โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

บทที่ 206 คำขอโทษ

บทที่ 206 คำขอโทษ

คุณท่านเหาไม่ได้เอ่ยเสียงใด ใบหน้าซูบผอมเต็มไปด้วยรอยเหี่ยวย่น ดวงตาทั้งสองนับวันยิ่งลึกโบ๋ มองดูแล้วช่างน่าตกใจ

ท่านเคาะไม้เท้า พูดขึ้นเสียงหนักว่า “เรื่องนี้เกี่ยวกับลูกสาวของตระกูลหนาน ก็ให้ตระกูลหนานจัดการไป ฉูเจ๋อหยางคนนั้นไม่ใช่แฟนเธอหรอกหรือ?”

“คุณตาพูดถูกครับ ให้หนานฉิงพูดกับฉูเจ๋อหยางให้ไม่ดีกว่าหรอครับ” จางเจิ้งกวางตาเป็นประกายขึ้นทันที

สีหน้าของจางเจิ้งชวนไม่สู้ดีเท่าไหร่ “พ่อ ผมก็เคยคิดคิดแบบที่พ่อพูดมา ผมเคยไปตระกูลหนานอยู่สองครั้ง ทุกครั้งที่ไปคนใช้ก็บอกว่าหนานเทียนหยางไม่อยู่ตลอด หรือต่อให้เจอเสว่ฉินเธอก็มักจะหลบหน้าตลอด”

เห็นได้ชัดว่าคงไม่อยากจะช่วย

“อะไรกัน ไอ้เวรนั่น เจิ้งเอ๋อร์มีเรื่องทั้งที ก็ ยังไม่สนใจอะไรเพียงเพราะกลัวจะกระทบผลงานของตัวเองหรอ ในเมื่อหนานเทียนหยางคิดว่าตัวเองมีอำนาจขนาดนั้น ถ้างั้นก็คงต้องให้คนแก่อย่างฉันไปหาเองแล้วล่ะ” คุณท่านเหาพูดขึ้นอย่างมีน้ำโห

“พ่อคะ พ่อใจเย็นๆก่อน ให้ฉันลองไปถามดูอีกครั้ง นะคะ?” เหาเสว่หลินไม่อยากให้ความสัมพันธ์ทั้ของงสองตระกูลต้องบาดหมางกัน

“ยังจะถามอะไรอีก ฉันเป็นพ่อตา ดูสิถ้าฉันไปว่าหนานเทียนหยางจะยอมพบฉันไหม” เมื่อคุณท่านเหาตัดสินใจแล้ว ก็เดินกลับขึ้นไปบนห้องอย่างโมโห ตอนแรกหนานเทียนหยางก็เป็นแค่เจ้าหน้าที่ปกครองเขตท้องที่ ที่สามารถไต่เต้ามาจนถึงตำแหน่งปัจจุบันนี้ได้อย่างราบลื่น

ตระกูลเหาต้องใช้กำลังเงินกับคอนแน็คชั่นไปมากเท่าไหร่ ถึงผลักดันเขาขึ้นมาถึงจุดนี้ได้ หนานเทียนหยาง อย่าแม้แต่จะคิดที่จะสลัดตระกูลเหาทิ้งง่ายๆเลย

ตอนที่หนานเทียนหยางได้ยินว่าคุณท่านเหาจะมา ก็สลัดผ้าห่มออกอย่างหงุดหงิด ไอ้แก่ คิดจะขู่เขาหรอ

เขาก็ดำรำตำแหน่งบริหารนี้มาหลายปีแล้ว ตั้งนานก็ไม่ได้รับการข่มขู่อะไร แต่คุณท่านเหากลับออกปากเสียเอง แล้วยังไงเขาไม่สนหรอกนะ

ให้บุญคุณกันแค่เล็กๆน้อยๆ ยังคิดจะให้เขาตอบแทนอีกหรอ ไม่รู้อะไรเอาซะเลย

ได้เลย อยากให้เขาช่วย เขาก็จะช่วย แต่ว่าเรื่องอะไรต่อจากนี้ อย่าคิดว่าเขาจะไปยุ่งอีก

ดังนั้นวันต่อมา หนานฉิงจึงถูกบังคับให้ไปเจรจากับฉูเจ๋อหยาง

ภายในห้องทำงาน หนานฉิงนั่งอยู่บนโซฟาเป็นเวลาครึ่งชั่วโมงแล้ว แต่ผู้ชายที่นั่งอยู่หลังโต๊ะทำงานกลับไม่แม้แต่จะสนใจเธอเลย

เธอไม่รู้จะทำยังไง ทำได้เพียงลุกขึ้นยืนแล้วเดินเข้าไปหา “อาเจ๋อ คุณยังโกรธอยู่หรอ”

ฉูเจ๋อหยางไม่แม้แต่เงยหน้าขึ้นมามอง ตั้งใจจัดการเอกสารต่อไป ราวกับว่าหญิงสาวเป็นเพียงอากาศไม่มีตัวตน

หนานฉิงพูดขึ้นอีกครั้งอย่างไม่ถอดใจ “อาเจ๋อฉันรู้ว่าญาติฉันทำไม่ถูก ฉันไปขอโทษเวยเวยที่โรงพยาบาลแล้ว วันนั้นญาติฉันคงเสียสติไปแล้วถึงได้ทำอย่างนั้น คุณให้โอกาสเขาเถอะนะ”

เมื่อฉูเจ๋อหยางได้ยินชื่อของเป้ยฉ่ายเวย ปลายปากกาก็หยุดชะงัก ค่อยๆวางเอกสารในมือลง นัยน์ตาลุ่มลึกมองไปที่เธอ พูดขึ้นเสียงเรียบว่า “ให้โอกาสเขางั้นหรอ? แต่ผมว่าเขาคงไม่ต้องการโอกาสหรอก”

“ไม่ ไม่ใช่แบบนั้น อาเจ๋อเขารู้ตัวแล้วว่าเขาผิด ไม่กี่วันมานี่เขาก็อยู่แต่ในบ้าน อยากให้คุณให้อภัยเขาอยู่ตลอด คุณจะให้เขาทำอะไรถึงจะยอมให้อภัยเขาหรอ”

เมื่อหนานฉิงเห็นว่าฉูเจ๋อหยางมีปฏิกิริยาบ้างแล้ว บนใบหน้าก็ฉายแววแห่งความหวังขึ้นมา

“เหอะ ให้อภัยงั้นหรอ เขาคงมาหาผิดคนแล้วมั้ง” เมื่อเทียบกับเรื่องที่ผู้หญิงตัวเล็กๆคนนั้นต้องเผชิญคำว่าขออภัยคิดว่าจะแก้ปัญหาได้อย่างนั้นหรอ ทุกอย่างมันแค่เริ่มต้นเท่านั้น

ตาของหนานฉิงวูบไหว เข้าใจความหมายของฉูเจ๋อหยางในทันที ในใจขุ่นเคืองอย่างอดไม่ได้ อาเจ๋อถึงกับออกหน้าแทนผู้หญิงคนนั้น แต่ทว่าในเวลานี้ก็ไม่ใช่เวลาที่ควรโกรธ

“พี่เขาก็คิดอยากจะไปขอโทษเวยเวย เพียงแต่เขาไม่มีหน้าไปเจอเธอ คุณสบายใจได้ฉันจะให้เขาไปพูดกับเวยให้ได้เลย อาเจ๋อ คุณให้อภัยพี่เขาสักครั้งเถอะนะ ฉันรับรองว่าครั้งต่อไปเขาคงไม่กล้าทำอีกแล้ว”

ฉูเจ๋อหยางมองใบหน้าเรียบเนียนจากการแต่งหน้าของหนานฉิงอยู่นาน กระตุกมุมปากขึ้น เผยรอยยิ้มที่ดูดูดวิญญาณคนออกมา จดจ้องสายตาที่ดูทึ่งๆของหนานฉิง ค่อยๆพูดขึ้นมาว่า “ได้สิ”

ให้อภัยใช่ไหม ได้เลย แต่เขาไม่รับประกันว่าเรื่องอื่นจะไม่เอาเรื่อง

อันที่จริงให้จางเจิ้งกวางติดคุก มันก็เป็นความเมตตาที่เขามีต่อจางเจิ้งกวางแล้ว ในเมื่อเขาไม่ยินยอมที่จะโดยทำโทษทางกฎหมายดีๆ งั้นฉูเจ๋อหยางก็จะใช้วิธีของตัวเอง ให้เขาได้รู้สึกผิดไปตลอดชีวิต

ก็เหมือนวันนั้น เขาไปไม่ทัน เขาเห็นใบหน้าของผู้หญิงทึ่มคนนั้นดูเจ็บปวดสิ้นหวัง ทุกครั้งที่คิดไปถึงหัวใจก็เจ็บปวดเหมือนถูกมีดแทงทะลุ

“จริงหรอคะ ? อาเจ๋อขอบคุณมากๆ คุณดีกับฉันมากๆเลย” หนานฉิงอึ้งไปครู่หนึ่ง สักพักก็รู้สึกตัว ส่งเสียงร้องขึ้นพร้อมทั้งจับแขนของฉูเจ๋อหยางไว้อย่างดีใจ

ฉูเจ๋อหยางมองมือที่จับแขนตัวเองอยู่ แววตาเย็นชาทอแสงเข้มขึ้นมาน้อยๆ เขาผละกายออกมาอย่างระงับอารมณ์และคำพูด พูดเสียงนิ่งว่า “คุณกลับไปก่อนไป”

“อาเจ๋อ.....” หนานฉิงเรียกเขาอย่างเสียดาย ถึงจะปลดล็อกเรื่องของจางเจิ้งกวางได้แล้ว แต่เธอกลับไม่ได้รู้สึกดีใจเท่าไหร่เลย กลับกันเธอยิ่งรู้สึกไม่สบายใจขึ้นมา

อีกอย่างเธอก็มาแล้ว แต่อาเจ๋อก็ยังเร่งให้เธอไป หรือว่าจะยังโกรธเรื่องวันนั้นอยู่นะ

ฉูเจ๋อหยางพูดขึ้นว่า “ผมยังมีเรื่องต้องทำ"

เมื่อจ้องมองแผ่นหลังผึ่งผายของชายหนุ่ม หนานฉิงก็ไม่รู้ว่าตัวเองไปมีความกล้ามาแต่ไหน ถึงได้เดินเข้าไปกอดแผ่นหลังกว้างของเขาไว้ พูดขึ้นเสียงเบาที่ดูน่าสงสารว่า “อาเจ๋อ คุณอย่าผลักไสฉันแบบนี้ได้ไหม ฉันรักคุณจริงๆนะ”

ในตอนที่เธอเข้ามากอดทั้งร่างของฉู๋เจ๋อหยางก็เกร็งในทันที จับมือที่กอดอยู่ตรงเอวของตัวเองออก เสียงทุ้มหนักพูดขึ้นเสียงต่ำว่า “ที่นี่คือห้องทำงาน”

“ไม่ อาเจ๋อคุณอย่าผลักไสฉันได้ไหม ฉันรู้ว่าไม่มีใครกล้าเข้ามาในนี่โดยที่ไม่ได้รับคำอนุญาตจากคุณหรอก” ตาของหนานฉิงมองมือของตัวเองที่ค่อยๆถูกแกะออกจากตัวเขา เธอที่ไม่ยอมแพ้ก็กอดเอวสอบของเขาไว้ได้อีกครั้ง

ดวงหน้าเล็กๆแนบอยู่กับแผ่นหลังแกร่งของเขาแน่น ตรงนี้เป็นที่ของเธอมาตลอด เป้ยฉ่ายเวยต่างหากที่หน้าไม่อายเข้ามาเป็นมือที่สาม

เธอไม่ยอมหยุดหรอกนะ เธอยากได้มากกว่านี้ ประตูห้องถูกคนเปิดเข้ามา ถังฉีตงจ้องมองคนข้างใน พิงกรอบประตูพูดแหย่ขึ้นว่า “จะให้ฉันออกไปก่อนไหม?” “ไม่ต้อง” คิ้วของฉูเจ๋อหยางขมวดแน่น ออกแรงเพียงนิดเดียว หญิงสาวที่กอดตัวเองอยู่ก็ถูกผลักออกไปอย่างง่ายดาย ใบหน้าอึมครึมจนดูน่ากลัว ถังฉีตงแอบเบ้ปาก มีผู้หญิงสวยๆมาให้กอดยังจะทำหน้าอย่างกับกินของเสียอยู่ได้ ถ้าให้ ‘คนสวย’รู้เข้าว่าในสายตาของผู้ชายที่ตัวเองรักมองตัวเองเป็นแค่ของเสีย จะรู้สึกยังไงไงกันนะ หนานฉิงหงุดหงิดมาก ถังฉีตงสมควรไปตายซะรู้ทั้งรู้ว่าจะรบกวนเวลาเธอกับเขา ยังจะยืนมองอยู่ตรงนั้นอีก เธอที่เป็นผู้หญิงก็ต้องรู้สึกหน้าบางอยู่แล้ว ทำได้เพียงจัดเสื้อผ้าอย่างขัดใจ พูดกับชายหนุ่มที่มีใบหน้าเย็นชาเสียงอ่อนเสียงหวานว่า “อาเจ๋อคุณทำงานต่อเถอะ ประมาณเย็นๆฉันจะมาหาคุณอีก” พูดจบก็ยังทำเป็นเขินอายเดินก้มหน้าออกไป ถังฉีตงยักไหล่ขึ้น เอียงตัวเองหลบให้เธอออกไป แล้วก็ปิดประตูให้ในห้องกลับมาเงียบอีกครั้ง ถังฉีตงเดินตรงไปนั่งบนโซฟา “อาเจ๋อ เห็นนายซื้อกินแบบนี้ ฉันล่ะรู้สึกสงสารเลยเนี่ย”

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์