โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

บทที่303 คิดถึงกลอนบทหนึ่ง

บทที่303 คิดถึงกลอนบทหนึ่ง

“อย่าลืมเรื่องนี้ทำอย่างลับๆ อย่าให้คนบ้านหลี่พบเห็นเข้า อีกอย่างอาเจ๋อทำอะไรที่ไหนคุณรีบรายงานฉันทันที อย่าให้ฉูเจ๋อหยางรู้เด็ดขาดว่ามีไอ้ลูกนอกคอกนั่นอยู่”

หนานฉิงพูดถึงตอนสุดท้ายก็นัยน์ตาเศร้าสลด

“คุณหนูหนานวางใจได้ ผมจะระวังให้มากขึ้น” นักสืบรู้สึกเสียววาบทางด้านหลัง ไม่ต้องพูดถึงผู้หญิงและเด็กที่หนานฉิงจับตาดูอยู่ กล้าทำแม้กระทั่งกับเด็ก ตระกูลก็ออกจะสูงส่งร่ำรวย เบื้องหลังกลับทำแต่เรื่องสกปรก

แต่นี่แหละสังคม นี่แหละโลกแห่งความเป็นจริง

หลี่จื่อเชียนกลับถึงบ้าน เขาเห็นเป้ยฉ่ายเวยนั่งข้างๆรุ่ยรุ่ย เธอกำลังอ่านหนังสือเงียบๆเป็นเพื่อนเขา ปอยผมตกลงมาข้างหน้า มองจากที่ไกลๆช่างเหมือนกับภาพวาดที่อบอุ่นและสะดุดตา เขาอยากจะหยุดช่วงเวลานี้เอาไว้ตลอดไป

“แชะ” หลี่จื่อเชียนคิดเช่นไรก็ทำเช่นนั้น เขาหยิบโทรศัพท์ออกมาเพื่อถ่ายบันทึกช่วงเวลานี้เอาไว้ และนำไปทำเป็นภาพบนพื้นหลังของจอโทรศัพท์

เมื่อได้ยินเสียงอันละเอียดอ่อน เป้ยฉ่ายเวยก็มองตามไป เธอจึงพบว่าหลี่จื่อเชียนยังคงถือโทรศัพท์ถ่ายพวกเขาอยู่ เธอถามด้วยความประหลาดใจ “จื่อเชียน คุณถ่ายรูปพวกเราอีกแล้วหรอ”

“อื้อ” หลี่จื่อเชียนตอบอย่างใจเย็น พวกเขากลายมาอยู่ในสถานะคู่รักที่กำลังจะแต่งงานกัน การถ่ายภาพก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติ

รุ่ยรุ่ยได้ยินว่าถ่ายรูปพวกเขาอีกแล้ว เขาเหมือนเด็กขี้สงสัยกระโดดโลดเต้นไปถึงข้างกายหลี่จื่อเชียน ดวงตาเขาเบิกกว้างพร้อมถามขึ้นด้วยเสียงไร้เดียงสา “คุณอาหลี่ ให้ผมดูหน่อย ถ่ายผมน่าเกลียดรึเปล่า”

เขาห่วงภาพลักษณ์ของตัวเอง

“ได้ ถ้าหากว่ารุ่ยรุ่ยไม่ชอบ อาจะให้เซลฟี่อีกหลายๆใบเลย” หลี่จื่อเชียนพูดแล้วก็วางโทรศัพท์ไว้ในมือน้อยๆของเขา

รุ่ยรุ่ยยังต้องใช้มือทั้งสองข้างเพื่อถือ แต่เขายังไม่สามารถยื่นโทรศัพท์ออกไปได้ โทรศัพท์ของคุณอาหลี่ใหญ่มาก ไม่เหมือนกับมือถือที่คุณป้าซื้อให้เขา ขนาดกะทัดรัดใช้งานง่าย

เขาพยายามยื่นนิ้วโป้งที่ดูเหมือนหัวไชเท้าไปแตะที่หน้าจอ ทันใดนั้นก็เห็นรูปถ่ายของพวกเขาสองคนเด้งขึ้นมา เขาวิ่งอย่างตื่นเต้นไปที่หน้าเป้ยฉ่ายเวยและยื่นให้เธอดูอย่างกระตือรือร้น “แม่ครับ ดูเร็ว คุณอาหลี่ถ่ายได้สวยมาก”

เป้ยฉ่ายเวยเห็นหลี่จื่อเชียนใช้รูปของพวกเธอแม่ลูกทำเป็นภาพหน้าจอก็รู้สึกเขินเล็กน้อย เธอนึกถึงว่าอีกไม่นานพวกเขาก็จะหมั้นกันอยู่แล้ว ใจเธอจึงพยายามปรับให้คุ้นเคยกับสิ่งต่างๆ

“อื้อ สวยดีนะ”

เมื่อได้ยินคำตอบของเป้ยฉ่ายเวย สายตาหลี่จื่อเชียนสะกดกั้นความยินดีเอาไว้ไม่อยู่

แต่ว่าสายตาของหลี่จื่อเชียนนั้นหยาดเยิ้มมาก เป้ยฉ่ายเวยจึงรีบหลบสายตาเขาอย่างเอียงอาย พร้อมกับพยายามเปลี่ยนเรื่อง “จื่อเชียน คุณว่าพอร่างกายรุ่ยรุ่ยดีขึ้นหน่อย เราส่งเขาไปโรงเรียนดีไหมคะ”

หลี่จื่อเชียนคิดว่าเป็นเรื่องใหญ่อะไร ที่แท้ก็เรื่องนี้ เขาเดินอย่างแข็งขันไปนั่งลงข้างๆเธอ “ผมติดต่อกับโรงเรียนอนุบาลที่รุ่ยรุ่ยไปเอาไว้แล้ว ถ้าหากว่ารุ่ยรุ่ยร่างกายดีแล้ว ส่งไปได้ทุกเมื่อ”

“จื่อเชียน ฉัน…” เป้ยฉ่ายเวยไม่รู้ว่าหลี่จื่อเชียนคิดเอาไว้รอบคอบขนาดนี้ เธอเองยังไม่ทันได้คิดถึงเรื่องนี้เลย เขากลับคิดแทนเธอไปหมดแล้ว เธอไม่รู้ว่าจะพูดอะไรเพื่อแสดงให้เขารู้ถึงความรู้สึกซาบซึ้งใจนี้

นอกจากพูดว่าขอบคุณ เธอก็ไม่รู้จะพูดอะไรอีก เธออยากตอบแทนเขา แต่กลายเป็นว่า เขากลับไม่ได้ขาดอะไรเลย

หลี่จื่อเชียนรู้ว่าเป้ยฉ่ายเวยคิดอะไรอยู่ เขาจึงหยอกเธอเล่น “เวยเวย ไม่ทราบว่าคุณจะให้เกียรติเป็นคู่เต้นรำของผมคืนนี้ได้ไหมครับ ไปงานเลี้ยงกับผม”

เป้ยฉ่ายเวยนิ่งไปชั่ววินาที ทันใดนั้นเธอก็อมยิ้ม พร้อมตอบด้วยความยินดี “เป็นเกียรติอย่างยิ่ง”

แค่เรื่องเล็กน้อยจื่อเชียนก็ยังขอคำแนะนำจากเธอ ความรู้สึกที่ถูกปฏิบัติด้วยความเคารพเช่นนี้ ตอนอยู่กับฉูเจ๋อหยางไม่เคยได้รับสักนิด

เพราะเธอรู้ว่าฉูเจ๋อหยางเผด็จการไปถึงกระดูก ใครก็เถียงเขาไม่ได้

“คุณอาหลี่ ถ้าอย่างนั้น ผมก็จะได้ไปโรงเรียนเร็วๆนี้แล้ว” ไม่มีใครมีความสุขเกินเขาไปอีกแล้ว การอยู่เฝ้าบ้าน ช่างน่าเบื่อเหลือเกิน

หลี่จื่อเชียนบีบจมูกน้อยของเขาเบาๆพร้อมพูดว่า “ใช่แล้ว”

“เฮ้ สุดยอดไปเลย” รุ่ยรุ่ยโห่ร้องอย่างมีความสุขอยู่ในห้อง

มุมปากหลี่จื่อเชียนยกขึ้น ดวงตาเขาเปี่ยมไปด้วยความอ่อนโยน “อีกเดี๋ยว อาจะพาหนูออกไปซื้อเสื้อผ้านะ คืนนี้ต้องให้รุ่ยรุ่ยเฝ้าบ้านอีกแล้วล่ะ ไม่รู้รุ่ยรุ่ยจะโกรธคุณอาหลี่มั๊ยนะ”

รุ่ยรุ่ยหรี่ตาลงแสงประกายราวไข่มุกส่องออกมา จากนั้นเขาก็พูดด้วยสีหน้าจริงจัง “ถ้าหากว่าพรุ่งนี้คุณอาหลี่พารุ่ยรุ่ยกับแม่ไปสวนน้ำล่ะก็ รุ่ยรุ่ยก็จะยกโทษให้”

“เอางั้นหรอ…” หลี่จื่อเชียนแกล้งทำหน้าบูดเบี้ยว หางตาก็แอบเหลือบมองสายตาเจ้าเล่ห์นั้นของเจ้าตัวน้อย แต่แล้วก็อดยิ้มไม่ได้ “ได้แน่นอน แต่ว่าต้องเป็นเด็กดีนะ เข้านอนเร็วๆ”

“ไม่มีปัญหา” รุ่ยรุ่ยตอบโดยแทบไม่ต้องคิด จนกระทั่งเป้ยฉ่ายเวยหัวเราะฮ่าฮ่าดังออกมา เขาถึงได้รู้ตัวว่าเขาได้ยอมรับความจริงที่ว่าเขายังเป็นเด็กไปแล้ว

เขาเป็นลูกผู้ชายนะ ไม่ได้เป็นเด็กอีกต่อไปแล้ว

“คุณอาหลี่ อีกไม่นานผมก็จะสี่ขวบแล้ว” รุ่ยรุ่ยเหยียดนิ้วออกสี่นิ้วอย่างไม่สบอารมณ์ เขายื่นให้หลี่จื่อเชียนดู นิ้วโป้งอยู่ๆก็โผล่ออกมาโดยไม่ตั้งใจ

เป้ยฉ่ายเวยยิ่งหัวเราะจนน้ำตาเล็ด เมื่อเธอเห็นว่าหลี่จื่อเชียนกับรุ่ยรุ่ยเข้ากันได้ดีขนาดนี้ เธอก็รู้สึกโล่งใจและมีความสุข

ถ้าหากว่าไม่มีใครมาก่อกวนแล้ว ความจริงชีวิตเช่นนี้ก็ไม่เลว ไม่ใช่หรือ

ในที่สุดใบหน้าเศร้าสร้อยอมทุกข์ของเป้ยฉ่ายเวยก็เผยรอยยิ้มออกมา เหมือนกับดอกไม้นานาในฤดูใบไม้ผลิ ผลิบานอยู่ตรงหน้า

อยู่ๆหลี่จื่อเชียนก็นึกถึงกลอนบทหนึ่งกวีเปี้ยนจือหลิน

---ตอนที่คุณอยู่บนสะพานมองดูทิวทัศน์ คนที่ชมทิวทัศน์ก็มองคุณที่อยู่บนตึก ดวงจันทร์ประดับตกแต่งที่หน้าต่างของคุณ คุณเป็นคุณค่าให้กับความฝันของผู้อื่น

เธอเป็นเหมือนความฝันในใจเขา ฝันที่ใกล้จะกลายเป็นจริง ซึ่งเขาเฝ้าติดตามอยู่เสมอไม่เคยยอมแพ้

“คุณผู้ชายครับ คุณอวี๋มาครับ”คนรับใช้พูดยังไม่ทันจบ อวี๋ซือซือก็เดินดุ่มๆเข้ามา เธอเห็นว่าหลี่จื่อเชียนนั่งคู่กับเป้ยฉ่ายเวย รุ่ยรุ่ยก็นัวเนียอยู่ตรงหน้าพวกเขาอย่างมีความสุขช่างเป็นบรรยากาศแห่งความสุขที่สวรรค์ประทานให้เธอเริ่มสงสัยตัวเองว่ามาอยู่ผิดที่ผิดทางรึเปล่า ตอนนี้พวกเขากำลังเล่นบทพ่อแม่ลูกกันสามคนอยู่“ซือซือ เธอมามีอะไรรึเปล่า” เป้ยฉ่ายเวยไม่รู้ว่าอวี๋ซือซือจะมา เธอจึงถามอย่างแปลกใจอวี๋ซือซือแค่นิ่งไปสองวินาที จากนั้นก็กลับมาเป็นปกติ จากนั้นเธอจึงข้ามไปนั่งที่โซฟาฝั่งตรงข้าม นั่งจ้องพวกเขาทั้งสองคนโดยไม่พูดจาเป้ยฉ่ายเวยถูกสายตาแปลกๆของเธอจ้องจนต้องถามขึ้นอย่างเสียไม่ได้ “ยังไง ใครทำให้เธอเคืองมาล่ะ”“ใครทำให้ฉันเคือง ตอนนี้ยังไม่รู้ แต่ว่าฉันมีเพื่อนใจดำคนหนึ่ง กลับมาตั้งนานแล้วแต่โทรหาฉันแค่สองสามครั้งเท่านั้น แม้แต่หน้าก็ไม่โผล่มาให้เห็น”นี่ทำให้เธอเหลืออด เป็นเพื่อนพี่น้องกันมาตั้งสิบกว่าปี นึกอยากจะหายก็หายไปเลยอย่างนั้นหรอ

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์