โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

บทที่ 144เธอคือเหยื่อ

บทที่ 144เธอคือเหยื่อ

นัยน์ตาที่ดำสนิทของฉูเจ๋อหยางเหลือบมองเธอ ตอบเธอเน้นๆทีละคำ “คาดเข็มเข็ด”

เข็มเข็ดนิรภัยถูกนำมาคาดเสียงดัง “กึก” ตามเสียงของเขาที่เอ่ยขึ้น

เป้ยฉ่ายเวยถึงได้รู้ตัวว่าตัวเองเข้าไปใจผิดไปเอง ใบหน้างดงามแดงก่ำพูดขึ้นว่า

“ขอโทษ”

ฉูเจ๋อหยางพบว่าตั้งแต่เมื่อกี้แล้วที่เป้ยฉ่ายเวยทำตัวเหมือนวิหคตื่นคันศร จิตใจตึงเครียดเหมือนกับเจอเรื่องอะไรมา เขาถามขึ้นเสียงทุ้มหนักในลำคอไม่ตระหนกวิตกอะไร “เกิดอะไรขึ้น”

“ไปจากที่นี่ก่อนแล้วค่อยพูดได้ไหม” เป้ยฉ่ายเวยอยากจะพูดกับฉูเจ๋อหยางเร็วๆ แต่ก็กลัวว่าจะเจอคนรู้จักที่นี้

ฉูเจ๋อหยางเห็นท่าทางเป็นกังวลของเธอ ก็สตารทรถขับออกจากตึก เมื่อรถขับคงที่อยู่บนท้องถนน

เขาถึงถามอีกครั้ง “พูดมา”

เป้ยฉ่ายเวยพูดเรื่องที่คุณหยางนัดเธอออกไปเจอ ทั้งเรื่องที่สองพูดอะไรกันไปบ้าง ทั้งเรื่องคุณหยางให้อะไรเธอให้ฉูเจ๋อหยางฟังทั้งหมด แม้ว่าเธอไม่อยากจะยอมรับเท่าไหร่ แต่เมื่อเห็นฉูเจ๋อหยาง ใจที่ไม่สงบของเธอก็เหมือนกับหาหลักยึดเจอ

ค่อยๆสงบลงช้าๆ

ฉูเจ๋อหยางไม่ได้ตอบในทันที ภายในนัยน์ตาสีดำที่ลึกซึ้งปรากฏแววสับสน ในใจก็ครุ่นคิดไปด้วย แต่เขาไม่คิดจะอธิบายกับเป้ยฉ่ายเวยแค่พูดขึ้นอย่างสบายๆว่า “เรื่องนี้ผมจะจัดการเอง ช่วงนี้คุณก็อย่าไปเจอผู้หญิงคนนั้นอีกล่ะ”

“ฉันก็ไม่ได้อยากเจอ ฉันรู้สึกตลอดเลยว่าเธอดูแปลกๆ ส่วนแปลกตรงไหนฉันก็พูดออกมาไม่ได้ ฉันพึ่งจะเจอกับเธอแค่สองครั้งเอง ไม่รู้ว่าเพราะอะไรเธอถึงได้ทำแบบนั้น” เป้ยฉ่ายเวยหมายถึงว่าเธอกับคุณหยางไม่ได้เป็นศัตรูคู่แค้นกัน แล้วทำไมคุณหยางถึงได้คิดมาถึงเธอได้

“คุณก็แค่เหยื่อ” เป้าหมายของผู้หญิงคนนั้นไม่ใช่เธอ ใครคนนั้นที่อดรนทนไม่ไหวอยากจะสอดแนมเบื้องลึกของเขา

เป้ยฉ่ายเวยมองชายหนุ่มผู้หล่อเหลาข้างกายอย่างสับสน “ถ้าฉันเป็นเหยื่อ แล้วเธอต้องการตกปลาตัวไหนล่ะ”

ฉูเจ๋อหยางกวาดสายตามองเธอเล็กน้อย แล้วก็ไม่มองเธออีก โฟกัสกับการขับรถ

เป้ยฉ่ายเวยไม่เข้าใจว่าทำไมฉูเจ๋อหยางถึงได้ใช้แววตาแบบนั้นมองเธอ

จนกระทั่งเธอพินิจเป้าหมายของคุณหยางภายในใจ สมองก็ปิ๊งอะไรขึ้นมา จากนั้นก็เข้าใจได้ในทันที ดีดตัวขึ้นจากเบาะรถ ไม่ได้ระวังจึงชนเข้ากับหลังคารถ เจ็บจนต้องมุ่นคิ้ว “ซี๊ด——เจ็บจัง”

ฉูเจ๋อหยางขมวดคิ้วหน่อยๆ พูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่ไม่รู้ว่าเป็นห่วงหรือกำลังดุว่า “โตขนาดนี้แล้วยังทำอะไรไม่รู้จักระวังอีก อย่างกับเด็กห้าขวบ”

เป้ยฉ่ายเวยหยุดชะงักมือที่ลูบหัวอยู่ เธอรู้ว่าที่ฉูเจ๋อหยางพูดหมายถึงถึงใคร ตอนที่รุ่ยรุ่ยแอบไปเจอฉูเจ๋อหยาง มักจะเปลี่ยนนิสัยเป็นเด็กห้าขวบตลอด คิดไม่ถึงเลยว่าฉูเจ๋อหยางยังคงเอาใจใส่รุ่ยรุ่ยอยู่บ้าง

หรือว่าจะเป็นความสัมพันธ์ทางสายเลือดระหว่างพ่อกับลูกกันนะ

เธอไม่อยากคิดมาก รีบแสร้งทำเป็นไม่เป็นอะไรแล้วพูดขึ้นว่า “คุณกำลังบอกว่าเป้าหมายของคุณหยางคือคุณงั้นหรอ คือฉันก็แค่คิดไปเรื่อย”

ฉูเจ๋อหยางเริ่มกลับมาพูดด้วยน้ำเสียงเฉื่อยๆ “ก็ไม่ได้โง่หนิ”

“ฉันไม่ได้โง่อยู่แล้ว” เป้ยฉ่ายเวยพูดขัดเสียงเบา เมื่อได้รับสายตาขุ่นเขียวจากชายหนุ่ม เธอก็สงบปากสงบคำอย่างรู้ความ

เงียบได้ไม่ถึงสองนาที เป้ยฉ่ายเวยก็เปิดปากพูดอย่างอดไม่ได้ “คุณหยางอยากจัดการคุณแล้วทำไมต้องมาหาฉันด้วยล่ะ อีกอย่างคดีหย่าร้างของเธอก็ไม่น่าจะเป็นเรื่องปลอมนะ”

ดีที่เธอยังสนใจขนาดนั้น

“คดีหย่าร้างของเธอคือเรื่องจริง เพียงแค่เธอเจอกับเงื่อนไขที่ดีกว่าแค่นั้นเอง” ดวงตาของฉูเจ๋อหยางฉายแววคมกล้า

คนเราเมื่อถูกกระตุ้นด้วยผลประโยชน์มหาศาล ก็สามารถทำได้ทุกเรื่องที่เหนือความคาดหมายทั้งนั้น

เพียงแค่เสนอผลประโยชน์ที่หอมหวานให้ ต้องมีคนทำให้แน่ ไม่ใช่เธอก็อาจจะเป็นคนอื่น

เป้ยฉ่ายเวยพยักหน้าเห็นด้วยกับคำพูดของฉูเจ๋อหยาง เมื่อคิดได้ว่าคนที่ผู้หญิงคนนั้นต้องการจัดการคือฉูเจ๋อหยาง ในใจเธอก็พูดออกไปตามใจปาก อยากเอ่ยปากถาม แต่ก็กลัวด้วยว่าตัวเองจะแสดงท่าทีอะไรออกไปชัดเจนเกิน กลัวจะทำให้เกิดการเข้าใจผิด

จึงทำได้เพียงปิดปากไว้

ไม่รู้ว่านานเท่าไหร่ อยู่ๆรถก็จอดลงในทันที ในหูได้ยินเสียงทุ้มหนักของฉูเจ๋อหย่างพูดขึ้น “ถึงแล้ว”

ถึงไหน? เป้ยฉ่ายเวยมองออกไปนอกหน้าต่าง ถึงได้พบว่ารถได้จอดอยู่ใต้ที่พักของเธอแล้ว หันหน้าไปมองฉูเจ๋อหยางที่มองมาที่เธอด้วยสายตาหยอกล้อ เธอเขินอายจนอยากจะหาที่มุดหนี

ไม่รอให้เธอวิ่งหนี ฉูเจ๋อหยางก็พูดต่อว่า “ทุ่มหนึ่ง ผมจะมารับคุณ”

“รับทราบ” เป้ยฉ่ายเวยเอ่ยขึ้นแผ่วเบา เปิดประตูลงรถไป

ฉูเจ๋อหยางยังไม่ได้ไปไหน หยิบโทรศัพท์ขึ้นมาต่อสาย พูดกับสายตรงข้ามด้วยเสียงเข้มไม่กี่ประโยค จากนั้นก็มองตามแผ่นหลังของเป้ยฉายเวยที่ห่างออกไปแวบหนึ่ง ถึงได้เหยียบคันเร่งออกตัวรถไป

กล้าที่จะมาแตะต้องผู้หญิงของเขา งั้นก็อย่าโทษเขาที่เริ่มลงมือก็แล้วกัน

เป้ยฉ่ายเวยกลับมาถึงห้อง พบว่าตัวเองในวันนี้อยู่ไม่สุขเหมือนเมื่อก่อน แบบนี้มันไม่ใช่สัญญาณที่ดีเลย เธอต้องรู้จักที่จะใจเย็นให้เป็น ใจเย็นมากกว่านี้

รอจนเธอรู้สึกผ่อนคลายขึ้น เธอก็คิดไปถึงงานเลี้ยงในคืนนี้ ลูบขมับด้วยความเจ็บ ชุดราตรีที่ใส่ไปต้องไม่ดูฉูดฉาดเกินไป จะทำให้ฉูเจ๋อหยางขายหน้าไม่ได้

การร่วมงานเลี้ยงครั้งนี้ คือทำหน้าที่เป็นตัวแทนของบริษัท

เป้ยฉ่ายเวยแทบจะพลิกตู้เสื้อผ้าของตนเองดู แต่ก็หาชุดที่ดูถูกกาลสะไม่เจอเลย ปลายนิ้วลากผ่านประตูตู้อีกบาน ในนั้นมีเสื้อผ้าที่เธอไม่ได้แตะมาเป็นเวลานานแล้ว

และก็เป็นความทรงจำที่เธอตั้งใจปิดผนึกไว้

เนิ่นนาน เป้ยฉ่ายเวยทอดถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วก็เปิดตู้ออก ข้างในมีชุดราตรียาวแขวนอยู่เต็มไปหมด ทุกตัวเป็นผ้าคุณภาพดี ราคาไม่ได้ต่ำเลย สำหรับเธอแล้วเป็นราคาที่เกินเอื้อมจริงๆ

และก็เป็นชุดราตรีที่สีปีมานี้ฉูเจ๋อหยางซื้อให้เธอไม่หยุดจนเต็มตู้ไปหมด ป้ายยี่ห้อยังคงแขวนไว้ไม่ถูกแกะ เป็นเพราะเธอไม่กล้าใส่ อีกอย่างก็ไม่มีโอกาสได้ใส่ออกไปไหนกับฉูเจ๋อหยางมากเท่าไหร่ด้วย

เขามีสังคมมากมาย ส่วนเธอกลับแค่อยู่ในห้องโถงเงียบๆมีเพียงแค่โคมไฟเท่านั้น เพราะไม่เคยเข้าร่วมงานแบบนี้บ่อย

ที่เป็นแบบนี้อาจจะเป็นเพราะฉูเจ๋อหยางอยากจะรักษาความสัมพันธ์แบบ ‘เพื่อนกันมันส์ดี’ กับเธอเอาไว้ เพราะเธอรักษากฎมาตลอด ไม่สร้างความยุ่งยากให้เขา และจะไม่ไปก้าวก่ายเรื่องของเขาด้วยตอนที่เขาต้องการเธอก็จะมีตัวตน เขารำคาญก็จะหายไป อย่างกับคนไม่มีตัวตนแหนะเป้ยฉ่ายเวยก็ไม่รู้เหมือนกันว่าอะไรที่ทำให้เธอเดินมาจนถึงสี่ปีมานี้ เป็นเพราะความคาดหวังในใจที่ไกลเกินเอื้อม หรือเป็นนัยน์ตาสีดำที่ลึกล้ำของเขาที่บางคราวก็เผยความรักใคร่ออกมา เธอไม่อยากไปครุ่นคิดมันมองเสื้อผ้าที่อยู่ในตู้ เป้ยฉ่ายเวยเลือกตัวนึงติดมือมาอย่างรีบร้อน ราวกับกลัวว่าเสื้อผ้าในตู้จะมีมือยาวๆยื่นออกมาลากเธอเข้าไปในเหวลึกที่ไร้ซึ่งอิสรภาพ “ปึง” เสียงปิดตู้เสื้อผ้า ก็เหมือนบานประตูใจของเธอถูกปิดลง ทั้งท้อแท้ ทั้งเศร้าใจ ยังมีความเสียใจที่พูดออกไปไม่ได้อีก เป้ยฉ่ายเวยสวมใส่เสื้อผ้าเสร็จ ก็ใกล้จะถึงเวลาที่ฉูเจ๋อหยางมารับเธอแล้ว เธอสวมรองเท้าส้นสูงสีฟ้าอ่อน และสะพายกระเป๋าถือของตนเองไว้ จากนั้นก็ออกจากห้องไป ฉูเจ๋อหยางเคร่งเรื่องเวลามาก เหมือนที่เขารักสะอาดมาก คนที่ไม่เข้าใจก็จะไม่รู้ว่าเขามีนิสัยยิบย่อยอะไรแบบนี้ด้วยเพียงแค่เป้ยฉ่ายเวยไม่เข้าใจเลย หลังจากที่เธอขึ้นรถมา ผู้ชายที่อยู่ข้างกายก็มีใบหน้าเรียบตึงไม่พูดอะไรซักคำตลอดทางเธอเป็นหนี้เขาห้าร้อยล้านก็จริง แต่เงินพวกนั้นก็ไม่ได้อยู่ในมือเธอซักหน่อย

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์