โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

บทที่ 204 เล่นละครต้องเล่นให้เนียน

บทที่ 204 เล่นละครต้องเล่นให้เนียน

เป้ยฉ่ายเวยข่มความรู้สึกเจ็บเสียดไว้ข้างใน พูดขึ้นด้วยสีหน้าราบเรียบ “ฉันไม่เป็นอะไร”

“ไม่เป็นอะไรจริงๆใช่ไหมเวยเวย ฉันก็นึกว่าเธอจะโดนญาติฉัน......” หนานฉิงเห็นสีหน้าที่ดูไม่ดีของเป้ยฉ่ายเวย ก็ทำราวกับว่าเพิ่งรู้ตัวว่าพูดอะไรไม่ควรออกไป รีบส่ายหน้าแล้วพูดขึ้นว่า “เวยเวย ฉันไม่ได้หมายความแบบนั้นนะ ฉันก็แค่เป็นห่วงเธอน่ะ”

“ให้ตายทนฟังไม่ไหวแล้วนะ” อวี๋ซือซือพูดพร้อมกับใช้เท้ายันผนัง จนเกิดเสียงดังลั่น บนผนังสีขาวปรากฏเป็นรอยเท้า เหมือนกับกำลังเตือนหนานฉิงกลายๆว่าพูดอะไรให้ระวังด้วย

หนานฉิงมองรอยเท้าสีดำจางๆบนผนังนั่น ก็กลืนน้ำลายลงคอไม่กล้าพูดอะไรไปทั่วอีก ถึงเธอจะรู้จักนิสัยเป้ยฉ่ายเวยดี แต่กับผู้หญิงบ้าพลังคนนี้เธอไม่รู้จักอะไรเลย

เธออุตส่าห์กล้ำกลืนแบกหน้ามาขอโทษ ไม่ได้อยากถูกนังผู้หญิงบ้านี้ซัดเข้าให้สัหน่อย

“หนานฉิง ฉันไม่เป็นอะไร เขายังไม่ได้ทำอะไรฉัน” เป้ยฉ่ายเวยไม่อยากพูดถึงเรื่องเมื่อวานแล้ว มองหนานฉิงที่ไม่ได้ผิดอะไร จึงฝืนตัวเองตอบกลับไป

“งั้นก็ดีเลย เวยเวยเธอคงไม่โทษฉันหรอกใช่ไหม ถ้าไม่ใช่ว่าฉันเชิญเธอมางานวันเกิดเรื่องแบบนี้ก็คงไม่เกิดขึ้นหรอก” หนานฉิงเหลือบมองไปทางประตู จากนั้นก็ขยับเข้าไปใกล้เป้ยฉ่ายเวย แสดงท่าทางราวกับเป็นมิตรสนิทที่รู้ใจ

ในแววตานั้นมีความเป็นห่วงมากมาย

จนเป้ยฉ่ายเวยคิดจริงๆว่าหนานฉิงเป็นห่วงเธอ แต่ความคิดนั้นมันก็มีอยู่แค่ไม่กี่วิ ไม่นานเธอก็รู้ถึงจุดประสงค์ที่แท้จริงของหนานฉิงในทันที

ทันใดนั้นประตูก็ถูกเปิดออกตามมาด้วยนักข่าวจำนวนหนึ่งที่หลั่งไหลเข้ามา จากนั้นก็สาดแฟลชใส่พวกเธอทั้งสองคนอย่างบ้าคลั่ง

ไมค์ถูกยื่นมาตรงหน้าเป้ยฉ่ายเวย

“รบกวนถามคุณเป้ย ตอนนี้ร่างกายคุณเป็นอย่างไรบ้างครับ มีอะไรเสียหายตรงไหนไหมครับ?”

“คุณเป้ยคะ คุณได้เตรียมการฟ้องร้องตระกูลจางแล้วใช่ไหมคะ แล้วคุณถูกคุณจางเจิ้งกวางขืนใจไหมคะ?”

“คุณเป้ยจะเอาผิดทางกฎหมายอาญากับตระกูลจางไหมครับ แล้วเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับตระกูลหนานไหมครับ?”

“คุณเป้ย รบกวนคุณตอบคำถามด้วยนะครับ คุณคิดว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับตระกูลหนานไหม”

พวกนักข่าวจ่อไมค์ถามทีละหลายคำถามอีกทั้งยังสาดแฟลชใส่อย่างไม่หยุดยั้ง เป้ยฉ่ายเวยมองไปยังพวกเขาอย่างตั้งรับไม่ทัน ในตอนนี้ไม่รู้ว่าควรตอบคำถามไหนดี พวกเขาก็ยังคงรอให้เธอเอ่ยปากพูด

“พวกคุณเข้ามาได้ยังไง สำนักข่าวพวกนี้ไม่มีมารยาทบุกเข้ามาในห้องพักฟื้นได้ยังไง” อวี๋ซือซืออึ้งไปครู่หนึ่ง เมื่อรู้สึกตัวก็รีบมายืนบังอยู่ตรงหน้าพวกเขา

“ออกไป ออกไปกันให้หมด”

ราวกับนักข่าวตะเตรียมกันมาแล้ว มาด้วยกันยังไงก็ไม่ยอมกลับออกไปแม้แต่คนเดียว ราวกับพวกเขาไม่ได้ฟังที่อวี๋ซือซือพูด แทรกเธอเข้าไปอยู่ตรงหน้าเป้ยฉ่ายเวย

หนานฉิงเข้ามาช่วยบังกล้องให้เป้ยฉ่ายเวยอย่างถูกจังหวะ เสียงหวานพูดขึ้นว่า “พวกคุณหยุดถ่ายเถอะค่ะ เวยเวยได้รับบาดแผลมามากพอแล้ว พวกคุณทำแบบนี้มันมากเกินไปแล้วนะคะ”

เมื่อหนานฉิงเอ่ยปากพูด นักข่าวก็ราวกับหาทางออกเจอ ทุกคนจึงมาล้อมเธอไว้เริ่มแย่งกันถามจนฟังไม่ได้ศัพท์

“คุณหนานมาที่นี่ เป็นเพราะว่าคุณรู้สึกผิดกับเพื่อนสนิทใช่ไหมคะ แล้วก็ยังมาขอโทษแทนตระกูลจางด้วย”

“พวกคุณพูดคุยกันส่วนตัวแล้ว หรือว่าต้องชดใช้ให้คุณเป้ยครับ”

“เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับลูกชายคนเดียวของตระกูลจาง ไม่ทราบว่าท่านรองหัวหน้าเขตรู้สึกอย่างไรบ้างครับ เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับตระกูลหนานไหมครับ?”

“พวกคุณเงียบหน่อยนะคะ” เวลานี้ราวกับว่าหนานฉิงได้กลายเป็นผู้ออกคำสั่งไปแล้ว เธอมองกล้องอย่างอกผายไหล่ผึ่งเผยรอยยิ้มออกไปอย่างพอเหมาะพอดี

หลังจากรอให้ทุกคนเงียบลง น้ำเสียงเรียบนิ่งก็ดังขึ้น “เรื่องราวทั้งหมดตระกูลหนานก็เพิ่งจะรู้ในเวลาต่อมานี่ล่ะค่ะ ส่วนเรื่องที่จางเจิ้งกวางทำลงไปพวกเรารู้สึกผิดหวังมากๆค่ะ และเรื่องนี้ก็ไม่ได้เกี่ยวกับทั้งสองตระกูลแน่ๆ ถ้าทนายต้องการความช่วยเหลืออะไร ตระกูลหนานของพวกเราก็จะให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่เลยค่ะ”

พูดจบยังตบมือเป้ยฉ่ายเวยเบาๆอย่างหนักแน่น ราวกับกำลังบอกให้เธอสบายใจได้ ตระกูลหนานจะอยู่ข้างเธอเสมอ

การกระทำที่ต้อง ’ผดุงความถูกต้องเอาไว้แม้ต้องตัดญาติสนิทมิตรสหาย’ ของหนานฉิง ทำให้ตระกูลหนานยกระดับฐานะขึ้นมาอีกขั้นไปโดยปริยาย นักข่าวทั้งหลายจึงไม่ได้บังคับถามอะไรอีก

“ถ้าเป็นอย่างที่คุณหนานพูดจริงๆ ถ้าอย่างนั้นพวกเราขอถ่ายรูปพวกคุณไว้ได้ไหมครับ เพื่อเอาไปสยบข่าวลือต่างๆ”

“ใช่ๆ แต่ถ้าคุณเป้ยไม่เต็มใจถ่ายรูปกับคุณหนาน นั่นก็หมายความว่าคุณหนานกำลังพูดโกหกอยู่หรือเปล่า”

หนานฉิงมองหนึ่งในนักข่าวสองคนที่เอาแต่ยิงคำถามใส่ แอบรู้สึกโชคดีเล็กๆที่เชื่อฟังคำของบิดาแล้วมาที่โรงพยาบาลนี้ ถ้าไม่อย่างนั้นตระกูลหนานคงได้รับผลกระทบที่ไม่ดีแน่ๆ

เธอแน่ใจว่าในนี้ต้องมีคนที่คอยเป็นหูตาให้กับคนที่อยากจะทำลายตระกูลหนาน คงคิดอยากจะฉวยโอกาสในช่วงที่ชุลมุนล่ะสิ

“เวยเวย เธอคงไม่ว่าอะไรถ้าเราจะถ่ายด้วยกันสักรูป”

สถานการณ์แบบนี้ เธอมีสิทธิ์ปฏิเสธด้วยหรือไง? เป้ยฉ่ายเวยจึงออกปากพูดขึ้น “ไม่หรอก”

เมื่อได้ยินแบบนี้หนานฉิงก็ดึงเป้ยฉ่ายเวยให้เข้ามาอยู่ในเฟรมกล้องยกยิ้มหวานหยด ปล่อยให้นักข่าวถ่ายรูปจนพอใจ

สีหน้าของอวี๋ซือซืออึมครึมจนไม่รู้จะอึมครึมยังไงอีก รู้สึกได้ว่าคนเวรตะไลอย่างยัยนั้นไม่ได้มาเพื่อขอโทษ เวยเวยแต่มาเพื่อสร้างข่าวและให้พวกแมลงวันพวกนั้นเข้ามาเล่นละครกับเธอสักฉาก ได้เลยตระกูลหนาน จะเอาใช่ไหม เลือกมาเลย

ถ้านี่เป็นการเล่นลูกคิด ที่น่าโกรธก็คือ ผู้หญิงทึ่มๆอย่างเวยเวยก็ยังเอากับเขาด้วย

เมื่อนักข่าวเก็บภาพเสร็จแล้วก็ออกจากห้องไปอย่างพอใจที่ได้ทำข่าว

หนานฉิงเองก็ถือว่าทำภารกิจเสร็จแล้วเหมือนกัน รอยยิ้มบนหน้าก็ดูผ่อนคลายขึ้นเยอะ “เวยเวยฉันไม่รู้เรื่องที่จู่ๆนักข่าวพวกนี้ก็บุกเข้ามาจริงๆนะ ขอโทษด้วยที่รบกวนเวลาพักผ่อนของเธอ”

“ไม่เป็นไร” เพราะเป้ยฉ่ายเวยถูกรบกวนอยู่นาน หน้าผากจึงปรากฏร่องรอยความเหนื่อยล้า ยังต้องฝืนเรียกสติตัวเองกลับมาตอบคำถามพวกนักข่าวอีก

“โอเค งั้นฉันไม่กวนเธอแล้วดีกว่า ถ้าฉันว่างเมื่อไหร่จะมาเยี่ยมอีกนะ” หนานฉิงยังอยากจะพูดะไรทิ่มแทงเป้ยฉ่ายเวยอยู่ แต่เพราะว่ามีอวี๋ซือซืออยู่ด้วย เธอจึงทำได้แค่อดทนเอาไว้ก่อน แต่ก็ช่างเหอะ คนโง่เง่าอย่างเป้ยฉ่ายเวยก็ดูอับอายเพราะคำพูดของเธอตามที่คิดไว้จริงๆนั่นแหละ คำพูดแค่ไม่กี่คำก็ทำให้เป้ยฉ่ายเวยสะท้านได้แล้ว หลังจากพูดจบ แผ่นหลังของหนานฉิงก็หายออกไปจากห้องพักฟื้น เสียง”ปัง”ดังตามขึ้นมา อวี๋ซือซือกระแทกประตูเสียงดัง เพื่อแสดงให้เห็นว่าเธอไม่พอใจมากๆ อยากจะตบนังนั้นให้รู้แล้วรู้รอดไป “เวยเวยจนถึงตอนนี้แกก็ยังไม่เข็ดอีกหรอ? ยังจะช่วยมันอีก” “แต่ถึงยังไงครั้งนี้ก็ครั้งสุดท้ายแล้วนะ” เป้ยฉ่ายเวยมองแสงอาทิตย์นอกหน้าต่าง พูดขึ้นเสียงแผ่วเบา “ครั้งสุดท้าย? เธอจะเริ่มเอาคืนแล้วใช่ไหม” อวี๋ซือซือคิดว่าคำพูดเกลี้ยกล่อมของตัวเองมีแววจะสำเร็จสูง จึงเดินเข้าไปหาอย่างดีใจ แต่เมื่อเห็นสีหน้าของเป้ยฉ่ายเวย เธอก็คิดว่ามันไม่ใช่อย่างนั้น “เวยเวย นี่เธอกำลังคิดที่จะหนีไปหรอ” “อืม” เป้ยฉ่ายเวยพยักหน้าอย่างช้าๆ เธอไม่อยากปิดบังเพื่อนที่ดีที่สุดของเธอ ใช่แล้ว เธอเตรียมพร้อมที่จะหนีไปแล้ว ถึง เวลานั้นเธอจะพารุ่ยรุ่ยไปจากที่นี่ตอนเช้าที่เพิ่งธนาคารเปิด เธอก็โทรศัพท์ไปหาทันที เช็คของเธอสามารถแลกเงินออกมาได้แล้ว ฉูเจ๋อหยางไม่ได้โกหกจริงๆด้วย แต่ก็ไม่รู้ว่าทำไม เรื่องนี้ควรเป็นเรื่องที่น่าดีใจ แต่ทำไมเธอถึงยิ้มไม่ออก

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์