โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

บทที่304 จำกัดคนวงใน

บทที่304 จำกัดคนวงใน

“ซือซือ ฉันไม่ดีเอง ฉัน…”

เป้ยฉ่ายเวยพูดยังไม่ทันจบ หลี่จื่อเชียนก็แทรกขึ้น “เรื่องนี้โทษผมเถอะ ผมเป็นคนลากเวยเวยให้กลับมาเอง”

เธอไม่ได้พูดอะไร สองคนนี้เริ่มปกป้องกันแล้ว อวี๋ซือซือแสดงท่าทางเศร้า จะให้พูดยังไง เธอรู้สึกว่าหลี่จื่อเชียนไม่ว่าจะมองจากมุมไหนก็ช่างเหมาะสมกับเวยเวย ถ้าหากว่าเวยเวยลืมฉูเจ๋อหยางได้แล้ว ไอ้บ้าฉูเจ๋อหยางนั่นซวยแล้วล่ะ

“ช่างเถอะ ช่างเถอะ ฉันแค่ล้อเล่น ทำไมต้องทำจริงจังขนาดนั้นด้วย ไม่สนุกเลย อีกหน่อยจะกล้าล้อเล่นกับพวกเธอมั๊ยเนี่ย”

เป้ยฉ่ายเวยยิ้มอ่อน “ฉันรู้น่าว่าเธอปากแข็งแต่ใจอ่อน ไม่ต้องคุยโว”

“เชอะ ฉันมานี่เพื่อที่จะถามเธอว่าเย็นนี้เธอจะไปงานเลี้ยงนั่นรึเปล่า ถ้าหากว่าจะไป ฉันก็มีเพื่อนแล้วล่ะ” อวี๋ซือซือล้มตัวลงบนโซฟาพร้อมถามอย่างเกียจคร้าน

เป้ยฉ่ายเวยถามด้วยความฉงน “ซือซือ เธอรู้ได้อย่างไร ว่าเย็นนี้ฉันจะไปงานเลี้ยง”

อวี๋ซือซือนั่งยืดตัวตรง พร้อมพูดอย่างไม่สบอารมณ์ “ก็พวกเซเลปในเมืองจิ่นอัน ต่างก็กระเหี้ยนกระหือรือจะไปงานเลี้ยงนั่น”

“ทำไมล่ะ” เป้ยฉ่ายเวยรู้สึกว่าแปลก ซือซือชอบไปร่วมงานเลี้ยงตั้งแต่เมื่อไหร่

หลี่จื่อเชียนตอบให้แทนอวี๋ซือซือซึ่งกำลังมองบน “เป็นงานเลี้ยงประจำปีของเมืองจิ่นอัน ที่จริงแล้วคนมีฐานะหน่อยของเมืองจิ่นอันจะถูกเชิญไป อีกอย่างต้องมีบัตรเชิญเท่านั้นถึงจะเข้าได้”

“พวกที่ไม่มีบัตรเชิญ แทบอยากจะกลายร่างเป็นยุงบินเข้าไปน่ะ”

ช่วงเวลาเช่นนี้เป็นช่วงเวลาอันดีที่นักธุรกิจระดับสูงและผู้หลักผู้ใหญ่จะได้พบปะกัน โดยปกติแล้วมีงานเลี้ยงคนส่วนมากจะพยายามบ่ายเบี่ยง งานพบปะประจำปี พูดซะน่าฟัง ไม่ใช่งานที่เปิดโอกาสให้ทุกคนได้หาเส้นสายหรือยังไง

คนมีเงินก็มองหาคนมีอำนาจ คนมีอำนาจก็มองหาความบันเทิง สาวโสดที่ยังไม่แต่งงานก็มองหาความวิบวับ ผู้ชายที่ไม่มีสาวสำหรับพวกเขาแล้วน่าเย้ายวนมาก อยากหาผู้หญิงแบบไหนก็หาได้หมด

สำหรับคนที่มีทั้งเงินและอำนาจนั้น เขาแค่อยากจะประณามคนเหล่านั้น

อวี๋ซือซือลืมไป ตระกูลอวี๋ของเธอก็อยู่ในประเภทสุดท้ายนี้ด้วย

เอาจริงๆแล้ว ก็ย้อมแมวขายอ่ะแหละ

เป้ยฉ่ายเวยยังไม่รู้สึกตัว “ที่แท้แล้วเมืองจิ่นอันมีงานเลี้ยงแบบนี้”

เธอไม่เคยรู้มาก่อน

“เธอไม่รู้ก็เป็นเรื่องธรรมดา ตาฉูเมื่อก่อนนั่น เหอเหอะ อะไร เธอไม่รู้น่ะดีแล้ว คนพวกนี้น้ำนิ่งไหลลึก” อวี๋ซือซือเกือบจะด่าฉูเจ๋อหยางออกมา แต่พอพูดถึงครึ่งทางเธอก็สะกดตัวเองให้เงียบไว้จะดีกว่า

อันตรายมาก เกือบพูดผิดไปแล้วเชียว

อีกอย่างเท่าที่เธอได้ยินมา ปีนี้เป็นปีแรกที่ฉูเจ๋อหยางจะเข้าร่วมเป็นครั้งแรก ไม่ใช่ว่าเขาไม่มีคุณสมบัติ แต่ว่าก่อนนี้เขารังเกียจที่จะเข้าร่วม “งานพบปะ” เช่นนี้

ไม่รู้ทำไม ปีนี้กินยาผิดรึเปล่า ตอบรับคำเชิญอย่างไม่เคยมาก่อน ดังนั้นงานปีนี้จึงดูมีสีสันกว่าทุกครั้ง

พวกเขาหลายคนต่างตั้งตาคอยให้ฉูเจ๋อหยางไป

สำหรับเหตุผลที่เขาได้รับบัตรเชิญแต่ปฏิเสธที่จะไปนั้น ไม่มีใครรู้ว่าเขาใช้วิธีไหนทำให้คนพวกนั้นหุบปาก

อวี๋ซือซือแอบชำเลืองมองเพื่อนรัก เมื่อเห็นว่าเพื่อนรักไม่ว่ายังไง เธอจึงได้วางใจหันกลับไป

เป้ยฉ่ายเวยได้ยินชื่อตัวละครที่อวี๋ซือซือพูดถึง เธอไม่อยากให้จื่อเชียนและซือซือรู้ เธอจึงแสร้งทำเป็นว่าไม่ได้ยิน “เพราะอย่างนี้ ที่เธอมาวันนี้ก็เพื่อที่จะบอกฉันเรื่องพวกนี้น่ะหรอ”

“ไม่ใช่แน่นอน ฉันจะบอกว่า ถ้าไม่อย่างนั้นเราไปซื้อเสื้อผ้ากันไหม” อวี๋ซือซือสำรวจตู้เสื้อผ้าของตัวเอง หาชุดที่เหมาะไม่ได้ เมื่อคิดว่าเพื่อนรักก็จะไปเหมือนกัน ดังนั้นจึงพุ่งมาหาเธอที่นี่

เป้ยฉ่ายเวยมองจื่อเชียนเป็นการขอโทษ “ดูเหมือนว่าฉันจะไปกับคุณไม่ได้แล้วสิ”

“ไม่เป็นไร เย็นนี้ผมไปรับพวกคุณ” หลี่จื่อเชียนยิ้มเจื่อนๆ

อวี๋ซือซือมองด้วยความอิจฉา เฮ้ เหม็นความรัก ได้กลิ่นแล้วทำคนรู้สึกไม่สบาย ถึงจะเป็นรักข้างเดียวของหลี่จื่อเชียนก็เถอะ…

“ค่ะ” เป้ยฉ่ายเวยพยักหน้ารับคำ

อวี๋ซือซือโผขึ้นจากที่นั่งทันที เธอไปเกาะข้างๆเป้ยฉ่ายเวย ควงแขนเธอไว้พร้อมกับพูดว่า “ฉันพาตัวคนไปแล้วนะ ส่วนตัวประกันฝากไว้กับคุณล่ะ”

พูดแล้วเธอก็หันไปขยิบตาให้รุ่ยรุ่ย

“คุณป้า ผมไม่ใช่ตัวประกัน” รุ่ยรุ่ยส่งสายตารันทดมาให้

อวี๋ซือซือกลายร่างเป็นนางแมวป่า ต้อนรุ่ยรุ่ยเข้าไปในกรงไก่ แล้วยังทำท่าทาง “งี่เง่า” อีก แหย่เขาไปลูบเขาไป “ที่รัก ป้าจะยอมให้เธอเป็นตัวประกันได้ยังไง ไม่อย่างนั้นหนีตามไปกับป้าไหม”

ถ้าหากไม่ใช่เพราะรู้ว่านิสัยเพื่อนรักไม่ได้มีปัญหา เป้ยฉ่ายเวยคงจะสงสัยถึงความหัวงูผิดปกติของเธอ เห็นๆอยู่ว่าเวลาอยู่ข้างนอกเธอเป็นสาวไฟแรงสูง ตอนนี้กลับจะมามีคุณธรรมซะอย่างนั้น

เจ้าเล่ห์ เจ้าเล่ห์ เจ้าเล่ห์เกินไปแล้ว

“ซือซือ ทางที่ดีเธอหยุดเดี๋ยวนี้” ทันใดนั้นใบหน้าอวบๆของเจ้าตัวดีก็ถูกจุ๊บจนเกิดเป็นรอย

อวี๋ซือซือปล่อยรุ่ยรุ่ยซึ่งกำลังเขิน “ฮ่าฮ่า ขอโทษ ไม่ทันระวังทนไม่ไหวจ๊ะ”

“คุณป้า ระวังเสียภาพพจน์หน่อยครับ” รุ่ยรุ่ยนิ่งไปครู่หนึ่ง พร้อมดึงกระดาษทิชชู่ออกมาจากใต้โต๊ะและเช็ดใบหน้า

เด็กน้อยมี “แฟนคลับ” ที่เขาไม่ควรจะมี มันยากสำหรับเขา มันยากสำหรับเขาจริงๆ

“ป้ารับปาก ครั้งหน้าจะระวังจ๊ะ” อวี๋ซือซือกระพริบตาปริบๆ เธอรับรองได้ว่าครั้งหน้าก็มีอีก

“เอาล่ะ เรารีบไปกันเถอะ” เป้ยฉ่ายเวยกลัวว่าขืนอยู่ต่อ รุ่ยรุ่ยเกิดเปลี่ยนใจขึ้นมา เธอจะไม่สามารถเกลี้ยกล่อมเขาได้

อวี๋ซือซือจึงได้แต่ตกลง “โอเค”พวกเธอยังไม่ทันได้หันหลังกลับ หลี่จื่อเชียนก็เดินถึงเบื้องหน้าเป้ยฉ่ายเวย เขาจับข้อมือเธอไว้ พร้อมขมวดคิ้วแล้วถาม “เวยเวย มือคุณเป็นยังไงบ้าง”ข้อมือทั้งสองข้างเป็นสีแดง ดึงแม้ว่ารอยนั้นจะจางมาก ถ้าไม่สังเกตดีๆคงมองไม่เห็น แต่เขากลับเห็นมันอย่างชัดเจนเป้ยฉ่ายเวยใจเต้นตุบตับ เธอแกล้งทำเป็นไม่มีเรื่องอะไรพร้อมกับพูดว่า “เมื่อกี๊ฉันกลับมาไม่ทันระวังลื่นล้ม อาจจะเผลอไปกระแทกตรงไหนเข้าน่ะ”ตอนเธอกลับมาก็กลัวว่าจะมีใครเห็นเข้า เธอถึงใช้รองพื้นทาเอาไว้ไม่น้อย แต่เมื่อครู่อาจจะเพราะนัวเนียกับรุ่ยรุ่ย ไม่ทันระวังเลยถูกลบออกไปบ้าง ทำให้จื่อเชียนเห็นเข้า“กระแทก หรือว่า…” อวี๋ซือซือจ้องอยู่ครู่หนึ่งด้วยความประหลาดใจ แต่เมื่อเธอได้รับการส่งสัญญาณจากเพื่อนรัก เธอจึงรีบกลืนคำพูดกลับลงไป และเปลี่ยนไปพูดว่า “ที่จริงแล้วนี่เป็นเรื่องปกติมาก เวยเวย เธอลืมถอดที่มัดผมออกจากข้อมือใช่รึเปล่า ไม่รู้หรือยังไงว่าผิวตัวเองบอบบางจะตาย เดี๋ยวก็ทำเอาคนอื่นเข้าใจผิดกันไปหมดหรอก”พูดจบ อวี๋ซือซือก็อยากจะโม้ถึงตัวเองซะหน่อย ว่าสติปัญญาช่างล้ำเลิศด้วยคำอธิบายช่วยเหลือจากอวี๋ซือซือ เป้ยฉ่ายเวยจึงถือโอกาสตามน้ำเธอไป “มิน่าล่ะ ฉันถึงชอบระคายเคืองข้อมือ ที่แท้เป็นอย่างนี้นี่เอง ขอโทษจริงๆค่ะจื่นเชียน ที่ทำให้คุณเป็นห่วง”หลี่จื่อเชียนเชื่อครึ่งไม่เชื่อครึ่ง เขามองยางมัดผมบนศีรษะของเป้ยฉ่ายเวย แต่สุดท้ายแล้วก็ไม่ได้ถามอะไรมาก “คราวหน้าระวังหน่อยแล้วกัน เปลี่ยนเป็นยางมัดที่มันหลวมหน่อย”“โอเค ทราบแล้ว” เป้ยฉ่ายเวยพยักหน้าตอบ แต่กลับไม่กล้าสบตาหลี่จื่อเชียน

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์