มีคำพูดที่เป็นกระแสระบาดภายในราชวงศ์ต้าเซี่ยว่า:ราชวงศ์ก้มมองสรรพสัตว์
ในความเป็นจริงไม่ใช่เรื่องพิลึกมหัศจรรย์อย่างนิยายบรรลุเซียนอะไรแบบนั้น เอะอะก็จะเหยียบยืนอยู่เหนือสรรพสัตว์ให้อยู่ใต้ธุลี
แต่ความเป็นจริงในสังคมโลกปัจจุบัน คงไม่มีใครกล้าจะพูดว่า ‘ก้มตามองสรรพสัตว์’ อีกแล้ว
เพราะคำพูดวลีนี้มีน้ำหนักไม่ใช่น้อย ไม่ว่าจะต้องมีในเรื่องการเงิน หรือตำแหน่งบรรดาศักดิ์ และหรืออำนาจอิทธิพล ล้วนต้องมากพอให้ผู้คนแหงนหน้ามอง----ยิ่งกว่านั้นคือการยอมทำใจ
มองเงินทองเสมือนกองขี้ มองยศถาบรรดาศักดิ์เป็นเรื่องตลก จึงคู่ควรกับการที่จะพูดว่า ‘ก้มตามองสรรพสัตว์’ ได้
ในวงการการต่อสู้ก็เหมือนกัน
ฉินจิ่วจิงเป็นยอดฝีมือระดับอัจฉริยะของราชวงศ์ตระกูลฉิน มาถึง ณ ปัจจุบัน ยังไม่เคยลิ้มรสของการแพ้
นี่ก็เป็นส่วนหนึ่งที่ทำให้เขาคิดว่าไร้คู่ต่อสู้ในราชวงศ์แล้ว ก็เท่ากับเป็นผู้ไร้เทียมทานไปทั่วทั้งแผ่นดิน
เขาได้มีพันธสัญญาในการร่วมมือบางอย่างกับฉินโช่ววง คนหลังนี้รู้ถึงว่าในคืนนี้ฉินกวนฉีคงต้องอดกลั้นไม่อยู่ จะต้องลงมือกับฉินผู่หยาง จึงได้สั่งให้ฉินจิ่วจิงซ่อนตัวอยู่ในตู้ ก็เพื่อจะปฏิบัติการให้บรรลุผลในเรื่องที่ไม่มีใครคาดคิดนี้
แต่แล้ว มันก็เป็นสิ่งที่เหนือคาดคิดจริง ๆ
ผู้ที่ให้รู้สึกเหนือคาดคิดนั้น คือฉินจิ่วจิง
เขาคิดไม่ถึงเลยว่า คนกระจอก ๆ คนหนึ่งที่นับไม่ได้แม้ตระกูลหลวง จะกดดันเขาได้อย่างมหาศาล!
ใช่เลย
เผชิญหน้ากับการโถมโจมตีอย่างถล่มทลายนี้ ฉินจิ่วจิงให้รู้สึกถึงความกลัวแล้ว
เม็ดหมากรุกรวมกันถึงแปดเม็ด แต่ละเม็ดล้วนแล้วแต่จะพุ่งใส่จุดสำคัญของร่างกาย จะให้โดนเข้าให้แม้เพียงเม็ดเดียวก็ไม่ได้ มิฉะนั้นสถานการณ์ก็กำหนดได้ไว้ว่าต้องตายแน่นอน
ฉินจิ่วจิงให้รู้สึกจำเป็นต้องวิเคราะห์เด็กหนุ่มคนนี้ใหม่แล้ว ร่างกายเขาเครียดตึงขึ้นกล้ามเนื้อของเขาเบ่งพองเป็นเสมือนมังกรห้าว ขนลุกชี้ชัน ตั้งการ์ดพร้อมรับการจู่โจมที่ร้ายกาจ
เขาสปีดความเร็วไปถึงขีดสุด หลบพ้นเม็ดหมากรุกทั้งแปดนั้นอย่างเฉียดฉิวในที่สุด
เฟี้ยว ๆ ๆ !
เม็ดหมากรุกทั้งแปดเม็ดนั้นพุ่งผ่านร่างกายเขาไปแค่เพียงเฉียดยิ่งไปกว่าเฉียด ผนังที่อยู่ข้างหลังของเขา ปรากฏเป็นรูโหว่ดำมืดแปดรู
ในวินาทีนั้น ทุกคนทั้งหมดตาลุกค้าง สีหน้าบ่งให้เห็นเต็มด้วยความเหลือเชื่อ
ไม่ว่าจะเป็นฉินเจียนเวย หรือฉู่หยัง หรือกับฉินผู่หยาง ต่างลุกยืนขึ้น ขยับหลบไปข้างหลังถังเฉา
ในสายตาของพวกเขา พวกเขายังไม่ทันเห็นเลยแม้กระทั่งแนวเส้นทางของเม็ดหมากรุก ความเร็วนั้นเหนือที่จะจับเห็นได้ด้วยตาเปล่าของมนุษย์
ฉินโช่ววงยังถึงกับผวางง เขาคิดไม่ถึงเลยว่า ฝีมือถังเฉาจะเก่งกาจถึงเพียงนี้
แต่ทว่า ในความคิดที่เขามอง ยังคงว่าเทียบกับยอดฝีมือจากตระกูลราชวงศ์ตระกูลฉินที่เขาเอามาไม่ได้
“จิ่วจิง เจ้ามัวออมมือไว้ทำไม?จัดการฆ่ามันทิ้งไปเลย!”
ฉินโช่ววงตวาดเสียงทุ้มหนัก
เขารู้สึกว่า ที่ฉินจิ่วจิงตกอยู่สภาพเบี้ยล่างนั้น เพราะถูกถังเฉาชิงเปรียบลงมือก่อน และฉินจิ่วจิงยังออมมือให้
“……”
ฉินจิ่วจิงเหมือนอมขมอยู่ในปากพูดไม่ออก ตาข้างไหนของแกเห็นข้าออมมือ(วะ)?
ถังเฉาเขาเพียงยังนั่งอยู่กับที่ ขยับฝีมือแค่ดีดนิ้ว ก็เล่นเอาตัวเขาต้องงัดเอาพลังฝีมือออกมาทั้งหมด จึงได้หลบพ้นเม็ดหมากรุกที่พุ่งใส่จุดตายได้อย่างหวุดหวิด
ใครเก่งใครด้อย มองทีเดียวก็รู้
ยิ้มบนใบหน้าถังเฉาดูข้นขึ้นอีก “ไม่ผิดเลย พลังฝีมือของยอดฝีมือในตระกูลราชวงศ์ ไม่ทำให้ข้าผิดหวังเลย ข้าก็ได้ประมาณรู้ชัดได้แล้วถึงระดับมาตรฐานอยู่ตรงไหน”
ได้ยินที่เขาพูดมา หน้าของฉินจิ่วจิงอับแสงไปเลย ฉินโช่ววงยิ่งโกรธเป็นฟืนไฟ
เขาเล่นเอาฝีมือฉินจิ่วจิงมาวางเป็นเพียงระดับมาตรฐานระดับหนึ่ง
“โอหัง!”
ใบหน้าฉินจิ่วจิงเต็มไปด้วยแววฆ่า รวมพลังในกายเต็ม เตรียมมุ่งสังหารยังถังเฉา
ฉูหยังถลันขึ้นมาขวางข้างหน้า ตวาดว่า “ข้าบอกแล้ว ใครคิดจะลงมือกับคุณถัง ผ่านด่านข้านี้ไปก่อน!”
“รนหาที่ตาย!”
แววฆ่าในตาของฉินจิ่วจิงถูกโหมกระพือหนักขึ้น “ไม่คิดว่าแม้หมูหมากาไก่ยังกล้ามาซ่ากับตระกูลราชวงศ์?แกถือดีอะไรมายืนขวางหน้าข้า?”
พูดจบ สะบัดมืออันกว้างหนา มุ่งเข้าคว้าจับฉู่หยัง
แต่เพียงแค่ลงมือ ก็มีเม็ดหมากรุกบินพุ่งมาอีกสองเม็ด
เฟี้ยว เฟี้ยว!
หนึ่งขาวหนึ่งดำสองเม็ดหมากรุกพุ่งใส่ไปที่หน้าฉินจิ่วจิง เฉียดไปเพียงแค่เส้นยาแดงผ่าแปดก็จะซัดทะลุฝ่ามือฉินจิ่วจิง
คนที่พูดถึงในทีหลังนี่หยุดมือกึกเหมือนถูกสะกด ค้างอยู่เหนือบนหัวของฉู่หยัง ชะงักนิ่งไม่กล้าขยับลงคว้าจับต่อ
ถังเฉายังคงนั่งวางตัวสบายอยู่กับโซฟา ในมือขยับเม็ดหมากรุกดำขาวเล่น ดูเหมือนยิ้มแต่ไม่ได้ยิ้มมองไป พูดว่า “ถ้าใจกล้า ก็ลงมือใส่เขา ที่นี่ไม่มีอะไรอย่างอื่น อย่างมากก็แค่เม็ดหมากรุกที่เห็น”
“……”
ฉินจิ่วจิงชักมือถอยกลับด้วยสีหน้าที่ข้องใจ ในตายังคงจรัสส่องด้วยประกายฆ่า
เขาคาดเดาเห็นแล้วว่า ถังเฉาไม่ได้มีความตั้งใจจะสู้กับเขาเลย เพียงใช้เม็ดหมากรุกพวกนี้เป็นอาวุธลับ ซัดสู้กับเขาในระยะไกล
แต่ฉินจิ่วจิงนั้นจะมีเปรียบกว่าในการต่อสู้ประชิดตัว ถ้าเป็นตามรูปแบบนี้ จะเกิดเป็นข้อจำกัดในส่วนจะได้เปรียบของเขาเป็นอย่างมาก
ฉินโช่ววงก็ได้มองเห็นถึงจุดนี้ มองถังเฉาอย่างเกรี้ยวกราด “เจ้าเด็กน้อย แกเป็นแต่หาเก็บเศษเล็กเศษน้อยคอยจ้องฉวยโอกาสหรือไง จะกล้าจริงออกมาสู้กันจะ ๆ กับจิ่วจิงสักหลายยกมั้ยหละ?”
ถังเฉาลุกยืนขึ้น “ผมไม่เพียงแต่จะกล้าสู้กับเขากันอย่างจะ ๆ สักหลายยก ผมยังกล้าเข้าไปตบท่านอย่างจะจะสักสามฉาดด้วย”
พูดยังไม่ทันได้ขาดคำ ร่างของถังเฉาพลันหายไปจากที่เดิม ชั่วแวบต่อมา ไปปรากฏตัวอยู่ตรงข้างหน้าฉินโซ่งเวิงอย่างภูตผี
ผลัวะ ผลัวะ ผลัวะ!
สามฝ่ามือจัง ๆ อย่างแรงขึ้นในแต่ละครั้ง อย่างโหดขึ้นในแต่ละที ซัดเอาฉินโช่ววงเลือดกบปาก ฟันร่วงไปหลายซี่
ผึง!
ฉินโช่ววงกระเด็นลอยไปเหมือนว่าวสายป่านขาด หากแม้นไม่ใช่ฉินจิ่วจิงตาไวมือฉกาจรับไว้ก่อน ผู้ที่มีวัยสูงถึงแปดสิบลอยออกไปนั้น คงได้ฝังกันตรงนั้นเป็นแน่แท้
“แกนี่ลงมือได้แม้กระทั่งคนแก่!”
ฉินจิ่วจิงมองหน้าถังเฉาอย่างเกรี้ยวกราด
ถังเฉาหัวเราะเหอ ๆ ย้อนกลับนั่งลงบนโซฟา “พวกคุณจะฆ่าผม แล้วทำไมผมจะต้องออมมือด้วย?”
ฉู่หยังมองฉากเหตุการณ์นี้อย่างตื่นตา ก่อนนี้ตั้งแต่ในงานแต่งงานของเย่หรูอี้กับถังหลิน เขาก็รู้อยู่แล้วว่าถังเฉาก็คือ ‘เจ้ามังกร’ ม้ามืดจากงานประชุมแดนเหนือ ตอนนี้มีเขาเป็นผู้คุ้มครอง ใครรึจะกล้าลงมือกับเขา?
มึคำพังเพยว่าไว้อย่างดีว่า ตีหมาก็ยังต้องดูหน้าเจ้าของ ตอนนี้ ฉู่หยังก็ยินดีแล้วที่จะเป็นหมาให้ถังเฉา
ฉินผู่หยางมองหน้าฉินโช่ววงด้วยสีหน้าที่สับสน อ้าปากจะเรียก แต่เมื่อคิดไปถึงสภาวการณ์ที่เป็นปฏิปักษ์กันในขณะนี้ คงยังต้องหุบปากลง
ไม่ว่าฝ่ายไหนจะชนะ หลังอรุณรุ่ง ตระกูลหลวงตระกูลฉินก็จะต้องมีการเปลี่ยนแปลง
เจ้าเดิมตายไป เจ้าใหม่แต่งตั้งมา หรือเจ้าเดิมจะคงอยู่ ยังไม่สามารถตัดสินได้
ผ่านไปนานมาก ฉินโช่ววงคืนสติมาด้วยเลือดที่กบปาก ท่าทางโหดเหี้ยมน่ากลัว
เขา จ้องเขม็งที่ถังเฉา เป็นถึงหัวหน้าตระกูลหลวงตระกูลฉิน ผ่านร้อนฝนลมหนาวนับไม่ถ้วน กลับปล่อยให้ไอ้เด็กวานซืนมาหยามเหยียบศักดิ์ศรีได้
ลำพังเพียงฉินจิ่วจิงคนเดียว ยังไม่เพียงพอ
ฉินโช่ววงคิดแล้วต้องใช้ไพ่ทุกใบทั้งหมด ขอเพียงเอาให้ถังเฉาตาย
“ขอเรียนเชิญท่านมู่ลงมือด้วย!”
ฉินโช่ววงสะบัดผมกระจายแหงนหน้ากู่ก้องไปบนท้องฟ้า เสียงแหบพร่าเหมือนผีห่าซาตานกรีดร้อง สะท้อนก้องไปตามระเบียงทางเดินบรึม!พอได้สิ้นเสียง อาจจะด้วยประสาทหลอนของทุกคนที่อยู่ในบริเวณ ทั่วทั้งพื้นที่จัดงานชมรมหมากรุกเป่ยโต่วเหมือนเกิดแผ่นดินไหว สั่นคลอนวูบวาบดุจมีอานุภาพที่ยิ่งใหญ่ไปถึงสุดขอบฟ้า ประหนึ่งว่าคลื่นสึนามิตลบม้วนเป็นระลอกกลับไปมา ชั่วพริบตาครอบคลุมไปทั่วงานชมรมหมากรุกเป่ยโต่วในเวลาเดียวกันนั้น ทุกคนต่างให้รู้สึกว่าเหมือนถูกบีบคอ ความรู้สึกหนักอึ้งจนหายใจไม่ออก ให้มองเห็นแต่ความสิ้นหวัง “คุณท่านมู่?หรือว่าจะเป็น......”ฉินผู่หยางเหมือนคิดอะไรขึ้นมาได้ ดวงตาหดเล็กลงจนเหลือเป็นจุด หน้าเผือดซีดลงคำที่จะพูดต่อ กลับทำยังไงก็พูดไม่ออก“คุณผู้เฒ่าฉิน ข้าคนแซ่มู่คนนี้ค้างหนี้น้ำใจของท่าน แต่ก็เหลืออยู่เป็นครั้งสุดท้ายแล้วนะ คิดให้ดี”ภายนอกบริเวณงาน เสียงแหบแห้งแต่ดังกังวานดังขึ้น เสียงครึกโครมสะเทือนแก้วหู สั่นสะท้านถึงทุกวิญญาณฉินโช่ววงตะโกนเสียงคำรามอย่างบ้าคลั่ง “ข้ารู้ และก็เป็นการร้องขอเป็นครั้งสุดท้ายของข้า ช่วยข้าฆ่ามันทิ้งเสีย!”เสียงเงียบไปครู่หนึ่ง แล้วเริ่มดังขึ้นอีกครั้ง“ให้เป็นไปตามที่เจ้าต้องการ”คุณมู่นั้นเป็นใครกันหรือ?รองจากเจ้ามังกร หนึ่งในผู้พิทักษ์สี่แดนแดนตะวันตก ผู้ที่ประจำการอยู่แดนตะวันตก มู่ตงเฟิง!
copy right hot novel pub