โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

The king of War

บทที่ 2262 ตัวตนเปิดเผย

ในไม่ช้า คำสั่งไล่ตามฆ่าได้แพร่กระจายไปทั่วทั้งโลกบู๊โบราณกลาง ภาพวาดของหยางเฉินแต่ละภาพ ปรากฏไปทั่วทุกที่ของโลกบู๊โบราณกลาง

“คนหนุ่มคนนี้ มาจากโลกมนุษย์จริงๆ?”

“โลกมนุษย์ไม่ใช่ว่าเป็นผืนดินไร้ประโยชน์ที่ชี่ทิพย์บำเพ็ญเพียรเหือดแห้งหรอกเหรอ? คนหนุ่มหยางเฉินคนนี้มองดูไปอายุไม่ถึงสามสิบ คาดไม่ถึงว่าจะมีกำลังรบเทียบเคียงแดนนภาขั้นห้าชั้นปลายแล้ว?”

“พรสวรรค์ด้านบูโดแบบนี้ เกรงว่าทั่วทั้งโลกบู๊โบราณกลาง คงจะหาคนที่สองไม่ได้แล้วละมั้ง? แต่ว่าที่น่าเสียดายก็คือ คาดไม่ถึงว่าเขาเป็นผู้ฝึกมารคนหนึ่ง ตอนนี้ยังถูกสำนักเทียนไห่ไล่ตามฆ่า เกรงว่าคงอีกไม่นาน ก็จะตายอย่างไรที่ฝัง”

......

ทั่วทุกแห่งของสำนักเทียนไห่ ต่างก็ได้ยินเสียงวิพากษ์วิจารณ์ในทำนองเดียวกัน

อย่างไรก็ตามม่านพลังระหว่างโลกบู๊โบราณกลางกับโลกมนุษย์กำลังพังทลายลงอย่างต่อเนื่อง อีกไม่นานแล้ว ทั้งาองโลกก็จะต้องราวกันเป็นโลกเดียวโดยสิ้นเชิง นักบูโดจำนวนมากมายกำลังวางแผนร้าย อยากจะรีบเข้าสู่โลกมนุษย์

ในขณะเดียวกัน หนึ่งในสำนักชั้นยอดของโลกบู๊โบราณกลาง สำนักเหอฮวน

ภายในหอเล็กสองชั้นที่หรูหราที่โดดเดี่ยวหลังหนึ่ง หญิงสาวที่เยาว์วัยสวยงามคนหนึ่ง ในมือกำลังถือภาพวาด ใบหน้าเต็มไปด้วยน้ำตา

หญิงสาวจ้องมองผู้ชายในภาพด้วยความอ่อนโยน กล่าวพึมพำ: “ที่รัก นี่คุณกำลังมาตามหาฉันงั้นเหรอ?”

หญิงสาวไม่ใช่ใครอื่น ก็คือฉินซี และชายหนุ่มในภาพวาดที่อยู่ในมือ ก็คือหยางเฉิน

เพียงแต่ เมื่อนึกถึงเนื้อหาที่อยู่ในภาพวาด ใบหน้าก็เธอก็เต็มไปด้วยความกังวลอีกครั้ง

ถึงอย่างไรที่นี่ก็คือหนึ่งในสำนักชั้นยอดของโลกบู๊โบราณกลาง หยางเฉินได้ถูกสำนักเทียนไห่ไล่ตามฆ่าแล้ว วันพรุ่งนี้ก็คือวันที่เจ้าสำนักน้อยของสำนักเหอฮวนจะมาสู่ขอแล้ว ถ้าหากหยางเฉินปรากฏตัวขึ้นในสถานการณ์แบบนี้ ต่อให้พาเธอออกไปจากสำนักเทียนไห่ ต่อไปก็จะถูกสำนักเทียนไห่และสำนักเหอฮวนไล่ตามฆ่าด้วยกัน

ทั้งสองสำนักนี้ เป็นสำนักชั้นยอดของโลกบู๊โบราณกลาง!

ตอนที่เธอกำลังเป็นห่วงหยางเฉิน เมืองไป๋หู่ ที่ระยะห่างใกล้กับสำนักเหอฮวนที่สุด

หยางเฉินที่ปลอมหน้า เงยหน้าขึ้นจ้องมองคำสั่งไล่ตามฆ่าใบหนึ่งที่แปะอยู่บนกำแพง สีหน้าไม่น่าดูเป็นอย่างยิ่งขึ้นมา

เขารู้ว่าสำนักเทียนไห่จะต้องโกรธเป็นฟืนเป็นไฟ แล้วก็รู้ด้วยเช่นกันว่าสำนักเทียนไห่จะต้องไม่ปล่อยตนไปแน่ แต่กลับคิดไม่ถึงว่า สำนักเทียนไห่จะออกคำสั่งไล่ตามฆ่า ให้เงินรางวัลไล่ตามฆ่าเขาหินอาถรรพ์สิบล้าน

ที่โลกบู๊โบราณกลาง หินอาถรรพ์สิบล้านก็คือเงินมหาศาลก้อนหนึ่ง ต่อให้เป็นครอบครัวที่ฐานะร่ำรวยปานกลาง ก็พอที่จะใช้ไปตลอดชีวิต

“สำนักเทียนไห่ช่างหน้าใหญ่เสียจริง คาดไม่ถึงว่าจะให้เงินรางวัลไล่ตามฆ่าคนหนุ่มคนหนึ่งด้วยหินอาถรรพ์สิบล้าน เมื่อทอดสายตามองไปทั่วทั้งโลกบู๊โบราณกลาง นับว่าเป็นครั้งแรกเลย!”

ในเวลานี้เอง ข้างกายของหยางเฉิน มีชายหนุ่มที่สวมชุดหรูหราคนหนึ่ง เอามือไพล่หลัง จ้องมองคำสั่งไล่ตามฆ่ากล่าว

น้ำเสียงของชายหนุ่ม ดึงดูดความสนใจของหยางเฉิน

อีกฝ่ายมองดูไปอายุประมาณสี่สิบปี บนร่างกายกลับมีลมปราณที่แข็งแกร่งที่ไม่ค่อยชัดเจนกลุ่มหนึ่งแผ่ซ่านออกมา แม้แต่หยางเฉิน ก็รู้สึกได้ถึงแรงกดดัน

เห็นได้ชัดว่า พละกำลังของอีกฝ่ายไปบรรลุไปถึงแดนนภาขั้นหกแล้ว

อายุน้อยแบบนี้ ก็บำเพ็ญเพียรจนถึงแดนนภาขั้นหกแล้ว สามารถอธิบายได้ว่า พรสวรรค์ด้านบูโดของอีกฝ่ายน่ากลัวมากเพียงใด แม้แต่ม่อชิงซิวของสำนักเทียนไห่ ก็เทียบไม่ติด

หยางเฉินคาดเดา อีกฝ่ายอยู่ที่ทั่วทั้งโลกบู๊โบราณกลาง คงจะถือว่าเป็นบูโดอัจฉริยะชั้นยอด

“สหายท่านนี้ มองดูไปไม่ค่อยคุ้นหน้าเท่าไหร่”

ในเวลานี้เอง อยู่ๆอีกฝ่ายก็มองมาทางหยางเฉิน ด้วยใบหน้าที่มีรอยยิ้มสง่างามอ่อนโยน

จากบนตัวของหยางเฉิน เขาสัมผัสได้ถึงแรงกดดันที่น่าประหลาดกลุ่มหนึ่ง แรงกดดันประเภทนี้ มีเพียงแค่นักบูโดที่อยู่ในแดนเดียวกัน หรือว่าแข็งแกร่งกว่าเขาเท่านั้น ถึงจะมี

แต่ว่าบูโดอัจฉริยะระดับนี้ เขารู้ว่า ไม่เคยพบหยางเฉินมาก่อน

หยางเฉินเอ่ยกล่าวได้ใบหน้าไร้ความรู้สึก: “โลกบู๊โบราณกลางใหญ่ขนาดนี้ คุณจะรู้จักทุกคนได้ยังไง?”

“ฮ่าฮ่า!”

ชายหนุ่มหัวเราะเสียงดังทีหนึ่ง จากนั้นก็เป็นฝ่ายกล่าวแนะนำตัวเอง: “เธอพูดไม่ผิด ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นก็ทำความรู้จักกันหน่อยเถอะ!”

“ผมชื่ออู๋จื่อจิ้ง คนของตระกูลอู๋แห่งโลกบู๊โบราณกลาง ไม่ทราบว่าสหายเป็นใคร?”

เมื่อได้ฟังอีกฝ่ายแนะนำตัวเอง ภายในใจของหยางเฉินก็แอบประหลาดใจ ตระกูลอู๋แห่งโลกบู๊โบราณกลาง วงศ์ตระกูลชั้นยอดของโลกบู๊โบราณกลางที่แท้จริง แม้แต่สำนักชั้นยอดอย่างสำนักเทียนไห่และสำนักเหอฮวน ก็เทียบไม่ค่อยได้

ที่โลกบู๊โบราณกลาง ในบรรดากองกำลังชั้นยอด ไม่เพียงมีแค่สำนัก ยังมีวงศ์ตระกูลอีกด้วย เมื่อเปรียบเทียบกันวงศ์ตระกูลชั้นยอดเส้นสายจะลึกกว่าสำนักชั้นยอด

เนื่องจากวงศ์ตระกูลเหล่านี้ ล้วนเคยมีต้าเหนิงชั้นยอด

สำนักอาจจะสร้างขึ้นโดยการรวมตัวกันของตระกูลเล็กๆมากมาย แต่ว่าความชื่นชอบวงศ์ตระกูลชั้นยอด กลับมีวงศ์ตระกูลเพียงแค่ตระกูลเดียว สามารถกลายเป็นวงศ์ตระกูลชั้นยอดของโลกบู๊โบราณกลางได้ สามารถอธิบายได้ถึง ความล้ำลึกของเส้นสายของวงศ์ตระกูลนี้

หลังจากที่หยางเฉินแอบตกใจเงียบๆ ยื่นมือไปจับมือกับอู๋จื่อจิ้ง เอ่ยปากกล่าว: “ผมชื่อเฉินมู่!”

ในเวลานี้เอง มีกำลังที่แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่ง ที่ส่งผ่านมาจากมือของอู๋จื่อจิ้งอย่างกะทันหัน

หว่างคิ้วของหยางเฉินขมวดแน่นขึ้นมาทันที กล่าวเสียงเย็นชา: “นี่คุณหมายความว่ายังไง?”

อู๋จื่อจิ้งหัวเราะเสียงดัง จากนั้นก็คลายมือของหยางเฉิน กล่าวด้วยรอยยิ้ม: “ก็แค่รู้สึกว่าพละกำลังของสหายเฉินไม่ธรรมดา ก็เลยคันไม้คันมือขึ้นมา ยังไงก็ขอให้สหายเฉินอย่าได้ตำหนิ”

ภายในใจของหยางเฉินมีความกังวลใจเพิ่มขึ้นไม่น้อยอย่างไม่ตั้งใจ

เมื่อครู่นี้อู๋จื่อจิ้งเพิ่มกำลังขึ้นมาอย่างกะทันหัน ทำให้เขาไม่ได้ตอบโต้กลับในทันที

เขาอดต่อกำลังของอู๋จื่อจิ้งเอาไว้ได้ นั่นก็หมายความว่า กำลังของเขาไม่ได้อ่อนแอ

แต่อู๋จื่อจิ้งเป็นนักบูโดแดนนภาขั้นหกชั้นต้น ทั้งยังหนุ่มแน่นแบบนี้ จะต้องเป็นบูโดอัจฉริยะชั้นยอดของทั้งโลกบู๊โบราณกลางอย่างแน่นอน แน่นอนว่าต้องมีความชัดเจนเกี่ยวกับบูโดอัจฉริยะของโลกบู๊โบราณกลางทุกคน

หยางเฉินอดทนต่อกำลังของเขาเอาไว้ได้ นี่ไม่ได้หมายความว่า พละกำลังของหยางเฉินไม่ได้ด้อยไปกว่าอู๋จื่อจิ้ง?

แต่เดิมทีหยางเฉินก็คือคนแปลกหน้า ตอนนี้ยังปลอมใบหน้า จะต้องทำให้อู๋จื่อจิ้งเกิดการคาดเดา

เมื่อคิดถึงตรงนี้ หยางเฉินก็ลนลานเล็กน้อยอย่างไม่ตั้งใจ อยากจะหลบหนีออกไปจากที่นี่โดยไว

ถึงแม้ว่าเขาไม่กลัวอู๋จื่อจิ้ง แต่ทันทีที่ตัวตนของตนเองเปิดเผย เกรงว่าจะดึงดูดให้ผู้แข็งแกร่งชั้นยอดที่ไล่ตามฆ่ามา

ถึงอย่างไรก็ตามหัวนี้ของเขา ตอนนี้มีมูลค่าสิบล้านหินอาถรรพ์

หยางเฉินมองอู๋จื่อจิ้งอย่างเรียบเฉยแวบหนึ่ง จากนั้นก็กลับหลังหันแล้วเดินจากไป

“สหายเฉิน ช้าก่อน!”

อู๋จื่อจิ้งเอ่ยปากกล่าวขึ้นทันใด

หยางเฉินขมวดคิ้ว มองไปทางอีกฝ่ายอย่างเย็นชากล่าวถาม: “มีธุระอะไร?”

อู๋จื่อจิ้งหัวเราะเฮอะเฮอะกล่าว: “สหายเฉินยังหนุ่มยังแน่นขนาดนี้ วิถีบู๊ก็ไม่ธรรมดาแบบนี้ ภายภาคหน้าจะต้องสามารถทำให้โลกบู๊โบราณหวาดกลัวอย่างแน่นอน”

หยางเฉินกล่าวเรียบๆ: “ผมเป็นเพียงผู้ฝึกฝนอิสระคนหนึ่ง เทียบกับคุณชายอู๋ ยังห่างชั้นอีกไกล”

อู๋จื่อจิ้งยิ้ม กล่าว: “ตระกูลอู๋ของผมอยู่ที่เมืองไป๋หู่นี่พอดี ผมอยากจะเชิญสหายเฉินไปนั่งที่ตระกูลอู๋สักหน่อย ไม่รู้ว่าสหายเฉินยินดีหรือไม่?”

ทันทีที่หยางเฉินกำลังจะปฏิเสธ ก็ได้ยินอู๋จื่อจิ้งกล่าวอย่างมีความหมายลึกซึ้ง: “ตระกูลอู๋ของพวกผมกับสำนักเทียนไห่ไม่ถูกกันมาแต่ไหนแต่ไร แล้วก็ไม่รู้ว่าสหายหยางเฉินที่มาจากโลกมนุษย์ท่านนั้น ตอนนี้ตกอยู่ในสถานการณ์แบบไหน”

“ถ้าหากมีโอกาส อยากจะคบค้าสมาคมกับสหายหยางคนนี้สักครั้ง”

ได้ยินคำพูดของอู๋จื่อจิ้ง ภายในใจของหยางเฉินก็รู้สึกมีความตื่นตกใจพลุ่งพล่านขึ้นมา เห็นได้ชัดว่า อู๋จื่อจิ้งคนนี้ได้เดาถึงตัวตนของเขาได้แล้ว ไม่อย่างนั้น ก็คงจะไม่พูดคำแบบนี้ออกมา

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์