เสว่มี่ อย่างไรข้าก็แค่เพียงอยากขับไล่สิ่งชั่วร้าย จะเจาะจงเจ้าได้อย่างไร” ถึงแม้ชายารองติงเห็นสีหน้าของท่านอ๋องคังค่อยๆคลายลง
แต่ก็ยังไม่ค่อยน่าดู ทั้งตาเต็มไปด้วยความไม่เป็นธรรมแล้วพูดขึ้นอีกว่า
“ตั้งแต่เด็กข้าก็เลี้ยงดูเจ้าเหมือนกับลูกสาวแท้ๆของตนเอง จะทำเรื่องที่เลวร้ายอย่างนี้ได้อย่างไร นี่ก็เป็นแค่ความเข้าใจผิด”
พูดจบ ก็ใช้ผ้าปิดหน้าแล้วเริ่มร้องไห้ขึ้นมา
ไป๋หลี่เหลียนมองเข้าไปแว็บเดียว ในสายตากระพริบความเหยียดหยามผ่านไปอย่างรวดเร็ว พยักหน้าต่อท่านอ๋องคังว่า:
“ใช่ๆ นี่คือการเข้าใจผิด ตอนนี้ไม่ใช่ควรจับคนที่ถูกภูตผีปีศาจสิงตัวอย่างข้าหรือ?
ท่านอ๋องคัง ท่านดูแสงสีทองนี่สิ เมื่อสักครู่ นักบวชลัทธิเต๋าบอกแล้ว ขอแค่คนที่ถูกภูตผี ปีศาจสิงตัว เมื่อถูกเลือดเทวดาสาดแล้ว ก็จะมีแสงสีทองส่องออกมา”
“อ้าว มีจริงๆด้วย!
คังวี่เจตนาเข้าไปดูใกล้ๆหน้าที่ขาวหล่อของไป๋หลี่เหลียน ดวงตาใสของเขากระพริบขึ้นลง สีหน้ารับรู้ พยักหน้าพลางถอยหลังอย่างช้าๆทีละก้าวหลบองค์ชายหก
“อ้าว! องค์ชายหก ที่แท้ถูกภูตผีปีศาจสิงตัวนี่เอง!ข้าก็ว่าแล้ว เหตุใดเจ้าถึงรับปากคำขอ ของคังเสว่มี่!”
เขาถอยไปถอยไปก็กระแทรกโต๊ะที่ทำพิธี อย่างกะทันหัน หันหน้าไปดู บนโต๊ะยังมีเลือดหมาหนึ่งกระถาง แววตากระพริบๆ
ยกเลือดหมาแล้วเทไปที่คังเสี้ยเหอกับชายารองติงในทันที
กิริยาท่าทางนี้ของเขาทำให้คนคิดไม่ถึง ตอนที่คนทั้งหมดยังตกตะลึงอยู่, คังวี่จิ่นก็เอา กระถางเหล็กที่ใส่เลือดหมาทิ้งลงไปบนพื้น
ตะโกนอย่างเชื่อมโยงกันว่า:
“โธ่ๆ แท้จริงแล้วชายารองติงกับน้องสาม ก็ถูกภูตผีปีศาจสิงตัวนี่เอง น่าหวาดกลัวจัง เลย!”
เห็นได้ว่าชายารองติงกับคังเสี้ยเหอที่ยืนอยู่ ในกลางสวนสองคน บนมวยผมที่สวยงามมี เลือดหมาไหลลงมาทีละเส้น
ใบหน้าที่แต่งเอาไว้อย่างสวยงามเวลานี้มีเลือดหมาหยดลงมาจากศรีษะ เป็นภาพที่น่าอนาถที่สุด
เวลานี้ทั่วทั้งร่างของคนทั้งสองก็เปล่งประกายแพรวพราวอย่างแปลกประหลาดเลือดโสมมเลือดและกลิ่นเหม็นกระจายคลุ้งไปด้วยกัน
เสื้อผ้าของพวกนางก็ เหมือนกับองค์ชายหก, หลังติดเลือดแล้ว ก็มีสีทองออกมาหน่อย
ทำดีมาก!
นางดูออกแต่แรกแล้วว่าในเลือดหมาผสม วัสดุอย่างอื่น และก็กำลังครุ่นคิดอยู่ว่าเดี๋ยวจะสาดสองแม่ลูกนั้นทั้งตัว
แต่นึกไม่ถึงจะถูกคังวี่จิ่นแย่งไปทำเสียก่อน กระแสการส่งจิตของฝาแฝดนี่แม่นยำจริงๆเลย!
คังเสว่มี่ทำท่ากลัวแล้วกระโดดขึ้นมาจาก เก้าอี้ แล้วถอยหลังไปอีกหลายก้าว
“น่าหวาดกลัวจริงๆเลย ที่แท้ผีปีศาจ จริงๆคือพวกเจ้า ก็ว่าแล้วเหตุใดพวกเจ้าถึงสาดเลือดหมาต่อข้า รีบมาจับพวกเขาไว้!”
คังเสี้ยเหอถูกสาดเลือดจนเต็มหัว ผ่านไปครึ่งเค่อถึงจะรู้ตัวขึ้นมา เงยหน้าขึ้นแล้วมองท่าทีที่หลบๆซ่อนๆของคังเสว่มี่
ความเดือดดาลเป็นไฟแตกกระจายออก มา ตะโกนว่า:
“ใครบอกว่าข้าคือผีปีศาจ ! คังเสว่มี่ เจ้าพูดให้ระวังหน่อย!”คังเสว่มี่ก็เสมือนกับดอกเบญจมาศขนาด เล็กในสายลม “หลบ” สั่นอยู่หลังเก้าอี้ของไป๋หลี่เหลียน ทำเหมือนกับว่ากลัวปีศาจร้ายมาสิงร่าง:“แน่นอนนั่นหมายถึงเจ้า เสื้อของเจ้ามีแสงสีทอง!ที่แท้น้องสามเจ้าถูกภูตผีปีศาจสิงตัว น่ากลัวๆจริงๆเลยอ่ะ เกือบให้ข้าตกใจ แทบตาย!”“ใช่สิ น่ากลัวมากๆเลยล่ะ.......” คังวิ่จิ่นเรียน รู้ได้เร็วมาก คังซื่อจื่อที่เคย “ขี้ขลาด” ทำตัวอ่อนแอมาตลอดเวลานี้ ยังจะทำท่าทางหวาดกลัวด้วยการดึงแขนเสื้อของท่านอ๋องคังเอาไว้พูดอย่างกลัวๆว่า:“ท่านพ่อ รีบให้คนกำจัดพวกภูตผีปีศาจ ทิ้ง ช่วยๆชายารองติงกับน้องสามเร็วเข้า!”ไป๋หลี่เหลียนดูสองพี่น้องนี้ที่หนึ่งคน กิริยาใบหน้าเปล่งประกายดวงตาเต็มไปด้วยความแวววาวมีท่าทางที่ดูเฮฮาอีกคนทำท่าหวาดกลัวสั่นไปทั้งตัว แท้จริงแล้วทำอย่างกับเกรงว่าโลกจะไม่วุ่นวายอย่างไรอย่างนั้นค่อยๆหันไปดูอ๋องคัง ที่เวลานี้เส้นเอ็นสีฟ้าอมเขียวตรงใต้หน้าผากเต้นอย่างรุนแรง เห็นชัดได้ว่า เวลานี้อ๋องคังกำลังปวดสมองอย่างรุนแรง ตาดอกพีชของไป๋หลี่เหลียนยิ้มเป็นเส้นอดหัวเราะออกมาไม่ได้“ข้าไม่ใช่ภูตผีปีศาจนะ!” คังเสี้ยเหอเห็นการกระทำของทั้งสอง ยิ่งโกรธแค้นไปใหญ่คังเสว่มี่ดูสีหน้าของคังเสี้ยเหอ แอบหัวเราะ จำต้องเพิ่มไฟอีกหน่อยแล้ว“เจ้าเป็น เจ้ากับท่านแม่ของเจ้าก็เป็น เมื่อกี้นักบวชลัทธิเต๋าบอกแล้วติดเลือดเทวดาตัวเป็นสีทองคือถูกปีศาจร้ายเข้าสิงพวกเจ้าถูกปีศาจร้ายเข้าสิง"
copy right hot novel pub