บทที่224 ไม่เด็ดขาด
หลังจากกระปะทะของชายทั้งสอง ฉูเจ๋อหยางดีขึ้นเล็กน้อย
หลี่จื่อเชียนนั่งเงียบในรถBMWมองลอดผ่านหน้าต่าง เขาเห็นเงาร่างอันบอบบางยืนอยู่ตรงปากทางเหมือนกำลังรอบางอย่าง ใจเขาไม่รู้ว่ารู้สึกเช่นไร
เขาอยากจะเดินลงจากรถเพื่อเข้าไปถาม แต่ก็กลัวว่ามันจะทำลายระยะห่างระหว่างพวกเขาทั้งสอง เขามั่นใจว่าฉูเจ๋อหยางยังไม่รู้เรื่องลูก
หรือว่าการที่เวยเวยต้องการปิดบังเรื่องลูกกับฉูเจ๋อหยางทำให้เธอเลี่ยงที่จะพบปะกับเขาไม่ได้
ไม่ว่าจะเป็นกรณีไหน เขาก็รู้ดีว่าเขาเองปล่อยเวยเวยไปไม่ได้
เป้ยฉ่ายเวยต้องการโบกรถจริงๆ แต่ว่ามันดึกมากแล้ว ถนนสายนี้มีรถแท๊กซี่ไม่มากนัก เธอตัดสินใจเดินต่อไปไกลอีกหน่อย ทันใดนั้นก็มีรถBMWสีเงินคันหนึ่งมาจอดตรงหน้า
หน้าต่างรถค่อยๆเลื่อนลงเผยให้เห็นใบหน้าหลี่จื่อเชียนอย่างชัดเจน “เวยเวย ขึ้นรถ”
“จื่อเชียนดึกขนาดนี้แล้วคุณจะไปไหน” เป้ยฉ่ายเวยถามอะไรแปลกๆ เธอนึกขึ้นได้ว่าฉูเจ๋อหยางเพิ่งจะออกไปไม่นาน ไม่รู้ว่าบังเอิญเจอกับจื่อเชียนรึเปล่า แต่ดูท่าทางของเขาแล้วดูเหมือนจะไม่รู้อะไรเลย
ใจเธอคิด จื่อเชียนไม่น่าจะเห็นฉูเจ๋อหยางหรอก
เธอไม่ได้กลัวว่าจื่อเชียนจะเห็น แต่แค่ไม่รู้ว่าจะอธิบายยังไง ถ้าจะบอกว่าฉูเจ๋อหยางต้องการที่จะเลี้ยงดูเธอ เธอก็รู้สึกเขินอาย จื่อเชียนก็จะต้องโมโหและพยายามหาเหตุผลของฉูเจ๋อหยาง เรื่องนี้เธอไม่ต้องการเห็น
หลี่จื่อเชียนเห็นเป้ยฉ่ายเวยเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ไม่ขึ้นรถสักที เขาขำพร้อมพูดอย่างจริงจัง “เวยเวย ทำไมไม่ขึ้นรถ ไม่ได้รอใครอยู่ใช่ไหม”
“ปะ เปล่า” เป้ยฉ่ายเวยตกใจ เธอฝืนยิ้มและเปิดประตูรถเพื่อเข้าไปนั่ง
หลี่จื่อเชียนเห็นเป้ยฉ่ายเวยสีหน้าผิดปกติ ใจเขาหดหู่อยู่บ้างแต่ก็แสร้งทำเป็นถามอย่างสงบนิ่ง “เวยเวย ดึกแล้วคุณจะหอบข้าวหอบของไปไหน ฉูเจ๋อหยางมากวนคุณอีกแล้วใช่ไหม”
ท้ายที่สุดแล้วเขาก็อดถามออกไปไม่ได้
เป้ยฉ่ายเวยลดศีรษะลงต่ำเพื่อปกปิดการแสดงออกทางสีหน้าที่แท้จริงของเธอและแสร้งทำว่าไม่มีอะไร “เปล่านะ ฉันแค่อยากจะไปโรงพยาบาลอยู่เป็นเพื่อนรุ่ยรุ่ย อีกอย่างฉันก็คิดว่าจะไปรบกวนคุณอยู่หลายวันอยู่แล้วนี่”
พูดแล้วเธอก็รีบเสริมขึ้นอีกประโยค “ถ้าหากว่าคุณไม่สะดวก ฉันไปอยู่กับซือซือแทนก็ได้”
ให้ซือซือหาข้ออ้างไล่ถังฉีตงไปสักสองสามวัน ไม่น่าจะเป็นอะไรหรอก
เมื่อหลี่จื่อเชียนนึกถึงว่าเป้ยฉ่ายเวยเก็บสัมภาระเพื่อที่จะมาอยู่กับเขา หัวใจอันเย็นยะเยือกก็กลับมามีเลือดหมุนเวียนอีกครั้ง เริ่มมีแรงเต้นขึ้นมา พร้อมพูดจาด้วยความตื่นเต้น
“ไม่ จะไม่ได้สะดวกได้ยังไง ผมให้คนทำความสะอาดห้องรอคุณย้ายเข้ามาแล้ว ผมบังเอิญผ่านมาแถวนี้ ไม่คิดว่าจะเจอคุณพอดี”
ยังมีฉูเจ๋อหยาง อยู่ๆเขาก็นึกถึงเรื่องที่เจอกับฉูเจ๋อหยาง บางทีระหว่างฉูเจ๋อหยางและเวยเวยอาจจะไม่มีเรื่องอะไรเกิดขึ้นก็ได้ เขาไม่ควรจะเดาสุ่มอยู่ฝ่ายเดียวไม่ใช่หรือ
นั่นมันไม่ยุติธรรมกับเธอและเขาเลย
“จื่อเชียนถ้าอย่างนั้นรบกวนคุณด้วยนะ” อยู่กับซือซือก็ยังไม่ค่อยปลอดภัย ยิ่งเรื่องลิ่วเอ่อร์มันส่งผลกระทบกับเธอมาก เธอกลัวว่าลูกของเธอจะเป็นอันตราย
อีกอย่างที่พักของจื่อเชียนก็นับว่าดีระดับต้นๆของเมืองจิ่นอัน สภาพแวดล้อมมีระเบียบปลอดภัย
“ไม่รบกวน ผมไปส่งคุณที่โรงพยาบาลก่อนนะ” หลี่จื่อคิดแล้วก็มีความสุขเป็นอย่างมาก เขายิ้มขึ้นมาอย่างโง่เขลา
เป้ยฉ่ายเวยมองหลี่จื่อเชียนอย่างไม่เข้าใจ เธอพูดอะไรน่าขันออกไปหรอ
หลี่จื่อเชียนถูกเธอยิ้มเยาะด้วยสายตาน่าเอ็นดู มุมปากของเขายกขึ้นโดยไม่รู้ตัวเมื่อเห็นสายตาอ่อนโยนของเธอ “เวยเวย คุณน่ารักจริงๆ”
อยู่ๆพูดอย่างนั้นเล่นเอาเป้ยฉ่ายเวยเขินจนหน้าแดง เสียงพูดของเธอเปลี่ยนประหลาดไปบ้าง “ตรงไหน ถ้าอย่างนั้นก็รบกวนคุณไปส่งฉันที่โรงพยาบาลด้วยนะ”
หลี่จื่อเชียนรู้ว่าเป้ยฉ่ยเวยพูดด้วยความเขินอาย เขาสตาร์ทรถและออกจากบริเวณหน้าประตูใหญ่ไป
รถจากัวร์ที่ออกไปแต่แรกนั้น ความจริงแล้วจอดหลบอยู่ที่มุมถนน เป็นจุดบอดที่บริเวณประตูใหญ่มองไม่เห็น เขาเปิดกระจกลงและพ่นควันบุหรี่ออกมา
ฉูเจ๋อหยางสูดหายใจเข้าลึกพร้อมบุหรี่ในปาก และค่อยๆพ่นมันออกมาผ่านช่องแคบๆ ควันหนาขึ้นเล็กน้อยขณะที่รอดูว่าเป้ยฉ่ายเวยจะขึ้นรถของหลี่จื่อเชียนหรือไม่
ผลก็เป็นไปตามที่เขาคาดไว้
เขาไปยังไม่ทันถึงครึ่งชั่วโมง ก็โทรเรียกหลี่จื่อเชียนมารับ รักกันจังเลยนะ เร่าร้อนซะเหลือเกิน
ไม่รู้เพราะอะไร รูโหว่ในหัวใจค่อยๆใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ ดูเหมือนไม่ว่าควันบุหรี่มากเท่าไหร่ก็ไม่สามารถเติมเต็มรอยโหว่นั้นได้ ใบหน้าหล่อเหลาปกคลุมไปด้วยหมอกควัน เวลานานผ่านไป มีความเย้ยหยันปรากฏขึ้นบนริมฝีปากอันเย็นชานั้น
ฉูเจ๋อหยาง คุณกลายเป็นคนตัดไม่ขาดแบบนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
บุหรี่เผาไหม้เร็วมาก ฉูเจ๋อหยางโยนมันออกไปนอกหน้าต่าง ทันใดนั้นก็เหยียบคันเร่ง รถเริ่มขยับอีกครั้ง คราวนี้เขาขับไปทิศทางอื่นโดยไม่ลังเล
เป้ยฉ่ายเวยซึ่งนั่งอยู่ในรถรู้สึกกระสับกระส่ายอย่างไม่มีเหตุผล เธอรู้สึกราวกับว่าของสำคัญกำลังหลุดลอยไปจากใจ จากนั้นเธอก็ยิ้มขึ้นมา
ใจเธอนอกจากรุ่ยรุ่ยแล้ว ยังจะมีใครเป็นคนสำคัญอีก ชายคนที่คอยทำร้ายเธอซ้ำแล้วซ้ำเล่าอย่างนั้นหรอ ไม่ เขาก็เหมือนเมล็ดพันธุ์ซึ่งค่อยเติบโตออกมาจากราก
แม้จะมีเลือดเนื้อและชีพจร เธอสามารถถอนเมล็ดพันธุ์ที่เป็นพิษออกจากใจของเธอหลี่จื่อเชียนราวกับสังเกตเห็นว่าท่าทีของเป้ยฉ่ายเวยดูผิดปกติไป เขาจึงถามด้วยความเป็นห่วง “เวยเวยคุณเป็นอะไร ลมแรงเกินไปรึเปล่า หรือไม่สบาย”จู่ๆ เป้ยฉ่ายเวยก็ไม่รู้ว่าลมเริ่มพัดเข้ามาจากนอกหน้าต่างตั้งแต่เมื่อไหร่ รู้สึกถึงความเย็นในช่วงฤดูร้อน ทำไมนะ ทำไมกันเธอหลบหนีการบีบบังคับของฉูเจ๋อหยาง ปกปิดเรื่องราวของรุ่ยรุ่ย อีกไม่นานก็จะสามารถหนีไป เธอควรที่จะมีความสุข แต่เมื่อจับที่ตำแหน่งหน้าอก ทำไมเธอกลับไม่รู้สึกถึงการเต้นของหัวใจ“ฉันไม่เป็นไร หน้าร้อนน่าจะผ่านไปแล้วเนอะ” เป้ยฉ่ายเวยมองออกไปยังความมืดด้วยสายตาที่ว่างเปล่า มีเพียงแสงไฟนีออนที่ยังคงส่องสว่าง ดูเหมือนว่าเธอจะได้สติ ไม่ว่าจะเยี่ยมยอดแค่ไหน ต่อให้ยิ่งใหญ่คับฟ้า สุดท้ายก็ต้องถึงเวลาที่ต้องจากกันหลี่จื่อเชียนมองถนนไปพลางสังเกตคนข้างๆไปด้วย เขาเอื้อมมือไปสัมผัสมือน้อยๆของเป้ยฉ่ายเวยพร้อมกล่าวด้วยความอบอุ่น “ไม่ว่าจะผ่านไปกี่ฤดู ผมก็จะเผชิญมันไปกับคุณ”เป้ยฉ่ายเวยต้องการจะดึงมือของเธอออกด้วยสัญชาตญาณ แต่เมื่อคิดดูแล้ว หลี่จื่อเชียนก็ทำเรื่องต่างๆเพื่อเธอ เขาอดทนต่อความไม่สบายอกสบายใจ เธอไม่อยากให้เขารู้สึกขายหน้า จึงพูดด้วยรอยยิ้ม “ขอบคุณจื่อเชียน แต่ฉันรู้สึกว่าไม่ว่าฤดูไหน ก็ต้องเผชิญกับทิวทัศน์ที่แต่งต่างกัน นั่นเป็นความปรารถนาในการใช้ชีวิตของฉัน”เธอไม่ต้องการถูกผูกมัดไว้ที่เดียว ตอนนี้เธอไม่ได้ร้อนเงิน รอให้การผ่าตัดของรุ่ยรุ่ยสำเร็จแล้ว เธอหวังว่าจะพารุ่ยรุ่ยเดินทางไปรอบโลกเธออยากไปทะเลแห่งความรัก อยากเห็นว่าท้องฟ้าเป็นสีฟ้าจริงไหม หาดทรายจะขาวแค่ไหน เธอต้องการลอดผ่านไปตามหุบเขาแคบๆ สัมผัสกับวัฒนธรรมประเพณีท้องถิ่น
copy right hot novel pub