โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

บทที่ 273 ฉูเจ๋อหยางฉันต้องไปแล้วคงไม่ได้เจอกันอีก

บทที่ 273 ฉูเจ๋อหยางฉันต้องไปแล้วคงไม่ได้เจอกันอีก

หลังจากที่หนานฉิงวิ่งร้องห่มร้องไห้ออกไป

เจี่ยงเสี่ยวเล่อก็พูดจาแดกดันขึ้นว่า “อาเจ๋อ นายไม่อ่อนโยนกับเธอแบบนี้มันจะดีหรอ?”

“ชอบหรอ? ” ฉูเจ๋อหยางพูดออกมาอย่างหน้าตาเฉยๆ

“นิสัยแบบนั้นฉันรับไม่ไหวหรอกนะ” เจี่ยงเสี่ยวเล่อลุกขึ้นยืนแล้วปัดฝุ่นตามร่างกาย จากนั้นก็ล้วงมือเข้าไปหยิบหมากฝรั่งในกระเป๋าโยนเข้าปาก “ถ้าไม่มีอะไรแล้วฉันไปก่อนละนะ”

ฉูเจ๋อหยางแค่ตอบรับในลำคอ เจี่ยงเสี่ยวเล่อยักไหล่ ก้าวเดินออกไปจากห้องอย่างรู้ตัว

ก็แค่นั่งดูเรื่องสนุกๆแค่นี้เอง จำเป็นต้องหัวเสียขนาดนี้ไหม

เรื่องนี้สงบลงด้วยดีราวกับปรากฏการณ์ฟ้าร้องเสียงดังแต่กลับมีฝนตกลงมาแค่นิดเดียว

ฉูเจ๋อหยางยุ่งอยู่กับการวางแผนการจัดการเรื่องสำคัญในวันมะรืน จึงไม่ค่อยได้จับตาดูพฤติกรรมของเป้ยฉ่ายเวยเท่าไหร่นัก จนกว่าเขาจะรู้ เธอก็คงนั่งเครื่องอยู่บนฟ้าแล้ว

ในที่สุดวันนี้ก็มาถึง

หลี่จื่อเชียนจองเที่ยวบินตอนกลางคืนให้เป้ยฉ่ายเวย ผู้โดยสารทั้งหลายต่างพากันทยอยเดินเข้าเกท

“เวยเวย แกจะไปแล้วจริงๆหรอ” อวี๋ซือซือที่ตอนแรกแสดงออกว่าไม่ได้เป็นอะไรมาก แต่เมื่อต้องจากกันจริงๆ ก็วิ่งเข้ามาหาเองอย่างอาวรณ์

เป้ยฉ่ายเวยพยักหน้า ยิ้มออกมาเบาๆ “ใช่แล้ว ซือซือเธอรอฟังข่าวดีจากฉันนะ”

“อืม มันต้องเป็นข่าวดีนะ” อวี๋ซือซือพูดออกมาอย่างแข็งขัน แต่ในใจแอบด่าฉูเจ๋อหยางไปแล้วหลายกว่ารอบ วันนี้เธอก็ว่าจะแอบบอกเรื่องนี้กับถังฉีตงสักหน่อย แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะไม่รับโทรศัพท์เธอเลยสักสาย ไม่รู้ว่าหายไปไหนทั้งคืน

สมน้ำหน้าฉูเจ๋อหยางที่ต้องโดดเดี่ยวไปตลอดชีวิต

“เวยเวย ไปกันเถอะ ใกล้ถึงเวลาแล้ว” หลี่จื่อเชียนที่อยู่ข้างๆพูดขึ้นด้วยเสียงอบอุ่น

นัยน์ตาเป็นประกายของเป้ยฉ่ายเวยเผลอมองไปทางประตูทางเข้าโดยไม่รู้ตัว ซึ่งสิ่งที่เห็นนอกจากท้องฟ้าสีมืดดำสนิทแล้ว ก็มีเพียงเสาไฟเท่านั้นที่ปรากฏสู่สายตา เธอละสายตากลับมาแล้วหัวเราะกับตัวเอง

เธอยังจะคิดว่าผู้ชายคนนั้นจะมาปรากฏตัวที่นี่อีกหรอ เป้ยฉ่ายเวยเธอยังเจ็บไม่พอหรือไง

เมื่อก้าวขาผ่านจุดตรวจความปลอดภัยไป ผู้ชายเย็นชาคนนั้นกับเธอก็จะไม่มีอะไรที่ต้องเกี่ยวข้องกันอีก

หลี่จื่อเชียนอุ้มรุ่ยรุ่ย เดินตามหลังเป้ยฉ่ายเวยไป วินาทีที่เธอหันหลังกลับไป ลมก็พัดปอยผมมาปิดตรงขมับของเธอ จึงไม่มีใครเห็นขนตาของเธอที่ชุ่มไปด้วยน้ำตา ที่กำลังสะท้อนกับแสงไฟจนเป็นหยดน้ำใสๆ

เสียงพูดเบาๆดังขึ้น ราวกับจะนำพาความยึดมั่นเบื้องลึกในใจของเธอไปด้วย

———ลาก่อน ฉูเจ๋อหยาง หวังว่าเราคงไม่ได้พบกันอีก

อวี๋ซือซือมองภาพของพวกเขาค่อยๆหายไปจากสายตา ตอนแรกก็ว่าจะไม่อ่อนไหว แต่สุดท้ายก็กลั้นความชื้นที่เอ่อขึ้นมาในกรอบตาเอาไว้ไม่ได้ โทษไอ้ผู้ชายคนนั้นคนเดียวเลย ไม่อย่างนั้นเวยเวยก็คงไม่ต้องหนีไปอย่างนี้หรอก

อีกด้านหนึ่ง ในค่ำคืนที่ต้องเข้มงวดและกวดขันทำให้บรรยากาศบริเวณท่าเรือที่ร้อนอบอ้าวดูตึงเครียด

ลมทะเลพัดพาเอารสชาติเค็มๆที่เป็นเอกลักษณ์ของทะเลเข้ามา เมื่อมองไปยังท้องทะเลที่ไกลสุดลูกหูลูกตา นอกจากความมืดมิด ก็มีเพียงเสียงคลื่นที่ซัดสาดกระทบกับซอกหิน

บริเวณท่าเรือมีเพียงเรือสำราญลำหนึ่งที่จอดนิ่งๆอยู่ตรงนั้น และยังมีคนงานอีกเจ็ดแปดคนที่ยืนรอคำสั่งอยู่เงียบๆ แสงไฟสีเหลืองนวลยิ่งเพิ่มความวังเวงให้แก่ค่ำคืนอันแสนตึงเครียด

มีรถสองคันแอบจอดซุ่มอยู่ในความมืด ข้างในรถมีผู้ชายนั่งอยู่ไม่กี่คน “ลิ่วเอ่อร์ก็ทนรอเก่งเหลือเกิน ป่านนี้แล้วยังไม่เริ่มเจรจากันอีก”

“บอกแล้วไม่ใช่หรอว่าไม่ต้องมา”ถังฉีตงหันเหสายตาไปทิศทางอื่น มองสำรวจบริเวณรอบๆ

มีเพียงร่างสูงใหญ่ของฉูเจ๋อหยางเท่านั้นที่ยังคงไม่ขยับไหวติง ราวกับเขาไม่มีส่วนเกี่ยวข้องใดๆกับโลกภายนอก

“อย่ามาว่าฉันนะ ฉันเห็นนายนั่นแหละแอบมองโทรศัพท์อยู่หลายรอบแล้ว” เจี่ยงเสี่ยวเล่อไม่พอใจ ใช่เขาอยากมาเอง แต่เขาไม่ได้จะมาก่อกวนอะไรสักหน่อย พูดเหมือนเขามาเพราะอยากมาเที่ยวเล่นอย่างนั้นแหละ

ถังฉีตงก็จนใจ ที่บ้านยังมีแม่เสือสวาท ถ้าเขาไม่เอาใจเธอดีๆ ก็รับประกันไม่ได้เลยว่าเขาจะถูกสวมเขาเอาวันไหน วันนี้มีภารกิจเร่งด่วน ต้องปิดเสียงโทรศัพท์ ขนาดนั้นก็ยังได้รับข้อความที่ยังไม่ได้อ่านส่งเข้ามาอยู่ตลอด

จินตนาการได้เลยว่าหลังจากนี้ คงต้องกลับไปง้อแม่คุณทูนหัวอีกยาวแน่ แต่นี่ก็ถือเป็นความอรรถรสของคู่รักอย่างหนึ่ง

ชายหนุ่มที่เบี่ยงเบนทางเพศแน่นอนอยู่แล้วว่าคงไม่เข้าใจอรรสรถอะไรนั่นหรอก เขายกมือขึ้นมาตบไหล่เจี่ยงเสี่ยวเล่อ พูดขึ้นอย่างเห็นอกเห็นใจว่า “ให้นายกับคนของนายรู้สึกดีต่อกันก่อน เดี๋ยวนายก็จะเข้าใจเอง"

มุมปากของเจี่ยวเสี่ยวเล่อสั่นกระตุก โกรธจนไหล่สั่น เขาขบเคี้ยวเขี้ยวฟันพูดขึ้นว่า “หาเรื่องกันหรอ ฉันไม่กลัวนายหรอกนะจะบอกให้ งั้นวันหลังเรามาขึ้นสังเวียนต่อยกันสักตั้งดูไหมล่ะ!”

เขาก็อยากแมน อยากถึก อยากเป็นผู้นำ เขาคิดจนเซลล์สมองตายครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ทุกครั้งก็ถูกข่มอยู่เรื่อย

อัปยศอดสูที่สุด! ท่านเจียงคนนี้จะต้องเสียเปรียบไปอีกแค่ไหนกัน

“ฉันก็ไม่ได้ว่าอะไร ก็แค่กลัวว่าคนนั้นของนายจะไม่พอใจ ถึงอย่างไรถ้านายได้รับบาดเจ็บ เขาก็ต้องมาคิดบัญชีกับฉันแน่ๆ”ถังฉีตงก็ยังคงเอาเจี่ยงเสี่ยวเล่อจัดเข้าประเภทพวกผอมบางไม่ต้านลมอยู่ดี

และแน่นอนเขาก็แค่หยอกเล่นเท่านั้น พวกเขามีหน้าที่เป็นของตัวเอง อย่างเจี่ยงเสี่ยวเล่อเชี่ยวชาญทางด้านถอนระเบิดหรือสะเดาะกลอนอะไรเทือกๆนั้น เรื่องความคล่องแคล่วว่องไวก็ไม่เป็นสองรองใคร

เจี่ยงเสี่ยวเล่อโมโห กำปั้นชกเข้าที่ไหล่ของถังฉีตง “ฉันว่าไม่ต้องรอให้ถึงพรุ่งนี้หรอก มานี่ ลงรถมาแหลกหมัดกันมา”

ลืมไปเลยว่าในรถยังมีพระพุทธรูปองค์หนึ่งอยู่ด้วย “เจี่ยงรองหุบปากซิ”

ทันทีที่ฉูเจ๋อหยางเอ่ยปาก เจี่ยวเสี่ยวเล่อก็ถึงกลับหงอเลยทันที เขาทะเลาะกับใครก็ได้ แต่กับหมาจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ตัวนี้เขาดันกลัว ก็ความทรงจำที่ไม่ดีในอดีตมันคอยเอาแต่ย้ำเตือนเขาหนิ ผลของการปากมากมันอนาถแค่ไหนเขารู้ดี

ถังฉีตงก็ปิดปากเงียบเหมือนกัน แต่มุมปากที่ยกขึ้นมันบ่งบอกได้ว่ากำลังสะใจที่เขาโดนดุ ไอ้โง่นี่ ไม่รู้หรือไงว่าวันนี้อาเจ๋ออารมณ์ไม่ดี ยังจะกล้าหันหน้าเข้าหากระบอกปืนอีก

ภายในรถกลับมาตกอยู่ในความเงียบอีกครั้ง ฉูเจ๋อหยางไม่รู้ว่าเพราะสาเหตุอะไร วันนี้ทั้งวันถึงได้รู้สึกไม่สบายใจแปลกๆ ราวกับมีเรื่องสำคัญอะไรถูกตัวเขามองข้ามไป แต่เขาก็คิดอยู่หลายตลบ จะว่าเป็นแผนการในคืนนี้ก็ไม่น่ามีอะไรผิดพลาด

เขาแน่ใจว่าไม่มีรายละเอียดยิบย่อยอันไหนที่เขาจะลืมได้ ถึงจะเป็นเช่นนั้น แต่ใจของเขาก็อยู่ไม่สุขอยู่ดี

เขาพลาดอะไรไปกันแน่.....“มาแล้ว” นัยน์ตาสีดำที่ปิดลงทำสมาธิของฉูเจ๋อหยางเปิดขึ้นทันที โยนความคิดวุ่นวายทั้งหมดเอาไว้ข้างหลังถังฉีตงและเจี่ยงเสี่ยวเล่อก็พากันรวบรวมสมาธิด้วยเหมือนกันตรงทางเดินดำมืดมีเสียงฝีเท้าดังขึ้น จากนั้นคนสวมชุดดำสิบกว่าคนก็ปรากฏอยู่ท่ามกลางบริเวณที่มีแสงไป ผู้ชายที่อยู่ข้างหน้านอกจากจะมีรอยแผลเป็นบนใบหน้าซีกซ้ายแล้ว ตรงหลังหูยังมีรอยแหว่งจากรอยมีดบาดอยู่ด้วย แบบนั้นยิ่งทำให้เขาดูดิบเถื่อนน่ากลัวเข้าไปอีก“เฮียเอ่อร์ ผมขึ้นไปดูของมาแล้ว เป็นของคุณภาพดีทั้งหมดครับ”“คนข้างในล่ะ” ลิ่วเอ่อร์ไม่ได้รีบร้อนไปดูของ เขาต้องรอบคอบอยู่เสมอ อีกทั้งยังเป็นสินค้าล็อตใหญ่ขนาดนี้ ขอแค่เขาสามารถสกัดเอาไปได้ แล้วนำเอาไปขายเอง ก็ไม่ต้องคอยทำตัวประจบสอพลอคอยตามใจคนเอาใจยากอย่างเสิ่นชีชีอีกแล้วแม้แต่เสิ่นลั่งก็จะต้องเป็นฝ่ายติดต่อหาเขาเองดังนั้นสำหรับเขาแล้วสินค้าล็อตนี้เขาจะทำมันพลาดไม่ได้เด็ดขาดชายหนุ่มที่อยู่แถวหน้าโค้งหัวเป็นการรับคำ “สบายใจได้ คนบนเรือถูกผมควบคุมไว้หมดแล้ว ทุกคนถูกขังเอาไว้ในห้องโดยสาร”ขอแค่การประลองครั้งนี้ เขาสามารถไล่บี้ถึงชั้นบนได้ ก็จะไม่ต้องถูกใครเขาบีบบังคับอีกแล้ว

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์