โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

บทที่302 นักสืบเฝ้าระวัง

บทที่302 นักสืบเฝ้าระวัง

เป้ยฉ่ายเวยรีบกลับบ้าน รุ่ยรุ่ยนั่งอยู่ที่ขอบหน้าต่างเฝ้ารอเธอ เมื่อเขาเห็นเงาร่างของเธอ ก็รีบลุกขึ้นอย่างมีความสุข และรีบวิ่งเข้าหาเธอในทันที

“แม่ครับ แม่กลับมาแล้ว”

เป้ยฉ่ายเวยจับร่างน้อยๆของรุ่ยรุ่ยไว้ พร้อมกับเตือนด้วยความเป็นห่วง “รุ่ยรุ่ย ร่างกายลูกยังไม่หายดี อย่าเพิ่งวิ่งไปวิ่งมา”

“แม่ครับ ผมไปโรงเรียนได้ไหม” รุ่ยรุ่ยฝังตัวเองอยู่ในอ้อมอกของเธอจากนั้นก็มุดหน้าเข้าไปที่หน้าท้องของแม่ พร้อมพูดอย่างออดอ้อน

เป้ยฉ่ายเวยจึงนึกขึ้นได้ว่ารุ่ยรุ่ยไม่ได้ไปโรงเรียนอนุบาลมาเป็นเวลานานแล้ว ทุกวันอยู่แต่กับบ้านคนเดียว เธอเองก็ไม่สามารถอยู่กับเขาได้ตลอดเวลา เป็นแบบนี้ต่อไปคงจะไม่ใช่เรื่องดี

เด็กควรจะได้สมาคมกับเพื่อนรุ่นราวคราวเดียวกันถึงจะถูก เธอเองก็คิดถึงเรื่องนี้อยู่บ้าง

“รุ่ยรุ่ย รอให้ร่างกายลูกฟื้นดีก่อนแล้วแม่จะส่งลูกไปโรงเรียนอนุบาลนะ”

“ดีจังเลย” รุ่ยรุ่ยมีความสุขได้ยังไม่ทันถึงครึ่งนาที อารมณ์เขาก็เปลี่ยนกลายเป็นบูดบึ้ง “แม่ครับ ถ้าอย่างนั้นแม่ว่าร่างกายผมจะดีขึ้นเมื่อไหร่ครับ”

มันก็ไม่ดีอยู่ตลอดไม่ใช่หรอ ถ้าอย่างนั้นเขาจะต้องอยู่บ้านไปตลอดใช่รึเปล่า อย่างนั้นมันน่าเบื่อมาก

เป้ยฉ่ายเวยลูบหัวน้อยๆของเขา พร้อมกล่าวอย่างโง่เขลา “รออีกสัปดาห์หนึ่งก่อนดีไหม รอไปให้คุณหมอเช็คครั้งต่อไปว่าไม่มีปัญหาอะไรแล้ว ลูกก็ค่อยไปโรงเรียนอนุบาล แต่ว่าลูกต้องเชื่อฟังแม่นะ ว่าอย่าเที่ยววิ่งไปวิ่งมา”

คราวก่อนที่ผ่าตัดไม่สำเร็จทำให้มีผลสืบเนื่องตามมา ถ้าหากว่าเขาตื่นเต้นจนหายใจลำบาก อาจทำให้ช็อคหรือหมดสติ ไม่ว่าจะเป็นอย่างไหน สำหรับเขาซึ่งเป็นเพียงเด็กน้อยนั้น นี่เป็นเรื่องใหญ่มาก

“แม่วางใจเถอะ รุ่ยรุ่ยจะเป็นเด็กดีครับ” รุ่ยรุ่ยโผล่หัวออกมา พร้อมออกแรงพยักหน้า

เป้ยฉ่ายเวยลูบผมของเขา เธอยิ้มไม่พูดอะไร เธอเชื่อว่ารุ่ยรุ่ยจะเชื่อฟัง

“แม่ครับ ทำไมเท้าแม่มีเลือดออก” รุ่ยรุ่ยเหลือบไปเห็นส้นเท้าของเป้ยฉ่ายเวยโดยไม่ได้ตั้งใจ เลือดยังคงหยดลงพื้นอยู่

เป้ยฉ่ายเวยกวาดสายตามองไปครู่หนึ่ง ก่อนจะแสร้งทำว่าไม่มีอะไรพร้อมพูดว่า “ไม่ได้เป็นอะไร อาจจะเพราะเมื่อครู่นี้แม่ไม่ทันระวังหกล้มน่ะ ลูกรออยู่ตรงนี้ก่อน แม่จะขึ้นไปเปลี่ยนเสื้อผ้า”

เธอไม่ชอบที่ตัวยังติดกลิ่นผู้ชายเอาแต่ใจคนนั้นอยู่

ความเจ็บปวดที่ส้นเท้านั้นชาจนเธอไม่รู้สึกอะไรอีกต่อไป เลือดจะออกหรือไม่ออกนั้นแตกต่างกันอย่างไร

---

“เธอกลับไปแล้ว”

“ใช่ครับ คุณเป้ยพบกับคุณเสิ่น เธอถูกคุณเสิ่นพาตัวขึ้นรถ เขาพาเธอไปส่งตรงทางออก” ชายคนที่ตอบนั้นก้มหัวต่ำลงกว่าเดิมเล็กน้อย

ฉูเจ๋อหยางนั่งนิ่งอยู่ในรถสักพักราวกับไร้อารมณ์ใดๆทั้งสิ้น เขาพูดขึ้นมาลอยๆ “อย่างนั้นหรอ ลิ่วเอ่อร์ยังไม่ตายอีก”

“ยังครับ ยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาล” ชายคนนั้นไม่รู้ว่าคำพูดของฉูเจ๋อหยางมีความนัย เขาจึงตอบไปซื่อๆ

ฉูเจ๋อหยางใช้นิ้วเรียวแตะที่หน้าขาก่อนจะพูดพรรณนาเบาๆ “ก็เขาชื่อลิ่วเอ่อร์(มี6หู) ถึงได้เอาหูที่มีอยู่เกินตัดออกไป เพื่อเป็นการตอบแทนคุณเสิ่น “โดยไม่ได้ลำบากอะไรนัก” ”

“ใช่ ใช่ ทนายฉู” ชายคนนั้นเผลอกลืนน้ำลายลงไป เสิ่นลั่งไปส่งเป้ยฉ่ายเวย เขาจึงตัดหูลิ่วเอ่อร์ข้างหนึ่ง เป็นการ “ตอบแทน”

ช่างน่าซาบซึ้ง ทำให้เสิ่นลั่งได้รู้ถึงขีดจำกัดของเขา

นั่นเป็นการประกาศสงครามกับตระกูลเสิ่น เป็นเรื่องดีจริงๆใช่ไหม ถึงแม้ใจจะคิดเช่นนั้น แต่เขาก็ไม่กล้าเอ่ยถาม

เมื่อหนานฉิงได้ข่าวการกลับประเทศมาของเป้ยฉ่ายเวย เธอโมโหจนทุบโต๊ะ “นังสารเลวนั่นยังจะกล้ากลับมาอีก หล่อนช่างไม่เห็นคำเตือนของฉันอยู่ในสายตาเลยจริงๆ”

“คุณหนูหนานอย่าเพิ่งโมโหไป ได้ยินมาว่าเป้ยฉ่ายเวยจะรีบหมั้นกับหลี่จื่อเชียน” คนรายงานนั้นคือนักสืบที่หนานฉิงจัดหาไว้คอยจับตาดูเป้ยฉ่ายเวยและคอยรายงานข่าวให้กับเธอ

“จริงครับ” นักสืบพยักหน้ารับคำ

หนานฉิงตาเป็นประกาย อยู่ๆก็หายโมโหแล้ว ฝ่ามือสีขาวนวลทั้งคู่นั้นค่อยๆหดกลับไป “ถึงว่าทำไมนังสารเลวนั่นถึงกล้ากลับมา ที่แท้ก็เพราะจะแต่งงานกับหลี่จื่อเชียน หล่อนคิดว่าแบบนี้แล้วฉันจะปล่อยหล่อนไปหรอ ฝันไปเถอะ”

หยุดอยู่ชั่ววินาที เธอถามด้วยเสียงทุ้มต่ำ “แล้วไอ้ลูกนอกคอกนั่นล่ะ กลับมาด้วยรึเปล่า”

“ใช่ ใช่ครับ เด็กคนนั้น….”

นักสืบถูกหนานฉิงถลึงตาใส่จึงรีบเปลี่ยนคำพูด “อ้อ ไม่ ไอ้ลูกนอกคอกคนนั้นก็กลับมาด้วย แต่ครั้งนี้หลี่จื่อเชียนใช้กำลังภายในอย่างหนัก ผมยังไม่สามารถหาที่อยู่ที่แน่ชัดของพวกเขาได้”

หนานฉิงพ่นลมด้วยความดูถูก “เขาคิดว่าซ่อนไอ้สองตัวร้ายนั้นเอาไว้ แล้วฉันจะอับจนหนทางสินะ เรื่องที่พวกเขาหมั้นกันอาเจ๋อรู้แล้วรึยัง”

“ทราบ ทราบแล้วครับ” นักสืบพูดพลางเขาก็มองหนานฉิงอย่างลังเลไปด้วย

หนานฉิงถามด้วยความหงุดหงิด “มีอะไรก็พูดออกมาตรงๆ อ้ำอึ้งทำไม ฉันจ่ายเงินไปตั้งมากเพื่อจ้างพวกคุณทำงานให้ฉัน ถ้าหากว่าได้แค่ข้อมูลเล็กๆน้อยๆ พวกคุณจะมีประโยชน์กับฉันตรงไหน”

“คืออย่างนี้ครับ….” นักสืบเผลอลูบมือตัวเองพร้อมกับพูดว่า “เมื่อเช้าทนายฉูลักพาตัวผู้หญิงสารเลวคนนั้นไปแล้ว”

เขาเห็นว่าหนานฉิงกำลังจะเดือดแล้ว จึงรีบพูดเสริมขึ้นอีกประโยค “แต่พอถึงสะพานยกระดับเขาก็โยนผู้หญิงคนนั้นออกมา ปล่อยให้หล่อนเดินกลับเอง ผมเห็นว่าส้นเท้าหล่อนชุ่มเลือดและยังนั่งยองๆร้องไห้อยู่บนพื้น”

เขาคิดว่าหลังจากนั้นไม่จำเป็นที่จะต้องติดตามดูต่อ ดังนั้นจึงได้จากไป เขาจึงไม่รู้เรื่องของเสิ่นลั่ง

โยนหรอ หนานฉิงคิดใคร่ครวญถึงความหมายของคำคำนี้ ถ้าหากว่าอาเจ๋อเกลียดนังเป้ยฉ่ายเวยเข้าแล้วนั่นก็ถือเป็นเรื่องดีจริงๆ แต่ถ้าหากว่าโกรธเพราะหึงล่ะก็ ถ้าอย่างนั้น---

ไม่ เป็นไปไม่ได้ คนที่อาเจ๋อรักตั้งแต่ต้นจนจบก็มีแต่เธอเท่านั้นถึงจะถูกหนานฉิงสลัดความน่ากลัวนี้ออกไปจากหัวสมอง แต่ว่าถ้าหากเป็นเช่นนั้นจริง เธอก็ไม่จำเป็นที่จะต้องไปหาเรื่องเป้ยฉ่ายเวยแล้วล่ะ ทำเอาเธอสับสน ถ้าหากว่าฆ่าเป้ยฉ่ายเวยเสียตอนนี้ อาเจ๋อจะต้องสงสัยเธอแน่นอน อีกทั้งถ้าหากว่าคนตายแล้ว หลายเรื่องก็คงจะไม่เหมือนเดิม รอให้เป้ยฉ่ายเวยหมั้นก่อน ค่อยหาทางฆ่าไอ้ลูกนอกคอกนั่นก็แล้วกัน“ว่าแต่ คนของที่บ้านหลี่มีท่าทียังไงบ้าง” ถ้าหากว่าบ้านหลี่รู้เรื่องเด็ก เธอจะได้ชิงฆ่าไอ้ลูกนอกคอกนั่นก่อน ไม่อย่างนั้น ไม่อย่างนั้นไม่ช้าก็เร็วเรื่องนี้ได้ทำให้งานหมั้นถูกเลื่อนแน่ “ไม่ ไม่แน่ใจครับ” นักสืบหดหัวก่อนจะตอบ เรื่องนี้ไม่ได้รวบอยู่ในขอบเขตสัญญาเดิมของพวกเขา ดังนั้นเขาจึงไม่ได้ให้ความสนใจนักหนานฉิงโกรธจนถอนหายใจเฮือกใหญ่ “ไม่ได้เรื่อง รีบไปจัดการเรื่องนี้ให้ฉันด่วนเลย”“คุณหนูหนาน ทราบแล้ว ผมจะรีบให้ลูกน้องไปตรวจสอบ” นักสืบพยักหน้าพร้อมโค้งคำนับด้วยความกลัว ด้วยอำนาจของตระกูลหนาน ถ้าคิดจะฆ่านักสืบตัวกระจ๊อกอย่างเขานั้นง่ายเพียงพลิกฝ่ามือ ถึงจะได้เงินดี แต่ถ้าไม่ระวังตัวจะรักษาชีวิตไว้ไม่ได้ อย่าคิดจะมีลูกไม้ใดๆใครจะรับประกันความปลอดภัย เขาไม่คิดจะต่อกร เขาเป็นเพียงคนต่ำต้อยที่คอยพยักหน้าก้มหัวให้คนอื่นเสมอหนานฉิงเห็นเขาหันหลังกำลังจะเดินออกไปก็รีบหยุดเขาเอาไว้ “เดี๋ยวก่อน กลับมาหาฉันก่อน”“คุณหนูหนานมีคำสั่งอะไรอีกหรือครับ” นักสืบหันหน้ากลับไปเผยยิ้มขึ้นพร้อมกับถาม

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์