บทที่223 คุณมันเป็นปีศาจ

หัวใจเป้ยฉ่ายเวยเหมือนถูกทุบตี เธอชาจนแทบจะหมดสติ เธอได้แต่หายใจเข้าลึกๆ และจ้องเขาไว้ ฝืนกลั้นน้ำตาเอาไว้ ด้วยความเกลียดและแค้นใจ พร้อมพูดออกมาทีละคำทีละคำ

“ฉูเจ๋อหยาง คุณมันเป็นปีศาจ”

วินาทีนั้น ฝ่ามือพัดลมหอบหนึ่งเข้าที่ข้างหูเป้ยฉ่ายเวย ผมยาวสะบัดปิดที่หน้าผากของเธอ เสียงดัง “ปัง” จากตู้เสื้อผ้าข้างๆเธอ แขนอันเหมือนเหล็กกล้าของชายคนนั้นยึดอยู่ที่ข้างกายเธอ

เป้ยฉ่ายเวยไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านอะไรทั้งนั้น เธออยากจะหัวเราะด้วยซ้ำไป เหอเหอ ทำไมแค่นี้ต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ สิ่งที่เธอพูดนั้นไม่ได้เป็นเรื่องใหญ่โตอะไรสำหรับเขาเลย แทบจะไม่กระทบอะไร

นัยน์ตาฉูเจ๋อหยางดำมืด เสียงเขาเยือกเย็นอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน เขาเบาเสียงและกระซิบที่ข้างหูเธอ “ผมเป็นปีศาจ แล้วคุณล่ะเป้ยฉ่ายเวย คุณก็ไม่ได้ดีไปกว่าผมเท่าไหร่หรอก”

ขณะนี้เป้ยฉ่ายเวยไม่ได้กลัวความโกรธของฉูเจ๋อหยางอีกต่อไปแล้ว สายตาสงบนิ่งของเธอหันไปเล็กน้อยจากนั้นก็เผยรอยยิ้มออกมาพลางกล่าวอย่างไพเราะ “ฉูเจ๋อหยาง ฉันคงไปเทียบกับคุณไม่ได้หรอก ฉันเป็นแค่ไอ้หน้าโง่คนหนึ่งเท่านั้น”

โง่จนถึงตอนนี้ หาทางปกป้องดินแดนอันน้อยนิดภายในใจ ที่หวังว่าวันหนึ่งเขาจะเห็นถึงความเสียสละของเธอ ที่ไม่ต้องให้ใครต้องเจ็บตัวจนถึงตอนนี้

อยากจะบอกว่ามาดีไปดีนะ เธอรู้สึกว่าไม่ควรยืดเยื้ออีกต่อไป บนโลกนี้หลังจากเลิกกันแล้ว แน่นอนว่าเป็นเพื่อนกันก็คงไม่ได้อีก

ความรักนั้นช่างลึกซึ้ง ตอนนี้กลับกลายเป็นความเกลียดชัง

เกลียดตัวเองยิ่งขึ้นไปอีก ที่ทั้งโง่ทั้งงี่เง่า

ฉูเจ๋อหยางไม่ชอบใจมากที่เป้ยฉ่ายเวยเห็นทุกอย่างทะลุปรุโปร่ง เขารู้สึกใจหาย มันหวิวเหมือนกับเขาควบคุมไม่ได้อีกต่อไป เสียงเย็นขึ้นเล็กน้อย “หลี่จื่อเชียนให้คุณได้ ผมก็ให้คุณได้เหมือนกัน”

ทำไมถึงเลือกหลี่จื่อเชียน แทนที่จะยืนหยัดอยู่เคียงข้างเขา

ผู้ชายบางคนชอบล้ำลึกเหมือนทะเล กว้างขวางเหมือนท้องฟ้า ไวจับตัวไม่ได้เหมือนสายลม ฉูเจ๋อหยางเป็นคนที่ชอบเก็บซ่อนอารมณ์ของตนเอง เขาไม่เคยพูด ไม่เคยอธิบาย

เพราะว่าเขาคุ้นเคยกับการเป็นแบบนี้ ในความคิดเขาเป้ยฉ่ายเวยควรที่จะเข้าใจความคิดของเขา แต่เขาคงจะเอาตัวเองเป็นใหญ่มากเกินไป ถึงคิดว่าคนอื่นจะต้องเข้าใจเขาอยู่ตลอดเวลา

อย่างที่รู้ดีว่าเป้ยฉ่ายเวยไม่ได้รับรู้อะไรเลย แม้กระทั่งตอนนี้ เขาก็ยังคงเป็นฉูเจ๋อหยาง ความรู้สึกทั้งหมดถูกซ่อนอยู่ภายใต้ดวงตาอันมืดมิด ไม่ยอมให้ใครหน้าไหนเห็นความในใจเลยแม้แต่น้อย

เป้ยฉ่ายเวยเหลืออดแล้ว ตอนนี้สมองเธอสับสนวุ่นวาย ใจคิดแต่เพียงว่าจะเอาคืนชายข้างๆนี้อย่างไร ทำขณะที่เธอแทบตกตายด้วยความเจ็บปวด เขากับไม่ได้มีท่าทีห่วงใยเลยสักนิด

ดังนั้นเธอจึงพยายามยิ่งโมโหเขาด้วยคำพูดที่แย่ที่สุดที่เธอสามารถนึกออกได้ “เขาอ่อนโยนกว่าคุณ เข้าอกเข้าใจคนอื่นมากกว่าคุณ มีน้ำใจมากกว่าคุณ พอรึยัง”

“ดี ก็ดี เป้ยฉ่ายเวยดีมาก” ฉูเจ๋อหยางโมโหจนหน้าอกกระเพิ่มขึ้นเล็กน้อย เขากลัวว่าถ้าตัวเองอยู่ตรงนั้นอีกต่อไป ตัวเองจะทนไม่ได้ที่จะบีบคอเธอจนตาย เธอกล้าดียังไงมาบอกว่าหลี่จื่อเชียนดีกว่าเขา

เขายกไหล่ขึ้นอย่างไม่แคร์ จะดีกว่าเขาตรงไหน

“เขาดีกว่าคุณทุกเรื่องนั่นแหละ” อย่างน้อยเขาก็ไม่ทำให้เธอหมดหนทางสู้ ไม่มีหนทางไป

เป้ยฉ่ายเวยรู้สึกได้ว่าสายตาที่ฉูเจ๋อหยางจ้องมองเธอนั้นช่างน่ากลัวเหลือเกิน แต่เธอก็จ้องเขม็งกลับไปอย่างไร้ความปรานี เวลาผ่านไปแต่ละวินาที นานจนเธอคิดว่าฉูเจ๋อหยางอาจจะยื่นมือออกมาสั่งสอนเธอ

ในที่สุดเขาก็ค่อยๆวางมือลงบนตู้เสื้อผ้า เขาหยิบเสื้อผ้าที่กระจัดกระจายอยู่บนพื้นขึ้นมาโดยไม่พูดอะไรสักคำ สวมใส่มัน และทิ้งท้ายด้วยประโยคที่น่าสับสนก่อนจะออกไป

“เป้ยฉ่ายเวย ถ้าหากว่าคุณสามารถรักษาสภาพเช่นนี้ได้ ผมก็จะคอยดู”

พูดจบ ร่างสูงนั้นก็ออกไปจากห้อง ไม่นานก็ได้ยินเสียงปิดประตูบ้าน

ชีวิตของเป้ยฉ่ายเวยเหมือนกับเพิ่งประสบกับภัยพิบัติ เธอล้มตัวตู้เสื้อผ้า หอบหายใจ ใจผู้หญิงดั่งอยู่ใต้ทะเลลึก เธอรู้สึกว่าไม่สามารถหยั่งรู้จิตใจของชายหนุ่มได้

จะให้เธอรักษาสภาพเช่นนี้อยู่ได้อย่างไร จะคอยดู วันนี้เธอไม่ได้รู้สึกโกรธหรือว่าเสียใจสักนิดเลยรึไง

เรื่องนี้ไม่ว่าเธอจะหลบซ่อนอย่างไรก็ปิดไม่มิด

หัวใจเป้ยฉ่ายเวยลอยเคว้งอยู่กลางอากาศ เธอนั่งลงอย่างเหนื่อยล้าที่ขอบเตียงและเอื้อมมือเปิดโคมไฟ ห้องนอนอันมืดมิดก็พลันสว่างขึ้นในพริบตา เธอยังปรับสายตาไม่ได้จึงหลับตาลง

สายตาเธอค่อยๆปรับให้เข้ากับแสงไฟ ลืมตาขึ้นช้าๆและจ้องมองไปยังพื้นบริเวณที่ฉูเจ๋อหยางจู่โจมเมื่อสักครู่

ใจเธอสั่นสะท้าน ไม่รู้ว่าฉูเจ๋อหยางออกแรงไปมากแค่ไหนทำเอาประตูตู้ไม้เนื้อแข็งกลายเป็นรอยแตกยาวจนเห็นสะดุดตา

แปลกประหลาดอะไรเช่นนั้น แรงมหาศาล ถ้าหากว่าหมัดนั้นไม่ได้ชกลงที่ตู้เสื้อผ้าแต่ว่าเป็นหน้าเธอแล้วล่ะก็ หน้าคงจะปูดบวมไปแล้ว

ฉูเจ๋อหยางน่ากลัวจริงๆ

เป้ยฉ่ายเวยจ้องมองไปที่รอบแตกในใจก็ไม่อาจสงบนิ่งอยู่ได้ ถ้าหากว่าเขารู้ความจริงเรื่องรุ่ยรุ่ยขึ้นมา เขามีแนวโน้มที่จะออกหมัดแน่ เพราะฉูเจ๋อหยางดูเหมือนจะไม่ชินกับการที่จะให้ผู้หญิงเป็นใหญ่

ยังดี รักษาใบหน้าเอาไว้ได้ แต่ว่าวิธีใช้ความรุนแรงเช่นนี้ใช่ว่าจะประสบความสำเร็จทุกครั้ง ครั้งนี้ถือว่าเธอโชคดี ถ้าหากว่าฉูเจ๋อหยางคิดจะเอาจริงแล้วล่ะก็ เธอเตรียมหยอดน้ำข้าวต้มได้เลย

เป้ยฉ่ายเวยนั่งนิ่งอยู่สักพัก รอให้จังหวะการเต้นของหัวใจค่อยๆสงบลง เธอเหลือบมองเวลาบนโทรศัพท์ ตอนนี้เกือบจะสี่ทุ่มแล้ว รุ่ยรุ่ยน่าจะเข้านอนแล้วล่ะ

พ่อคนตัวเล็กนั่นต้องคอยนั่งจ้องที่ประตูอยู่ตลอดเวลาเป็นแน่ด้วยความหวังว่าเธอจะกลับไป เธอรู้สึกผิดในใจ

เฮ่อ ไม่รู้ว่าคนทั้งสองใช้เวลาอยู่ภายในอพาร์ทเม้นต์ไปตั้งสามชั่วโมงตั้งแต่เมื่อไหร่เป้ยฉ่ายเวยพยายามจัดการกับอารมณ์ เธอนำของใช้ที่จำเป็นเตรียมกลับไปที่โรงพยาบาลเพื่อที่จะอยู่เป็นเพื่อนรุ่ยรุ่ย เช่นนี้จะช่วยให้จิตใจเธอมั่นคงขึ้นหน่อยเธอไม่รู้ว่า ที่ชั้นล่างรถBMWสีเงินเกือบปะทะกับรถจากัวร์สีดำ คนจากรถทั้งสองคันโซซัดโซเซ แม้คนจากรถทั้งสองจะไม่ได้ขยับหน้าต่างรถ แต่พวกเขาก็หยุดโดยปริยายมุมปากเย็นชาของฉูเจ๋อหยางเกิดรอยยิ้มแห่งความภาคภูมิใจ เขาเหยียบคันเร่งเบาๆ รถที่มีสมรรถภาพสูงบินพุ่งไปเหมือนกับลูกธนูภายในรถBMWสีเงินนั้น นิ้วอันสะอาดหมดจดของหลี่จื่อเชียนกำพวกมาลัยรถแน่น เส้นเอ็นสีฟ้าด้านหลังมือโป่งขึ้นเล็กน้อย ดูเหมือนเขากำลังสะกดความโกรธอันใหญ่หลวงนี้เอาไว้ฉูเจ๋อหยางออกมาจากอพาร์ทเม้นต์ของเวยเวยเวลานี้ ไม่ต้องพูดว่าเกิดอะไรขึ้นระหว่างพวกเขาทั้งสอง แต่เขาไม่อยากจะเชื่อว่าเวยเวยยังจะยอมรับฉูเจ๋อหยางอยู่ เขาเดิมพัน พนันว่าเวยเวยจะไม่ออกมาจากหน้าประตูแต่ว่ายังไม่ถึงครึ่งชั่วโมง เขาก็เห็นผู้หญิงที่เขารักเดินถือถุงผ้าสัมภาระออกมา เขาแอบมองเห็นเธอเดินออกมาจากหน้าประตูใหญ่ช่วงเวลานั้น ใจของหลี่จื่อเชียนสลายกลายเป็นขี้เถ้า เขารู้สึกคอแห้งผาด แสบ เขามีเหตุผลอะไรที่จะใช้หลอกตัวเองอีก

copy right hot novel pub