โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

บทที่ 246 นกพิราบตัวอ้วนบินไม่ขึ้น

บทที่ 246 นกพิราบตัวอ้วนบินไม่ขึ้น

คนขายเป็นคนอัธยาศัยดี เมื่อเห็นร่างจ้ำหม้ำของรุ่ยรุ่ย ก็พูดกลั้วะหัวเราะขึ้นทันทีว่า “เด็กน้อยรู้ไหมลูกโป่งพวกนี้แปลงร่างได้หลายแบบเลยนะ ถ้าหนูไม่ชอบแบบพวกนี้ ลุงทำรูปสัตว์ให้หนูก็ได้นะ”

รุ่ยรุ่ยเบิกดวงตากลมโตที่ดูบริสุทธิ์ขึ้น ถามขึ้นด้วยใบหน้าไร้เดียงสาว่า “คุณลุงทำเป็นรูปตะขาบที่มี32ขาได้ไหมครับ?”

ปากของคนขายยกยิ้มค้าง นี่มาซื้อของหรือมาอะไรเนี่ย ลำตัวของตะขาบก็พอทำได้ลางๆอยู่หรอก แต่32ขานี่มันอะไรกัน?

เมื่อเป้ยฉ่ายเวยเห็นสีหน้าแหยๆของคนขาย ก็อยากจะขำแต่ทำได้เพียงกลั้นเอาไว้ “งั้นเอาเป็นหมวกลูกโป่งรูปห่านขาวตัวใหญ่ๆแล้วกันค่ะ”

เมื่อคนขายได้ยินที่เป้ยฉ่ายเวยพูดก็มีสีหน้าที่ดีขึ้นในทันที “ได้เลย จัดไป”

รุ่ยรุ่ยรู้ตัวว่าตัวเองซนเกินไป จึงแลบลิ้นออกมาอย่างรู้สึกอายๆ

ไม่นานหมวกลูกโป่งรูปห่านขาวก็เป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา เป้ยฉ่ายเวยรับมา จากนั้นก็ย่อกายใส่ให้ลูก เมื่อพิจารณาดูดีแล้ว ก็พยักหน้าด้วยความพอใจพูดขึ้นว่า “อื้ม ดูแบบนี้รุ่ยรุ่ยของแม่ยิ่งดูน่ารักเข้าไปใหญ่เลย”

ถึงรุ่ยรุ่ยจะทำเป็นรู้ความยังไงสุดท้ายเขาก็ยังเป็นแค่เด็กที่อายุยังไม่ถึงสี่ขวบอยู่ดี เด็กน้อยลูบห่านขาวตัวใหญ่บนหัวอย่างปกปิดความดีใจเอาไว้ไม่ได้ กลั้นรอยยิ้มบนแก้มซาลาเปาเอาไว้ไม่ได้เลย

“คุณแม่ อยากใส่ด้วยไหมครับ””

“ไม่หรอก ไปเถอะ ไปให้อาหารนกพิราบกัน” เป้ยฉ่ายเวยจ่ายตัง จากนั้นก็จูงมือรุ่ยรุ่ยไปยังลานกว้างเพื่อให้อาหารนกพิราบ

นกพิราบพวกนี้เป็นนกที่ผ่านการเลี้ยงดูมาจึงไม่กลัวคน เมื่อสองแม่ลูกขึ้นไปยังบริเวณลานกว้าง นกพิราบหลายตัวก็วิ่งมาล้อมพวกเขาไว้อย่างเซ็งแซ่ ราวกับกำลังร้องขออาหารจากพวกเขา

รุ่ยรุ่ยมองนกพิราบกลุ่มใหญ่ตรงปลายเท้า ความเป็นธรรมชาติของเด็กน้อยก็เผยออกมาในทันที เขย่าเป้ยฉ่ายเวยอย่างตื่นเต้นพร้อมพูดขึ้นว่า “แม่ครับ ดูสิมีนกหลายตัวเลย พวกมันไม่กลัวผมเลย”

“ใช่แล้ว รุ่ยรุ่ยน่ารักขนาดนี้ นกพิราบพวกนี้ก็คงอยากจะสนิทด้วย รุ่ยรุ่ยเอาข้าวโพดที่ถืออยู่ให้พวกมันกินได้เลยนะ” เป้ยฉ่ายเวยมองใบหน้าบริสุทธิ์ไร้เดียงสาของลูก สายตาก็เผยแววรักใคร่ออกมาโดยไม่รู้ตัว

รุ่ยรุ่ยพยักหน้า มือเล็กๆยื่นเข้าไปในถุงอาหารนก จับเอาเม็ดข้าวโพดในถุงหว่านลงบนพื้น นกพิราบที่อยู่รอบๆก็วิ่งกรูกันเข้ามาก้มลงจิกกิน “แม่ครับ ดูนั่นสิ นกพิราบตัวนั้นตัวอ้วนมากเลย มันจะบินขึ้นไหมนะ?”

“ตัวไหน?”

เป้ยฉ่ายเวยมองตามมือเล็กๆของรุ่ยรุ่ย หางตาก็เกร็งกระตุกขึ้นมาอย่างช่วยไม่ได้ มองไปครั้งแรกเธอยังคิดอยู่เลยว่าที่เธอเห็นใช่แม่ไก่หลงเข้ามาในกลุ่มนกพิราบหรือเปล่า เมื่อลองมองดูดีๆอีกครั้ง นกตัวอ้วนตัวนั้น ก็เป็นนกพิราบจริงๆด้วย

เธอตอบกลับอย่างไม่แน่ใจ “รุ่ยรุ่ย ยังไงนกพิราบก็มีความเป็นนักล่าอยู่ ไม่แน่มันอาจจะยังบินได้อยู่”

“แต่ว่ามันตัวอ้วนจริงๆนะครับ อย่างกับแม่ไก่แหนะ” รุ่ยรุ่ยจ้องมองนกตัวนั้นที่ยังก้มหัวกินอาหารอย่างบ้าคลั่ง ปากก็เอาแต่ส่งเสียงร้องอู๊กๆออกมาอย่างพอใจ

เป้ยฉ่ายเวยไม่รู้จะอธิบายความแตกต่างของนกตัวอ้วนยังไงดี กระแอมไอขึ้นเบาๆ จากนั้นก็เปลี่ยนเรื่องคุย “รุ่ยรุ่ย นกพิราบพวกนี้เชื่องมากเลยนะ หนูเอาอาหารวางไว้บนมือให้พวกมันบินมากินได้นะ”

“ได้หรอครับ?” รุ่ยรุ่ยเบิกตากลมโตถามขึ้นอย่างสงสัย

“อื้อ ได้สิ แบบนี้ไง” เป้ยฉ่ายเวยเทอาหารนกไว้บนมือ จากนั้นก็ยื่นมือออกไป ไม่นานเกินรอนกพิราบที่บินอยู่รอบๆก็บินโฉบลงมาหาเธอ กระพือปีกผับๆ จิกกินอาหารในมือของเธอ

รุ่ยรุ่ยมองนกพิราบหลายตัวบินมาล้อมมือของเป้ยฉ่ายเวยไว้ ก็ตื่นตาตื่นใจ รีบทำตามอย่างที่เธอทำเมื่อครู่ เทอาหารนกลงบนมือเล็กๆ พยายามแบมือเล็กๆของตัวเองให้กว้างมากที่สุด

แต่ว่าก็กลัวว่าจะถูกนกพิราบจิกมือ จึงเอนหน้าซาลาเปาไปทางด้านข้าง แล้วหลับตาปี๋

ไม่นานเขาก็ได้ยินเสียงร้องอู๊กๆบินเข้ามาใกล้ๆ อยู่ๆก็อยากชักมือที่ยกขึ้นสูงกลับคืนมา แต่ก็ถูกมืออบอุ่นที่ใหญ่กว่าดึงเอาไว้

เสียงนุ่มๆของผู้เป็นแม่พูดขึ้นเบาๆอยู่ข้างหูเขา “รุ่ยรุ่ยไม่ต้องกลัว นกพิราบตัวน้อยพวกนี้ไม่ทำอะไรหนูหรอก”

“ครับ” เมื่อมีแม่มาอยู่ข้างๆ เขาก็ไม่กลัวอะไรแล้ว รุ่ยรุ่ยที่ตอนแรกหลับตา ก็ปลุกความกล้าหันหน้ากลับไปมองนกพวกนั้น

ราวกับนกพิราบในสวนสาธารณะแห่งนี้จะคุ้นชินกับการให้อาหารแบบนี้ไปแล้ว จึงไม่มีตัวไหนจิกโดนเนื้อของผู้ให้อาหารเลย

จะงอยปากแข็งๆที่พกความอุ่นๆมาด้วยกดลงบนฝ่ามือเบาๆ จนทำให้รุ่ยรุ่ยอดหัวเราะ ‘คิกคัก’ ขึ้นมาไม่ได้ “แม่ครับ จั๊กจี้มากเลย”

“เห็นไหม นกพิราบพวกนี้น่ารักจะตาย” เป้ยฉ่ายเวยมองรอยยิ้มสดใสไร้เดียงสาบนหน้าของรุ่ยรุ่ยใกล้ๆ ใจก็เหลวเป็นน้ำ เธอต้องปกป้องความไร้เดียงสาที่ล้ำค่าของลูกเอาไว้ให้ดีที่สุด

จะไม่ให้ใครก็ตามมาทำร้ายเขา ต่อให้เธอต้องบาดเจ็บสาหัสแทนลูกมันก็คุ้มค่าที่จะทำ

ทันใดนั้นเสียง อู๊กๆ ก็ดังขึ้นอยู่ตรงเท้าของรุ่ยรุ่ย

เป้ยฉ่ายเวยและรุ่ยรุ่ยก้มลงมองพร้อมกันก็เห็น ‘แม่ไก่’ ตัวหนึ่งที่บินไม่ขึ้น เม็ดข้าวโพดที่อยู่บนพื้นก็เก็บเรียบไปหมดแล้ว นกตัวนั้นจึงทำได้แค่เดินไปเดินมาบนพื้น ราวกับจะบอกว่า รีบเอาอาหารมาให้ฉันกินอีกเถอะ

เห็นท่าทางแบบนั้นของมัน สองแม่ลูกก็มองตากันเงียบๆ มุมปากขยับขึ้น จากนั้นก็หัวเราะขึ้นมาเสียงดัง

“ฮ่าๆ แม่ครับนกอ้วนตัวนั้นน่ารักมากเลย”

“ใช่เลย เห็นแบบนั้นแล้ว รุ่ยรุ่ยให้อาหารมันกินเถอะลูก”

“อื้อ รู้แล้วครับแม่” รุ่ยรุ่ยล้วงหยิบอาหารในถุงออกมากำหนึ่ง จากนั้นก็นั่งยองๆลง หว่านอาหารไปตรงหน้านกตัวอ้วนตัวนั้น เมื่อนกอ้วนเห็นเม็ดข้าวโพดในมือเขา ตาทั้งสองข้างก็เป็นประกายขึ้นมา

จากนั้นก็รีบเร่งวิ่งเข้ามา เหมือนกลัวนกตัวอื่นจะมาแย่ง ก้มลงไปใช้จะงอยปากเล็กๆเริ่มจิกกิน

รุ่ยรุ่ยมองนกตัวอ้วนจิกกินอาหารด้วยท่าทางจริงจัง เขาลังเลอยู่ชั่วครู่ จากนั้นก็ยื่นมืออกไปเพื่อลูบขนของมัน แต่ยังไม่ทันได้แตะ ปีกของนกอ้วนตัวนั้นก็กระพือขึ้นมา รุ่ยรุ่ยจึงหดมือกลับอย่างตกใจกลัว เมื่อเห็นแบบนี้ เป้ยฉ่ายเวยก็พูดให้กำลังใจลูกเบาๆ “รุ่ยรุ่ยไม่ต้องกลัวลูก ถ้าลูกลูบมันเบาๆ มันจะไม่ขัดขืนแน่ๆ” เมื่อได้รับกำลังใจจากเป้ยฉ่ายเวย รุ่ยรุ่ยก็มีความกล้าอีกครั้ง ลองยื่นมือของตัวเองไปวางบนขนนุ่มๆของมัน จากนั้นก็ลูบเบาๆ เมื่อเห็นว่ามันยังอยู่ก้มกินอาหารอยู่นิ่งๆ ก็ยิ่งมีความกล้าแบมือลูบไปตามแนวขนของมันมากขึ้นหลังจากนั้นไม่นาน นกพิราบตัวอ้วนไม่เพียงแต่ยอมอยู่นิ่งๆ ทั้งยังส่งเสียงราวกับพึงพอใจออกมาด้วย “แม่ครับ ดูสิมันนิ่งมากเลย เชื่องมากด้วย” รุ่ยรุ่ยพูดขึ้นด้วยความประหลาดใจ เป้ยฉ่ายเวยมองลูกอย่างอบอุ่นพร้อมยิ้มขึ้นบางๆ “อื้อ ก็เพราะว่ารุ่ยรุ่ยอ่อนโยนกับมันไง” รุ่ยรุ่ยมองเป้ยฉ่ายเวยด้วยความเขินนิดๆที่ถูกชม ลูบขนของนกตัวอ้วนเล่นอยู่พักใหญ่ ถ้าเอามันกลับบ้านได้ก็คงดี หลังจากนั้นไม่ว่ารุ่ยรุ่ยจะเดินไปที่ไหนในสวนสาธารณะ นกพิราบตัวอ้วนที่เหมือนแม่ไก่ตัวนั้นก็เดินตามต้อยๆด้วย เป้ยฉ่ายเวยนั่งมองดูลูกเล่นกับนกพิราบตัวนั้นอย่างสนุกสนานอยู่ไม่ไกลเวลาค่อยๆผ่านไป คนในสวนสาธารณะก็ค่อยๆกลับกันแล้ว เป้ยฉ่ายเวยเห็นว่าใกล้จะได้เวลาแล้ว จึงเรียกรุ่ยรุ่ยให้กลับได้แล้ว

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์