ตอนที่ 419 เกรงกลัว
ดนุพลรับรู้ถึงความห่วงใยของปาลีในขณะนี้ แต่ในบางคำเขาก็ต้องเตือนปาลีว่า : “ คุณพูดถูกเพียงแค่ครึ่งเดียว จริงอยู่ที่วารีตายไปแล้ว สิทธิในการดูแลมรดกนี้ก็ต้องสืบทอดไปสู่ญาติสนิทของเธอ แต่ญาติสนิทที่สุดของเธอจะไม่ใช่วีนัสลูกสาวของเขางั้นหรอ ? อีกทั้งพ่อผู้ให้กำเนิดและเป็นผู้ปกครองตามกฎหมายของวีนัสก็คือนิทัศน์ ดังนั้นก่อนที่วีนัสจะบรรลุนิติภาวะนั้น นิทัศน์มีสิทธิโดยสมบูรณ์ในการดูแลธุรกิจซาลาแมนเดอร์ ดังนั้นเมื่อมองไปรอบๆแล้ว สิทธิในการจัดการก็ยังคงอยู่ในมือของนิทัศน์ไม่ใช่หรอ ? ”
ดังนั้น แม้แต่ดนุพลเอง ก็ต้องชื่นชมในการมองการไกลในเรื่องนี้ของนิทัศน์ หรือจะเรียกว่าเป็นความชาญฉลาดของพวกนักธุรกิจก็ว่าได้ พวกเขาต้องการที่จะก้าวนำคนทั่วไปอยู่เสมอ
ปาลีคิดขึ้นได้ทันที แต่ก็ยังคงไม่ยินยอม : “ วารีเธอมียังพ่ออีกคนก็คือนิช และเป็นคนสนิทที่สุดของเธออีกด้วย แต่ปีนี้วีนัสเพิ่งจะอายุแค่เพียง 4 ขวบเท่านั้น อย่างนี้แล้ว นิชก็น่าจะมีคุณสมบัติมากกว่าในการสืบทอดทรัพย์สินของวารีสิ …… ”
วันนั้นที่อยู่ที่หมู่บ้านซาลา ปาลีค่อนข้างประทับใจกับชายชราหัวสูงที่มีพลังอำนาจ ในครั้งนั้นเพราะโชคร้ายเจอกับฝูงหมาป่าโจมตี นิชจึงถูกหมาป่าตัวหนึ่งควักเอาลูกตาไปหนึ่งข้าง ทำให้เขาเหลือตาแค่เพียงข้างเดียว ทั้งน่าสงสารและน่ารังเกียจมาก ดังนั้น ในความทรงจำของปาลีจึงมีเขาอยู่เสมอมา ดนุพลพูดว่า : “ ทั้ง ๆ ที่เป็นแบบนั้น แต่นิชก็เกิดและโตที่หุบเขาลึกมาตั้งแต่เล็ก ทำให้โดยพื้นฐานนั้นเขาไม่มีความรู้ทางด้านกฎหมายเลย แถมยังไม่คาดคิดว่าลูกสาวของเขาจะต้องมาตายจากไปในวัยเพียงแค่สิบขวบด้วย ฉะนั้น เขาจึงยังไม่ทันได้ตั้งตัวใด ๆ ทั้งสิ้น และยังไม่เข้าใจว่าควรจะเตรียมการอะไรยังไง ต่างกันกับนิทัศน์ เขาคนนี้มีความฉลาด(เจ้าเล่ห์)เหมือนกับสุนัขจิ้งจอก ทันทีที่วารีตาย เขาก็รีบไปดำเนินการตามขั้นตอนทางกฎหมายในการยกทรัพย์สินทั้งหมดของวารีให้กับวีนัสลูกสาวของเขา ดังนั้น หลังจากการล้มละลายครั้งนี้ นิทัศน์ไม่ต้องกลัวอีกต่อไป หลังจากที่ยากจนและหมดหนทางเขาก็พาวีนัสกลับไปที่หมู่บ้านซาลา ดูเหมือนว่าจะเป็นวันที่สองที่ปิยะและปิยะพงษ์กลับไปที่หมู่บ้านซาลา ” ด้วยความกลัวว่าปาลีนั้นจะเป็นกังวล ดังนั้นดนุพลจึงไม่เคยบอกเธอมาโดยตลอดเมื่อถึงตอนนี้ ปาลีต้องจำใจยอมรับว่านิทัศน์นั้นฉลาดจริงๆ ในตอนนี้ดูแล้ว วันนั้นที่เขาขอให้วารีคลอดลูกให้เขานั้น สิ่งที่กลัวในตอนนี้ก็คือเขาได้ปูทางสำหรับวันนี้เอาไว้มาตั้งแต่ต้นแล้ว และความรักที่เขามีต่อวีนัสลูกสาวของเขานั้นอาจจะเป็นความเอาใจใส่เพียงแค่เพื่อเป็นลู่ทางสู่อนาคตของเขา ถึงแม้ว่านิทัศน์เขาจะไม่ใช่คนดีหรือคนรักที่ดี แต่เขาก็เป็นพ่อที่ดีคนหนึ่ง จริงๆแล้วทุกคนก็เป็นหมาป่าร้ายตัวหนึ่งตั้งแต่หัวจรดหาง ในวันนี้ดูเหมือนว่า เธอจะต้องเขย่าความคิดนิทัศน์ด้วยตัวเธอเอง ช่างไร้เดียงสาซะจริงๆ หรือไม่ต่อไปธัญญาก็จะขอย้ายไปกับชีวเทพเจ้าพ่อมาเฟียนี้ และชีวเทพก็จะดึงภาสวรไปร่วมมือในธุรกิจยักษ์ใหญ่อีกครั้ง รวมถึงดนุพลและธวัฒน์ก็จะมีส่วนเอี่ยวในเรื่องนี้ด้วย ถ้าหากปราศจากการปราบปรามอย่างเด็ดขาด แล้วจะเอาชนะนิทัศน์ได้อย่างไรกัน !คิดๆดูแล้ว ปาลีก็รู้สึกกลัวขึ้นมาทันที
“ นิทัศน์เจ้าเล่ห์ขนาดนี้ ถ้าหากเขาลุกขึ้นยืนได้อีกครั้ง สิ่งที่สำคัญที่สุดก็คือปิยะกับปิยะพงษ์ และรวมถึงพวกเราด้วย เขาจะไม่ปล่อยไปแน่นอน ดนุพล คุณว่า…. พวกเราควรจะทำให้เขาล้ม และให้เขาไม่สามารถพลิกตัวขึ้นมาได้อีกตลอดไป ? ”
ถึงแม้ว่าการทำอย่างนี้จะดูผิดศีลธรรมเล็กน้อย แต่ถ้าเป้าหมายนั้นคือคนอย่างนิทัศน์แล้วล่ะก็ ปาลีก็ไม่คัดค้าน
ดนุพลยื่นมือไปจิ้มที่ปลายจมูกที่โด่งสง่าของปาลี จากนั้นใบหน้าก็ยิ้มแย้มด้วยความพอใจ และพูดขึ้นว่า : “ เด็กน้อย คุณโตขึ้นมากจริง ๆ สิ่งที่คุณพูดมาคือสิ่งที่ผมอยากจะทำ เพียงแต่ว่าในมือของผมนั้นมีโครงการใหญ่อยู่และผมก็ยังไม่ได้จัดการเรียบร้อย ในระยะเวลาเจ็ดถึงสิบวันนี้ ถึงตอนนั้นพวกเราไปที่หมู่บ้านซาลาด้วยตัวเอง ”
เรื่องนี้ ดนุพลไม่ต้องการที่จะบอกให้ปาลีรู้ เขาวางแผนที่จะไปที่หมู่บ้านซาลาคนเดียว “ สักพัก ” มานานแล้ว อีกทั้งนิทัศน์ที่ยังคงฝันถึง “ การลุกขึ้นอีกครั้ง ” แต่มาวันนี้ปาลีกลับถามขึ้นมาแล้ว อีกทั้งยังเป็นกังวลมากด้วย เขาพาปาลีไปด้วยกันแหละ การประมาณที่ยอดเยี่ยมนี้สามารถทำให้ปาลีดูเปล่งประกายมาก
ยิ่งไปกว่านั้นเขาคิดถึงช่วงเวลาเก่าๆเมื่อสี่ปีก่อนที่เขาได้ใช้ชีวิตอยู่ที่หมู่บ้านซาลากับปาลีมาก เขาอยากที่จะทบทวนความหลังอีกสักครั้ง คิดๆแล้ว เขาแทบอดทนรอต่อไปไม่ไหวแล้ว
ปาลีไม่รู้เลยว่าให้หัวสมองแตงโมของดนุพลนั้นเริ่มคิดอะไรแล้วหรือยัง ทันทีที่ได้ยินก็ตกลงที่จะไปหมู่บ้านซาลาพร้อมกัน สิ่งแรกที่เธอนึกถึงก็คือปิยะ อย่างนี้แล้ว พวกเขาสองพี่น้องก็จะได้พูดคุยเกี่ยวกับความคิดของกันและกันในคืนแสงเทียนอีกครั้ง !
สามวันต่อมา
ณ โรงแรมยี่ลิน ตระกูลอิศดิศัยจัดงานเลี้ยงที่ยิ่งใหญ่ และแขกที่มาก็ล้วนแต่เป็นคนที่มีหน้ามีตาในสังคม ผู้ชายสวมชุดสูท ส่วนผู้หญิงก็สวมใส่เครื่องประดับมุกเป็นประกาย ซองแดงที่ยื่นให้มานั้นต่างก็มีมูลค่าห้าถึงหกหลักขึ้นไป
ขวัญชีวีสวมใส่ชุดเจ้าสาวสีขาวสง่าที่มีมูลค่ากว่า 200,000 พร้อมกับแต่งหน้าอย่างประณีต เพื่อยืนต้อนรับแขกเหรื่อที่มาอย่างไม่ขาดสายพร้อมกับชยนที่ประตูใหญ่ของโรงแรม และเมื่อมองไปยังซองแดงขนาดใหญ่แต่ละซองที่ได้รับมานั้น ใบหน้าของขวัญชีวีก็เต็มไปด้วยรอยยิ้ม สว่างโชติช่วงกว่าดวงอาทิตย์ในเดือนมิถุนายน
ในงานแต่งงานครั้งนี้ยังไงก็สามารถได้รับของขวัญได้นับล้าน ขวัญชีวีกำลังคำนวณด้วยเครื่องคิดเลขขนาดเล็กในใจ ทว่ากลับไม่คิด ว่าทันใดนั้นก็เกิดอาการเจ็บแปลบขึ้นมาที่ช่วงท้อง“ โอ๊ย ….. ”ขวัญชีวีเอามือกุมท้องโดยสัญชาติญาณ พร้อมกับร้องขึ้นด้วยความเจ็บปวด
copy right hot novel pub