โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

บทที่ 271 กระทำอย่างรวดเร็ว

บทที่ 271 กระทำอย่างรวดเร็ว

ทันที่เป้ยฉ่ายเวยกลับมา ก็มีข่าวปลิวกันให้ว่อนทั้งวันตามมาติดๆ

บทสนทนาที่เธอคุยกับหนานฉิงก็แพร่กระจายไปทั่วทุกตรอกซอกซอยในเมืองจิ่นอันเร็วอย่างกับไวรัส ไม่รู้ว่าใครเอาที่อยู่ปัจจุบันของเธอไปเปิดเผย ทุกที่ทุกบริเวณถึงได้มีรูปของเธอติดทั่วอยู่อย่างนี้ บนรูปยังมีมือข้อความสกปรกๆเขียนอยู่ด้วย

ว่าเธอหน้าไม่อายไปแย่งผู้ชายของเพื่อนบ้างล่ะ ว่าเธอใช้ร่างกายเพื่อเลื่อนขั้นบ้างล่ะ บ้างก็ว่าตอนกลางวันเธอนุ่งขาวห่มขาว พอตกกลางคืนก็ไปสำส่อนที่คลับบาร์บ้างล่ะ

หน้าตาใสซื่อไร้เดียงสา แต่ทำเรื่องอย่างว่ากับผู้ชายโดยไม่เลือก

เป้ยฉ่ายเวยรู้ ว่าตั้งแต่ที่เธอกลับมาจากข้างนอก บริเวณนี้ที่แต่ก่อนมักจะสงบเงียบ ตอนนี้กลับเต็มไปด้วยเสียงซุบซิบ ไม่ว่าใครที่เห็นเธอก็จะชี้มาที่เธอด้วยสีหน้าเอือมระอา

ทั้งยังมีคำพูดแปลกๆที่ตามมาอีกด้วย

“มันน่าสะอิดสะเอียนเสียจริงๆ ไม่คิดเลยว่าเสียเงินมาอยู่ที่ที่มีแต่คฤหาสน์เรือนหรูๆแบบนี้ แล้วยังจะต้องมาเจอเรื่องที่ชวนกลืนอะไรไม่ลงเพราะผู้หญิงแบบนี้อีก”

“ใช่ๆ ฉันก็เพิ่งเคยเห็นคนใจกล้าหน้าด้านเป็นมือที่สามคนอื่นแบบนี้เป็นครั้งแรกเหมือนกัน ตัดสินแค่รูปลักษณ์ภายนอกไม่ได้จริงๆ ยิ่งดูเป็นคนไม่ค่อยมีพิษมีภัยเท่าไหร่ ยิ่งทำเรื่องน่าขยะแขยงแบบนี้ออกมาได้หน้าตาเฉย ”

“อยู่ในที่ที่เดียวกับคนแบบนี้ อากาศคงเป็นมลพิษหมดพอดี พวกเราต้องให้ส่วนกลางรีบไล่คนแบบนี้ออกไปให้ได้นะ แค่มองเธอฉันก็รู้สึกอยากจะอาเจียนแล้ว”

เป้ยฉ่ายเวยที่ได้ยินเสียงติฉินนินทาของคนรอบกายคิ้วก็เริ่มผูกเป็นปม หางตาเหลือบไปเห็นกระดาษแผ่นหนึ่งที่ปลายเท้าเหยียบอยู่ กระดาษที่พลิกเปิดให้เห็นแค่มุมหนึ่งบนกระดาษ เนื้อหาบนกระดาษทำให้เธอต้องหยุดก้าวเท้าอย่างช่วยไม่ได้ เธอกำลังจะก้มลงไปเก็บมาดู

เสียงตะโกนของอวี๋ซือซือก็ดังขึ้นเสียก่อน “เวยเวย ไม่ต้องเก็บขึ้นมา”

แต่ว่ามันก็สายเกินไป เป้ยฉ่ายเวยเก็บกระดาษแผ่นนั้นขึ้นมาแล้ว ทั้งยังเห็นสิ่งที่อยู่บนกระดาษแล้วด้วย มิน่าล่ะทำไมทุกคนถึงเอาแต่ชี้มาที่เธอ ก็รูปเธอบนกระดาษมันชัดซะขนาดนี้ ข้อความบนกระดาษก็มี ‘สารพัดสิ่ง’ซะขนาดนั้น

ถ้าไม่ใช่ว่ารู้อยู่แล้วว่าเรื่องนี้มันเป็นเรื่องแต่งขึ้นมา

แม้แต่ตัวเธอเองก็คงรู้สึกคับแค้นต่อความไม่เป็นธรรมไปด้วย ดูเหมือนว่าคนที่แต่งเรื่องแต่งราวขึ้นมาคงฝีมือไม่เลวเลย แต่ว่าใช้เงินมาทำเรื่องที่มันขัดต่อความผิดชอบชั่วดีแบบนี้ มันดีจริงๆแล้วหรอ

“เวยเวย แกโอเคไหม” อวี๋ซือซือลอบมองเป้ยฉ่ายเวยที่นิ่งเงียบอยู่ ถ้ารุ่ยรุ่ยไม่เก็บกระดาษแผ่นนี้ขึ้นมา แล้วบอกเธอว่าบนกระดาษมีรูปเวยเวยติดอยู่ เธอก็คงไม่รู้ว่าจะมีเรื่องแบบนี้เกิดขึ้น

ตอนแรกเธอก็คิดว่าเป็นคนอื่นที่โดนประทุจร้ายโดยการปล่อยรูป จึงไม่ได้เก็บกระดาษพวกนั้นเอามาใส่ใจ คิดไม่ถึงเลยว่ารุ่ยรุ่ยจะเก็บกลับมาด้วยเป็นปึก เธอถึงได้เห็นว่าข้างนอกมีกระดาษพวกนี้ปลิวว่อนอยู่มากเท่าไหร่

ดังนั้นเธอเลยรีบออกมา เพราะกลัวว่าเวยเวยเห็นแล้วจะรับไม่ได้ แต่เธอก็ช้าไปเสียแล้ว

สีหน้าของเป้ยฉ่ายเวยเปลี่ยนไปในชั่วพริบตา เธอเอากระดาษที่ถืออยู่ทิ้งลงถังขยะด้วยใบหน้าเรียบเฉยราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น เธอก็นึกว่าหนานฉิงจะรอสักวันสองวัน ไม่คิดเลยว่าแค่วันเดียวหนานฉิงก็ทนไม่ได้เสียแล้ว ถึงได้เล่นงานเธอเร็วไวขนาดนี้

“ฉันไม่เป็นอะไร ซือซือ พวกเรากลับกันเถอะ”

“อ่าๆ” อวี๋ซือซือมองเป้ยฉ่ายเวยเดินเข้าบ้านอย่างไม่ทุกข์ไม่ร้อนด้วยความอึ้งๆ

เมื่อเข้ามาในบ้าน อวี๋ซือซือก็อดเอ่ยปากถามไม่ได้ “เวยเวยนี่แกไม่โกรธเลยหรอ?”

“โกรธแล้วได้อะไร?” เธอเตรียมใจไว้ตั้งแต่แรกแล้ว

อวี๋ซือซือหมดคำจะพูด “โกรธไปไม่ได้อะไรก็จริง แต่แกไม่โกรธเลยสักนิดนี่สิแปลก ไม่ใช่ว่าตอนบ่ายแกออกไปเจอนังบ้านั่นมานะ”

“อืม” เป้ยฉ่ายเวยพยักหน้ายอมรับโดยไม่คิดปิดบัง คิดอยู่สักพักถึงได้พูดขึ้นมา “ฉันคิดว่าคืนนี้คงอยู่ที่นี่ไม่ได้แล้วล่ะ”

แม้ว่ามะรืนนี้ก็จะเดินทางแล้ว แต่เธอไม่อยากให้ชีวิตต่อจากนี้ของจื่อเชียนมีผลกระทบไปด้วย

“เอาสิ คืนนี้ไปอยู่กับฉันก็ได้” อวี๋ซือซือไม่สนใจเรื่องยิบย่อยพวกนี้หรอก แต่ว่านะถูกคนใส่ร้ายขนาดนี้ เพื่อนของเธอไม่โกรธเลยสักนิดจริงๆหรอ

“เวยเวยแค่แกพูดมา ฉันไปจัดการนังผู้หญิงคนนั้นให้แกตอนนี้เลยก็ได้นะ นังนั่นคงคิดจะบีบให้แกอยู่ที่จิ่นอันต่อไม่ได้”

เป้ยฉ่ายเวยพูดขึ้นอย่างไม่คิดอะไรมากว่า “ฉันก็จะไปอยู่แล้ว ต่อไปก็คงไม่ได้กลับมาที่นี่อีก ถ้าหนานฉิงอยากทำอะไรก็ปล่อยให้ทำไปเถอะ”

“..............” อวี๋ซือซือไม่เข้าใจการกระทำที่ดูใจกว้างของเป้ยฉ่ายเวยเลย ถ้าใครกล้ามาใส่ร้ายเธอมั่วซั่วแบบนี้นะ คนๆนั้นมันต้องตาย

เป้ยฉ่ายเวยเรียกรุ่ยรุ่ยให้มาหา “รุ่ยรุ่ย เราไปเก็บของกันเถอะ คืนนี้ไปนอนโรงแรมกัน”

“ได้ครับ แม่” รุ่ยรุ่ยเป็นลูกสมุนที่จงรักภักดีต่อเธอเสมอ ขอแค่ได้ไปกับคุณแม่ไม่ว่าไปที่ไหนก็ดีหมด

“เดี๋ยว ไม่ใช่สิ เวยเวยแกจะไม่ไปอยู่บ้านฉันหรอ” อวี๋ซือซือนิ่งไปครู่หนึ่งถึงได้พูดออกมา

“ฉันไม่อยากไปเป็นก้าง”

เป้ยฉ่ายเวยพูดพร้อมกับจูงมือรุ่ยรุ่ยขึ้นชั้นบน

เธออยากเก็บของให้เสร็จก่อนที่จื่อเชียนจะกลับมา รอให้หาที่ซุกหัวนอนได้ก่อน เธอถึงจะโทรมาอธิบายกับเขา เมื่อลากกระเป๋าลงมาชั้นล่าง

หลี่จื่อเชียนก็มาถึงบ้านแล้ว ใบหน้าหล่อเหลามีเม็ดเหงื่อประดับอยู่ประปราย ทั้งยังดูหายใจหอบๆ พอเห็นกระเป๋าเดินทางอยู่ข้างตัวของเป้ยฉ่ายเวย มุมปากก็ฝืนยกยิ้มขึ้น “เวยเวย ฉันว่าแล้วว่าเธอต้องทำแบบนี้”

ดังนั้นทันทีที่เขารู้ข่าว ก็เทงานทุกอย่างทิ้งแล้วรีบตรงกลับมาบ้าน กลับมาก็เห็นเธอลากกระเป๋าเตรียมพร้อมที่จะไปจริงอย่างที่คิดไว้ด้วย แม้แต่คำบอกลาก็ไม่คิดจะบอกเขา

เมื่อเกิดเรื่องอะไรขึ้นเธอก็เลือกที่จะแบกมันเอาไว้เองตลอด จนในใจเขามันเริ่มคิดที่จะยอมแพ้

“จื่อเชียน.....”เมื่อเป้ยฉ่ายเวยเห็นหลี่จื่อเชียนแล้วก็ไม่รู้ว่าควรอธิบายอย่างไร เธอไม่คิดว่ามันจะกระอักกระอ่วนแบบนี้

เพราะหลี่จื่อเชียนรีบวิ่งเข้ามาจึงร้อนนิดหน่อย เขายกมือขึ้นมาขยับเนกไทออก ยิ้มฝืนๆพูดขึ้นว่า “เวยเวยเกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น ทำไมความคิดแรกของเธอคือคิดจะไปท่าเดียวเลยล่ะ ทำไมไม่คิดจะปรึกษาหาทางรับมือกับฉัน ฉันไม่น่าไว้ใจขนาดนั้นเลยหรอ?”

“ไม่ใช่นะ จื่อเชียนฉันก็แค่ไม่อยากให้นายต้องเดือดร้อนไปด้วย อีกอย่างเรื่องนี้มันก็พุ่งเป้ามาที่ฉันคนเดียว และฉันก็สมควรที่จะโดนแบบนี้” เป้ยฉ่ายเวยเบนสายตาหนีอย่างใจร้าย เธอจะลากเขาเข้ามายุ่ง เพียงเพราะความใจอ่อนแค่ชั่ววูบไม่ได้เมื่อได้ยินถ้อยคำราวกับยอมรับชะตากรรมของเป้ยฉ่ายเวย อวี๋ซือซือก็โมโหขึ้นมา “ไร้สาระ อะไรคือบอกว่าแกสมควรโดนแบบนี้ ทั้งหมดนี้ก็เพราะนังผู้หญิงคนนั้นสร้างเรื่องให้แก ทำไมแกโง่ขนาดนี้ล่ะ”เป้ยฉ่ายเวยไม่ได้ปริปากพูด ทันใดนั้นมือเย็นเฉียบก็ถูกมือเล็กๆขาวนวลข้างหนึ่งกอบกุมเอาไว้ .ให้อุณหภูมิในร่างกายค่อยๆให้ความอบอุ่นแก่เธอ เมื่อเธอก้มหน้ามอง ก็สบเข้ากับนัยน์ตาไร้เดียงสาที่ฉายแววแน่วแน่ของรุ่ยรุ่ย วินาทีนั้นความกล้าและพลังในเบื้องลึกของเป้ยฉ่ายเวยก็พุ่งทะยานออกมา ไม่ว่าคนอื่นจะเข้าใจเธอผิดยังไง ขอแค่ยังมีลูกอยู่ข้างๆ เธอก็ไม่คิดกลัวไม่คิดจะถอยหลัง เพราะเธอรู้ว่า ถ้าเธอก้าวถอยไปแม้แต่ก้าวเดียว คนที่จะเป็นอันตรายก็คือลูกของเธอ“เวยเวย ฉันอยากให้เธอลองเชื่อใจฉัน อยู่ต่อเถอะไม่ต้องไป ฉันจะจัดการเรื่องนี้ให้เอง” หลี่จื่อเชียนไม่สบายใจถ้าปล่อยเป้ยฉ่ายเวยกับรุ่ยรุ่ยออกไป ถ้าอยู่ที่นี่ เขาจะดูแลสองแม่ลูกให้ดีอวี๋ซือซือก็คอยพูดเสริมอยู่ข้างๆ “ใช่แล้ว เวยเวย แกจะไม่ห่วงตัวเองก็ได้ แต่แกจะไม่ห่วงสุขภาพรุ่ยรุ่ยไม่ได้”เมื่อพูดถึงสุขภาพของรุ่ยรุ่ย เป้ยฉ่ายเวยก็ลังเลอย่างที่คิดไว้จริงๆด้วยหลี่จื่อเชียนใช้โอกาสนี้ พูดเสริมอีกว่า “เวยเวยทนรออีกวัน พวกเราก็จะได้ไปแล้ว เธอก็คงไม่อยากให้เกิดเหตุสุดวิสัยอะไรขึ้นหรอกใช่ไหม”

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์