ตอนที่ 73 เรื่องของฉันไม่เกี่ยวกับคุณ
“เวยเวยฉันรู้ว่าเธอดีกับฉันที่สุด เธอจะไม่ปฏิเสธคำขอเล็กน้อยนี้ของฉัน เมื่อครู่ทำแบบนั้นก็แค่จะลองใจเธอ เธอคงไม่โกรธฉันหรอกใช่ไหม เวยเวย”
เมื่อได้ยินเป้ยฉ่ายเวยรับปาก อารมณ์ขุ่นเคืองของหนานฉิงก็เปลี่ยนเป็นรอยยิ้มในทันที
“อื้อ” เป้ยฉ่ายเวยยิ้มให้อย่างไม่เต็มใจนัก เธอเท่านั้นที่รู้ดี ว่ารอยยิ้มนี้มันยากเย็นเพียงใด
“ถ้างั้นเรื่องนี้ต้องฝากเธอด้วยนะ ฉันจะรอฟังข่าวดีจากเธอ” หนานฉิงกระพริบตาและพูด
“ได้” เป้ยฉ่ายเวยพยักหน้า
…
“เธอต้องบ้าไปแล้วแน่ๆที่จะไปทำเรื่องไร้สาระแบบนี้”
ซือซือเดินกลับไปกลับมาในห้องนั่งเล่น เธออยากจะเปิดหัวสมองของเป้ยฉ่ายเวยดูจริงๆ อยากรู้ว่าข้างในมีแต่ปุยนุ่นรึเปล่า
หนานฉิงนังตัวร้ายนั่นแค่ต้องการใช้เป้ยฉ่ายเวยเป็นสะพาน แต่ที่เธอโมโหก็คือเป้ยฉ่ายเวยกลับตกปากรับคำ
“ซือซือเธออย่าเว่อร์ไปหน่อยเลยก็แค่ช่วยนิดหน่อยเอง…” เป้ยฉ่ายเวยเห็นซือซือทำแววตาดุร้าย จนเธอต้องเงียบเสียงไป
อยู่ดีๆซือซือก็ตะโกนร้องออกมา “เวยเวยนะ…”
“อื้อ” เป้ยฉ่ายเวยมองอย่างไม่เข้าใจ
“มีสมองหน่อยได้ไหม” ซือซือพูดต่อไปเบาๆ
ยังไงนะ เป้ยฉ่ายเวยสงสัย
“เพราะว่าเธอไม่มีสมองไงถึงได้ตกลงรับปากเรื่องแบบนี้ได้น่ะ” ซือซือเดินไปสองสามก้าวและหยุดตรงหน้าเป้ยฉ่ายเวย เธออยากจะเห็นข้างในหัวของหล่อนซะจริงว่ามีอะไรพังรึเปล่า ช่างอับจนหนทาง
“ฉันมีสมองนะ” เป้ยฉ่ายเวยเถียงเสียงเบาๆ
“เป้ยฉ่ายเวยไหนเธอพูดอีกทีซิ!” คนมีสมองพอถูกคนพูดสองสามคำก็ตกลงรับปากไปทำเรื่องแบบนี้หรอ
เป้ยฉ่ายเวยไม่พูดอะไร เธอรู้ว่าซือซือเป็นห่วงเธอ แต่ว่าก็ไม่รู้ว่าจะปฏิเสธคำขอของหนานฉิงได้อย่างไร ไม่ใช่แค่ความเป็นเพื่อน แต่เธอยังมีความรู้สึกผิดอีกด้วย
“ฉันไม่รู้จะพูดกับเธอยังไง เธอคบกับฉูเจ๋อหยางมาสามปี เธอปิดหูปิดตาข้างหนึ่ง เพราะว่าพวกเธอสองคนก็โสดทั้งคู่ ถ่านไฟเก่าจะคุรึเปล่าก็ไม่มีใครรู้ได้”
ซือซือถอนหายใจเบาๆและเอนกายพิงโซฟา ดวงตาตันเฟิ่งจ้องมองไปที่โคมไฟระย้าเหนือศีรษะ
“รู้จักเธอมาก็หลายปี สมองเธอก็ไม่เหมือนกับคนทั่วไป ฉันรู้ว่าทำไมเธอถึงรับปาก แต่ว่านะเวยเวย เธอไม่จำเป็นต้องรู้สึกผิดกับผู้หญิงคนนั้น เพราะว่าเธอไม่ได้ติดหนี้อะไรหล่อน”
ซือซือละสายตากลับมามองที่หญิงสาวข้างๆ “เธอเข้าใจรึเปล่า”
เป้ยฉ่ายเวยจ้องมองสายตาที่จริงจังของซือซือและพยักหน้า “ฉันเข้าใจ”
“เข้าใจก็ดี เธอไปปฏิเสธเรื่องนี้ซะไป” ไม่ต้องเสียเวลาโน้มน้าวเธอเรื่องไม่เป็นเรื่องทั้งคืน
เป้ยฉ่ายเวยส่ายหัว “นี่จะเป็นเรื่องสุดท้าย ซือซือ”
“เธอนี่มัน… ช่างแล้ว เอาไงก็ตามใจเธอแล้วกัน ฉันไปพักผ่อนล่ะ” ซือซือหายใจไม่ออก เธอได้แต่เดินส่ายหัวไปที่ห้องของตัวเอง เมื่อถึงห้องเธอก็หยุดชะงักลง
เธอหันไปพูดทิ้งท้ายอีกประโยค “เวยเวย ถ้าหากว่าเธอไม่เต็มใจ ก็ต้องรู้จักหัดปฏิเสธ ไม่อย่างนั้นคนที่เจ็บก็คือตัวเธอเอง”
เป้ยฉ่ายเวยมองตามหลังหล่อนไป ได้ยินเสียงปิดประตูเบาๆ เธอก็นั่งเอนหลังลงไป
เธอไม่ต้องการรู้สึกผิดกับหนานฉิงจึงได้จบความสัมพันธ์กับฉูเจ๋อหยาง เธอไม่สามารถมองเห็นอะไรได้อย่างแจ่มชัด
ห้องนั่งเล่นเงียบสงบ มีแต่เธอเท่านั้นที่นั่งอ้างว้างอยู่ภายใต้แสงไฟ ไม่รู้จะหนีไปไหน
เป็นเวลานาน กว่าที่เป้ยฉ่ายเวยจะขยับกายไปที่ห้องอื่น
ในห้องมืดมีเพียงแสงอันอบอุ่นส่องอยู่บนเตียงเท่านั้น สะท้อนให้เห็นใบหน้าของเด็กน้อยผู้ไร้เดียงสา
เขาเป็นเหมือนเครื่องช่วยชีวิตหนึ่งเดียวของเธอเท่านั้น
เป้ยฉ่ายเวยเดินไปที่ข้างเตียงและนั่งลง เธอเอื้อมมือออกไปลูบผมบนหน้าผากเขา และจ้องมองใบหน้าที่หลับใหลด้วยสายตาที่อ่อนโยน หัวใจเธอก็สงบนิ่งลง
น่าเสียดายที่เธอไม่สามารถอยู่ต่อได้ในคืนนี้
เป้ยฉ่ายเวยโน้มตัวลงจูบที่หน้าผากอันเนียนเรียบและกระซิบเบาๆ “ราตรีสวัสดิ์ รุ่ยรุ่ยของแม่”
กว่าจะออกจากอพาร์ทเม้นต์ซือซือก็เป็นเวลาเกือบสองนาฬิกา
เป้ยฉ่ายเวยนึกขึ้นได้ว่ายังไม่ได้คุยกับหลี่จื่อเชียนเลย เธอจึงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาอย่างรวดเร็ว เธอถึงได้รู้ว่าโทรศัพท์เธอแบตหมดแล้ว
เธอเขกกะโหลกตัวเอง ไม่รู้ว่าวันวันคิดแต่เรื่องอะไร
เธอคิดว่ารีบกลับไปจะได้ส่งข้อความบอกจื่อเชียนสักหน่อย
เป้ยฉ่ายเวยเดินยังไม่ถึงลิฟต์ ที่ประตูก็เห็นเงาร่างสูงใหญ่ของผู้ชายคนหนึ่ง ในมือเขาก็ยังถือกล่องกระดาษ
“เวยเวย คุณกลับมาแล้ว”
“จื่อเชียน คุณอยู่ที่นี่ได้อย่างไร” เป้ยฉ่ายเวยตกใจ
“เพราะว่ามือถือคุณติดต่อไม่ได้ ผมก็เลยรอคุณอยู่ที่นี่ไง” หลี่จื่อเชียนพูดอย่างเป็นธรรมชาติ
“รอฉันหรอ ดึกขนาดนี้แล้วทำไมคุณยังไม่กลับไปอีก โทรศัพท์ของฉันแบตหมด ขอโทษด้วยนะคะ ที่ทำให้เป็นห่วง” เป้ยฉ่ายเวยไม่คิดว่าหลี่จื่อเชียนจะมารอเธอที่นี่ และยังรอจนกระทั่งถึงตีสอง
“ไม่เป็นไร เห็นคุณกลับมาผมก็สบายใจแล้ว นี่กล่องของคุณผมเอากลับมาให้” หลี่จื่อเชียนยิ้มให้เธอเหมือนแสงแดดในยามเช้า ทำให้คนอยากตามเข้าไปในลำแสงอันอบอุ่นนั้น
นัยน์ตาของเป้ยฉ่ายเวยเปียกชื้น “จื่อเชียนความจริงแล้วคุณไม่ต้องรอฉันที่นี่ก็ได้ พรุ่งนี้ฉันไปเอาก็เหมือนกัน”
ความเป็นห่วงของชายคนนั้น ยิ่งทำให้เธอไม่สบายใจยิ่งขึ้น
เธอกรีดร้องขึ้นในใจ
----เป้ยฉ่ายเวยเธอทำอะไรอยู่ กับฉูเจ๋อหยางก็ยังไม่ชัดเจน ยังจะลากหลี่จื่อเชียนเข้ามาเป็นกังวลใจอีก
“ไม่เป็นไร เรื่องเล็กน้อย ผมเห็นคุณกลับมาแล้วก็สบายใจหน่อย” หลี่จื่อเชียนไม่ได้บอกเป้ยฉ่ายเวยว่าเขาโทรหาเธอทั้งหมดสามสิบกว่ารอบ ทุกครั้งได้ยินแต่เสียงเครื่องตอบรับ
เขาเป็นห่วงเธอจนร้อนใจ แต่ว่ามันไม่สำคัญแล้ว เธอกลับมาอย่างปลอดภัยก็พอ
“ขอบคุณนะจื่อเชียน”เป้ยฉ่ายเวยรับกล่องจากมือเขาและกล่าวอย่างกระตือรือร้น “ดึกมากแล้วคุณรีบกลับไปพักผ่อนเถอะนะ พรุ่งนี้กลางวันฉันจะเลี้ยงข้าวคุณเป็นการขอโทษ”เธอไม่กล้าสบตาเขา กลัวว่าเขาจะสังเกตเห็นความผิดปกติในสายตาเธอ ถ้าเป็นอย่างนั้นจะยิ่งทำให้จื่อเชียนเป็นกังวลใจกับเธอมากยิ่งขึ้น“ได้” หลี่จื่อเชียนกระพริบตาและพยักหน้าช้าๆ “เวยเวย คุณก็รีบพักผ่อนล่ะ”“อื้อ” เป้ยฉ่ายเวยมองส่งจนกระทั่งจื่อเชียนขึ้นรถไป จากนั้นเธอก็หันกลับไปทางห้องพักของตัวเองเพียงแต่ว่าทุกขั้นทุกตอนนั้นเธอดูหมดเรี่ยวแรงมาก เหมือนกันถูกหินทองคำพันชั่งทับเอาไว้ มันหนักจนเธอหายใจแทบไม่ออกเป้ยฉ่ายเวยหยิบกุญแจออกจากกระเป๋าอย่างเหม่อลอย ยังไม่ทันได้เข้าประตู ทันใดนั้นเธอก็ได้ยินเสียงอันเย็นชาดังมาจากทางด้านหลัง“เป้ยฉ่ายเวย คุณทำให้ผมต้องประเมินคุณใหม่ อาลัยอาวรณ์กันมาก ทำไมไม่พาเขากลับมาด้วยล่ะ”เป้ยฉ่ายเวยอึ้งจนกำกุญแจแน่น เธอออกแรงกดมากไปจนนิ้วกลายเป็นสีเขียว การกระทำนี้ใช้เวลาเพียงสองวินาทีเธอแกล้งทำเป็นเปิดประตูต่อเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น “เรื่องของฉันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณ”ไม่เกี่ยวรึ ได้ นัยน์ตาฉูเจ๋อหยางส่อประกายวับ ระหว่างที่เป้ยฉ่ายเวยเข้าประตูไป เขาก็ดึงตัวเธอออกมา โดยเอาขาข้างหนึ่งยันประตูเอาไว้“ปัง” เสียงดังขึ้น เสียงดังก้องในหูเป้ยฉ่ายเวยเธอเงยหน้าขึ้นมองผู้ชายคนนั้นด้วยความโกรธ “ฉูเจ๋อหยางคุณทำอะไรน่ะ”
copy right hot novel pub