โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

บทที่306 แอบอ้างบารมี

บทที่306 แอบอ้างบารมี

เป้ยฉ่ายเวยเผลอกำมือแน่น ครั้งนี้ยังไม่ทันได้ขบฟัน ก็มีมือใหญ่อันอบอุ่นอีกมือเอื้อมมาจับมือเธอไว้เบาๆ

สัมผัสนั้นช่างแตกต่างกับมือของเธอซึ่งชุ่มไปด้วยเหงื่อ มือของอีกฝ่ายทั้งกว้างใหญ่และทรงพลัง ราวกับจะมอบความกล้าหาญให้กับเธออย่างไม่มีขีดจำกัด

เป้ยฉ่ายเวยจิตใจอ่อนโยนลง เธอเงยหน้ามองสายตาอันอ่อนโยนของหลี่จื่อเชียน มุมปากงุ้มขึ้น

ขอบคุณนะ จื่อเชียน

การกระทำของทั้งคู่อยู่ในสายตาของชายคนหนึ่ง ช่างเหมือนคู่รักกระหนุงกระหนิง พร่ำบอกรักกัน เตะเข้าลูกกะตาคน แตะเข้าที่หัวใจ

เสียงเย็นยะเยือกเหมือนน้ำแข็งทิ่มแทงเข้าสู่หัวใจเป้ยฉ่ายเวย “คนไม่สำคัญ จะสนใจทำไม”

หนานฉิงสุขใจมาก อาเจ๋อหมดใจกับนังสารเลวเป้ยฉ่ายเวยแล้ว ช่างยอดเยี่ยมนัก แต่ต่อหน้าเขา เธอยังต้องแกล้งทำเป็นจิตใจดีก่อน “อาเจ๋อ อย่าพูดอย่างนั้นสิคะ ก่อนนี้เวยเวยก็เคยเป็นเพื่อนที่ดีของพวกเรานะ”

“ไปกันเถอะ” ฉูเจ๋อหยางเบะปากเห็นเป็นเรื่องไร้สาระ จากนั้นก็สาวเท้าเดินเข้าด้านใน

ผู้คนรอบๆกำลังตื่นเต้นแต่อยู่ๆก็ต้องอารมณ์ค้างจึงรู้สึกหงุดหงิด

“นั่นฉูเจ๋อหยางไง ดูสิเขาช่างมีฝีมือ”

“ใช่มั๊ยล่ะ รบโดยไม่ต้องเสียเลือดเนื้อฉันพูดไว้ไม่ผิด คดีที่เขาทำยังไม่เคยแพ้เลยนะ เพราะอย่างนั้นเหล่าบรรดาเจ้านายบริษัทใหญ่ๆต่างพากันอยากได้ตัวเขา จ้างทนายเพื่อไปจัดการเรื่องต่างๆกับเชิญทนายเพื่อไปช่วยชีวิต ช่างเปรียบเทียบกันไม่ได้”

“ได้ยินว่าคุณหนูหนานสนิทกับเขามาก ฉันว่าข่าวดีของทั้งคู่น่าจะใกล้เข้ามาแล้วล่ะ”

“เหอะ แสดงเก่ง แอบอ้างบารมี” อวี๋ซือซืออดด่าไม่ได้ คนรอบๆนั้นหันมาจ้องกันพึบพั่บ

เป้ยฉ่ายเวยดึงชุดเธอไปพร้อมพูดว่า “ซือซือไม่ต้องพูดแล้ว เราเข้าไปข้างในกันก่อนเถอะ”

“เธอเข้าไปก่อน อีกครู่หนึ่งฉันค่อยตามไป” เธอยังมีเรื่องที่ต้องทำ

เป้ยฉ่ายเวยพยักหน้าและเข้าไปกับหลี่จื่อเชียน ตั้งแต่ต้นจนจบฉูเจ๋อหยางไม่สบตาเธอเลยสักนิด นี่ไม่ใช่สิ่งที่เธอต้องการหรือ ทำไมเมื่อเห็นหนานฉิงคอยเอาอกเอาใจเขา ใจเธอกลับรู้สึกเจ็บอย่างนี้

ไม่ นี่ไม่ใช่เจ็บ ต้องเป็นเพราะว่ากลัวจะเสียดายแน่ๆ

“เวยเวย คุณไม่เป็นไรใช่ไหม” หลี่จื่อเชียนถึงตาจะมองไปข้างหน้า แต่เขากลับพูดอยู่กับเป้ยฉ่ายเวย เขารู้สึกได้ว่าอารมณ์เธอสั่นไหว เป็นเพราะหนานฉิง หรือเป็นเพราะฉูเจ๋อหยาง

เป้ยฉ่ายเวยปล่อยวางความสับสน พร้อมพูดขึ้นด้วยจิตวิญญาณอันเข้มแข็ง “ฉันไม่เป็นไร แค่ไม่คิดว่าจะบังเอิญเจอกันตรงทางเข้า”

น่าจะเจอกันในงานเลี้ยงแหละ เธอเตรียมใจเอาไว้แล้ว แค่ไม่คิดว่าจะเร็วขนาดนี้เท่านั้น

“ถ้าคุณไม่อยากเข้าไป ผมจะไปส่งคุณกลับก่อน” เขาไม่อยากให้เธอต้องฝืนใจ

เป้ยฉ่ายเวยยิ้มและพูดว่า “จื่อเชียน ฉันไม่เป็นไร อีกอย่างงานเลี้ยงคืนนี้ก็สำคัญมากไม่ใช่หรอคะ”

หลี่จื่อเชียนมองเธอด้วยความห่วงใย เมื่อเห็นว่าเธอไม่เป็นไรแล้วจริงๆจึงไม่พูดอะไรอีก

เมื่อใกล้จะเข้าสถานที่จัดงาน เป้ยฉ่ายเวยก็ยิ้มอย่างมีความสุขขึ้นอีกครั้ง เดินเคียงคู่ไปกับหลี่จื่อเชียน ช้าๆเข้าไปในห้องโถง

เธอมองไปรอบๆงานเลี้ยง ไม่น่าแปลกใจกับความสิ้นเปลือง โคมไฟระย้าจากอิตาลี่ทั้งงดงามและสง่าแขวนอยู่กลางห้องโถง เป็นสไตล์คลาสสิกของศตวรรษที่ยี่สิบ

เสาหยกสีงาช้าง ตั้งตระหง่านอยู่บริเวณลานกลางงาน ทางเดินปูพรหมแดง บรรดาเหล่าคนดังและนักธุรกิจที่เห็นตามทีวีหลั่งไหลมาไม่ขาดสาย ทุกคนมีแวดวงของตัวเอง แบ่งแยกชนชั้นกันอย่างเด่นชัดและโหดร้าย

นี่เป็นปิรามิดของสังคม พวกเขาแต่ละคนอยู่ในพื้นที่ของตน ใจก็ทะเยอทะยานอยากไต่ขึ้นไปอีกชั้นหนึ่ง

“จื่อเชียน ลูกมาพบลุงเหมิงทางนี้หน่อย” คุณแม่หลี่ซึ่งอยู่ไม่ไกลกวักมือเรียกหลี่จื่อเชียน

หลี่จื่อเชียนจูงเป้ยฉ่ายเวยเดินหน้าไปด้วยกัน เป้ยฉ่ายเวยไม่ขยับเท้า เธอเห็นสีหน้าความไม่พอใจและความเย็นชาบนใบหน้าของคุณแม่หลี่ได้อย่างชัดเจน เธอปล่อยแขนหลี่จื่อเชียน แสร้งทำว่าไม่เป็นไรและพูดว่า “จื่อเชียน คุณไปก่อนเถอะ เดี๋ยวสักพักฉันตามไป”

“เป็นอะไรไป” หลี่จื่อเชียนหยุดถาม เขาไม่ทันได้สังเกตสายตาคุณแม่หลี่ เขาถึงได้ไม่ทันเห็นสายตาอันเมินเฉยของคุณแม่หลี่

เป้ยฉ่ายเวยยื่นมือไปแตะหู ทันใดนั้นเธอก็นึกขึ้นได้ถึงอะไรบางอย่าง เธอจึงค่อยๆดึงมือตัวเองลง “ฉันกลัวว่าซือซือจะหาฉันไม่เจอ ฉันจะรออยู่ตรงนี้ อีกเดี๋ยวค่อยตามไป”

เธอยังไม่สามารถเปลี่ยนพฤติกรรมเล็กๆน้อยๆขณะพูดโกหกได้ โชคดีที่จนถึงวันนี้ยังไม่มีใครรู้ว่าตอนที่เธอโกหกจะชอบจับติ่งหูเพื่อแก้เขิน

หลี่จื่อเชียนเหลือบมองกลับไปที่คุณแม่หลี่ซึ่งอยู่ไม่ไกล เขามองเป้ยฉ่ายเวยพร้อมกล่าวขอโทษ “โอเค ถ้างั้นผมเดินไปก่อน”

“อื้อ ฉันจะรีบตามไปนะ อย่าปล่อยให้คุณป้ารอนาน” เป้ยฉ่ายเวยยิ้มให้หลี่จื่อเชียน

หลี่จื่อเชียนเดินออกไปไกล ข้างกายเป้ยฉ่ายเวยก็เต็มไปด้วยคนแปลกหน้า บวกกับสายตาหื่นของชายหนุ่ม นั่นทำให้เธอรู้สึกอึดอัด

ก่อนนี้ข้างกายเธอยังมีจื่อเชียน พวกคนเหล่านั้นเลยไม่กล้าจับจ้อง แต่ว่าตอนนี้เธออยู่คนเดียว เดินหลบไปทางด้านข้างดีกว่า

เป้ยฉ่ายเวยคิดเช่นนั้น จึงเดินไปในทิศทางที่คนน้อยๆ แต่บางครั้งที่ยิ่งคิดจะไม่ก่อปัญหา กลับยิ่งต้องเผชิญกับปัญหา

“อ๊ะ ตาบอดหรือไง ชนคุณชายแล้ว”

ร่างเป้ยฉ่ายเวยยังไม่ทันได้หยุดยืน ก็พบว่าข้างๆถูกล้อมไปด้วยคนสองคน เธอไม่เคยพบคนตรงหน้ามาก่อน นี่จะมาไม้ไหนเนี่ย

“คุณ ฉันอยู่ข้างหลัง คุณอยู่ข้างหน้า จะชนกันได้ยังไง”

ชายคนนั้นพูดเถียงหัวชนฝา “ถ้าคุณไม่ได้ชนผม แล้วผมจะหยุดหรอ”

“คุณ….” ยังมีคนกลับขาวเป็นดำเช่นนี้อยู่ ยิ่งเป้ยฉ่ายเวยเห็นชายตรงหน้า ก็ยิ่งรู้สึกเหมือนว่าเคยเจอที่ไหนมาก่อน แต่ก็นึกไม่ออก

ชายคนนั้นชูคอขึ้น ลดเปลือกตาลง และมองเธอด้วยสายตาดูถูก พร้อมกับยิ้มเย้ย “ว่าไง คุณเป้ยลืมแล้วหรอ แค่ไม่เจอกันครึ่งปีเท่านั้น ก็ลืมผมแล้วหรอ”

“ว่านต้าเผิง” ถ้าไม่ใช่เพราะความทรงจำในวันนั้นยังสดใหม่ เป้ยฉ่ายเวยแทบจะลืมไปแล้วว่ายังมีบุคคลหมายเลขหนึ่ง เธอเผลอกวาดสายตาไปมองท่อนล่างของร่างกายเขา จากนั้นก็รู้สึกว่าทำเช่นนี้เป็นการไม่มีมารยาท จึงได้ละสายตากลับมาเธอถามเนิบๆ “คุณว่าน สบายดีไหม”กลายเป็นขันทีไปแล้วรึยังเมื่อวานต้าเผิงนึกขึ้นได้ว่าช่วงครึ่งปีที่ผ่านมานี้เขาไม่สามารถทำเรื่องอย่างว่าได้ แม้ข้างกายรายล้อมไปด้วยสาวงาม ทำเอาเขาเร่าร้อนจนต้องสบถออกมา การใช้ชีวิตเหมือนกับพระช่างเหมือนตายทั้งเป็น อีกนิดเสียงก็จะเปลี่ยนไปแล้วโชคดีที่ทุ่มเงินไปมาก เพื่อหาตัวผู้เชี่ยวชาญทางด้านบุรุษ จนในที่สุดเขาก็สามารถกู้เกียรติยศคืนมาได้ ถึงจะสามารถเรื่องอย่างว่าแล้ว แต่เมื่อนึกถึงความอัปยศในวันนั้น น้องชายของเขาก็อ่อนตัวลงเมื่อเขาคิดถึงเป้ยฉ่ายเวยก็กระตุ้นความเป็นชายขึ้นมา หลังจากสองสามครั้ง เขาจึงทนไม่ไหวต้องไปพบจิตแพทย์ จึงได้ทราบว่าเขาเป็นโรคจิตจากความบกพร่องทางเพศจะต้องพิชิตโรคนี้ให้ได้ ถึงจะกลายเป็นชายเต็มตัวไม่รู้ว่าคนใจดีคนไหนส่งข้อความให้เขา ว่าเป้ยฉ่ายเวยจะมาปรากฏตัวที่งานเลี้ยงในค่ำคืนนี้ ยังอนุญาตและส่งบัตรเชิญให้กับชายชราอย่างเขาอีกคืนนี้ เขาจะต้องจัดการหญิงตรงหน้าให้ได้ กู้เกียรติยศของชายชาตรี“เป้ยฉ่ายเวย คุณอย่าเข้าใกล้ผม”

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์