โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

The king of War

บทที่ 2263 ซ่อนเร้นได้ล้ำลึก

สีหน้าของหยางเฉินลำบากใจเป็นอย่างยิ่ง เห็นได้ชัดว่าอู๋จื่อจิ้งได้เดาตัวตนของเขาออกแล้ว ถึงขนาดยังเชิญเขาไปที่ตระกูลอู๋อีกด้วย

อู๋จื่อจิ้งใบหน้าดูเหมือนสุภาพอ่อนโยน แต่หยางเฉินยังคงสัมผัสได้ถึงความข่มขู่ภายในคำพูดของอีกฝ่าย

อีกฝ่ายจงใจจะเอ่ยถึงความไม่ลงรอยกันของตระกูลอู๋กับสำนักเทียนไห่ ทั้งยังจงใจแสดงให้เห็นว่าเดาตัวตนของหยางเฉินได้แล้ว เดิมทีนี่ก็คือการข่มขู่แบบหนึ่ง

ถ้าหากนายไม่ตกลงที่จะไปตระกูลอู๋กับฉัน ฉันก็จะเปิดโปงตัวตนของแก

เมื่อคิดถึงตรงนี้ หยางเฉินเอ่ยปากกล่าว: “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นผมก็จะไปตระกูลอู๋กับคุณ”

“ฮ่าฮ่า ดี!”

อู๋จื่อจิ้งหัวเราะเสียงดัง เห็นได้ชัดว่าค่อนข้างพอใจ

หลังจากนั้นยี่สิบนาที ทั้งสองคนก็ได้มาถึงประตูใหญ่ที่ราวกับพระราชวังแห่งหนึ่ง

และทางด้านบนของประตูใหญ่ มีตัวอักษรขนาดใหญ่สามตัว “คฤหัสถ์เจ้าเมือง”

“เจ้าเมืองน้อย!”

องครักษ์สองนายที่อยู่ตรงประตู หลังจากที่เห็นอู๋จื่อจิ้ง ก็รีบเอ่ยกล่าวด้วยความนอบน้อม

อู๋จื่อจิ้งพยักหน้าเล็กน้อย กล่าวด้วยรอยยิ้ม: “สหายเฉิน เชิญด้านใน!”

ภายในใจของหยางเฉินตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าตระกูลอู๋เป็นเจ้าของคฤหัสถ์เจ้าเมือง และอู๋จื่อจิ้งเป็นเจ้าเมืองน้อย เห็นได้ชัดว่า บิดาของเขาก็คือเจ้าเมืองเมืองไป๋หู่

ที่โลกบู๊โบราณกลาง มีสี่เมืองรวมเป็นหนึ่งโลก สี่เมืองหมายถึงเมืองไป๋หู่ เมืองชิงหลง เมืองเสวียนอู่ เมืองจูเชว่ แบ่งเป็นทิศเหนือใต้ออกตกสี่เขตพื้นที่ใหญ่ของโลกบู๊โบราณกลาง

ในสี่เมืองใหญ่ ล้วนยึดคฤหัสถ์เจ้าเมืองเป็นผู้สูงสุด

เพียงแต่ คฤหัสถ์เจ้าเมืองเพียงแค่เป็นกองกำลังของทางการเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าคฤหัสถ์เจ้าเมืองจะแข็งแกร่งที่สุด

ก็เหมือนกับเมืองไป๋หู่นี้ นอกจากคฤหัสถ์เจ้าเมืองแล้ว ยังมีสำนักเทียนไห่กับสำนักเหอฮวน รวมทั้งกองกำลังบางส่วนอื่นๆ

แต่ที่เมืองไป๋หู่ พละกำลังแข็งแกร่งที่สุดคือสำนักเทียนไห่ ส่วนคฤหัสถ์เจ้าเมืองตระกูลอู๋ ก็เป็นเพียงผู้สูงศักดิ์อันดับสองเท่านั้น

แต่ทันทีที่ประมุขโลกมีคำสั่ง กองกำลังของแต่ละเมืองใหญ่ ทั้งหมดจะต้องฟังคำสั่งของคฤหัสถ์เจ้าเมืองแต่ละเมืองใหญ่

แต่หนึ่งโลก หมายถึงพื้นที่ตรงกลางของโลกบู๊โบราณกลาง ก็คือคฤหัสถ์ประมุขโลก

ทันใดนั้นอู๋จื่อจิ้งก็เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม: “สหายเฉิน คุณคิดว่าคฤหัสถ์เจ้าเมืองของพวกเรา เป็นยังไง?”

หยางเฉินพยักหน้า เอ่ยปากกล่าว: “ใหญ่โตโออ่า! แม้แต่สำนักเทียนไห่ ก็ยังเทียบไม่ติด”

ไม่ใช่ว่าเขาแสร้งพูดแบบนี้เพื่อเอาใจอู๋จื่อจิ้ง แต่เรื่องจริงก็เป็นแบบนั้น

ถึงแม้ว่าสำนักเทียนไห่จะเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของเมืองไป๋หู่ แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นเพียงกองกำลังหนึ่งในเมืองไป๋หู่

แต่คฤหัสถ์เจ้าเมือง เป็นศูนย์กลางของเมืองไป๋หู่ แน่นอนว่าไม่ใช่สิ่งที่สำนักเทียนไห่จะเปรียบเทียบได้

อู๋จื่อจิ้งยิ้มด้วยความเบิกบานใจทันที จากนั้นก็กล่าวด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง: “ไม่รู้ว่า เทียบกับโลกมนุษย์แล้ว เป็นอย่างไร?”

หยางเฉินไม่ได้ตอบ

แน่นอนว่าเขาชัดเจนว่าอู๋จื่อจิ้งกำลังหยั่งเชิง แต่ว่าคฤหัสถ์เจ้าเมืองค่อนข้างใหญ่โตโออ่าจริงๆ แม้แต่ที่โลกมนุษย์ ก็สามารถเทียบเคียงกับพระราชวังโบราณได้

ตลอดทางมานี้ เพียงแค่คนที่เห็นอู๋จื่อจิ้ง ต่างก็เป็นฝ่ายทักทายก่อน หนึ่งในนั้นเป็นผู้แข็งแกร่งของแดนนภาขั้นหก

หลังจากนั้นสิบนาที อู๋จื่อจิ้งพาหยางเฉินมาถึงตำหนักหลักของคฤหัสถ์เจ้าเมือง

“คุณพ่อ!”

อู๋จื่อจิ้งทำความเคารพด้วยใบหน้านอบน้อม ต่อชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่บนที่นั่งด้านบน

ชายวัยกลางคนพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นสายตาก็มองไปที่หยางเฉิน

ชายวัยกลางคนเอ่ยปากกล่าว: “จื่อจิ้ง ท่านนี้คือ?”

เห็นได้ชัดว่า ชายวัยกลางคนก็คือเจ้าเมืองของเมืองไป๋หู่ ผู้ที่ยืนอยู่จุดสูงสุดของทั้งโลกบู๊โบราณกลาง ขาข้างหนึ่งก้าวเข้าสู่ผู้แข็งแกร่งชั้นยอดของแดนนภาขั้นเจ็ดชั้นต้น อู๋สงป้า!

อู๋จื่อจิ้งรีบกล่าว: “ท่านนี้คือสหายเฉินมู่ เพื่อใหม่ที่เพิ่งคบของผม ตั้งใจเชิญเขามารวมตัวที่คฤหัสถ์เจ้าเมืองโดยเฉพาะ”

ดวงตาที่ดุร้ายทั้งสองข้างของอู๋สงป้า กวาดสายตามองหยางเฉินรอบหนึ่ง หยางเฉินมีความรู้สึกเหมือนกำลังยืนตัวเปลือยอยู่ต่อหน้าของอีกฝ่าย

เขามีลางสังหรณ์บางอย่าง อีกฝ่ายกวาดสายตามองเขาแวบหนึ่ง ก็มองได้ทะลุปรุโปร่งแล้ว

“โอ๊ะ?”

ทันทีที่อู๋สงป้าส่งเสียงร้องประหลาดใจออกมาทีหนึ่ง จากนั้นดวงตาทั้งสองข้างก็หรี่ลงเล็กน้อยทันที จดจ้องหยางเฉินกล่าว “เจ้าหนุ่ม เธอก็คือคนหนุ่มค่าหัวสิบล้านของสำนักเทียนไห่ ที่กำลังถูกไล่ตามฆ่าที่มาจากโลกมนุษย์คนนั้นใช่ไหม?”

หยางเฉินไม่ได้ตกใจเพราะอีกฝ่ายจำตนเองได้ แม้แต่อู๋จื่อจิ้งที่เจอเขาครั้งแรก ก็เดาตัวตนของเขาได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอู๋สงป้า

ถึงแม้ว่าเขาจะซ่อนผลการบำเพ็ญเพียร ยังเปลี่ยนโฉมหน้า แต่ว่าการแสดงเล็กๆนี้ อย่างมากก็ตบตาได้แค่คนธรรมดาทั่วไป

แต่อู๋สงป้า เป็นผู้ที่ยืนอยู่เหนือผู้แข็งแกร่งของทั้งโลกบู๊โบราณกลาง จะมองเขาไม่ออกได้ยังไง?

ช่วงเวลาคับขัน ตอนที่หยางเฉินกำลังปลอมตัว ยังมีจุดที่สะเพร่าไปมากมาย

อย่างเช่นโฉมหน้าหลังจากที่เขาปลอมหน้า ยังนับว่าดูอ่อนเยาว์ไป

แต่ผลข้างเคียงที่ใช้เวทย์กลายมารสวรรค์ก็คือไม่สามารถซุกซ่อนผลการบำเพ็ญเพียรของตนเองได้

แม้แต่วิชาลับที่ซุกซ่อนผลการบำเพ็ญเพียรที่ประมุขโลกเจียงแห่งโลกกลางถ่ายทอดมาให้เขานั้นจะลึกล้ำเป็นอย่างยิ่ง แต่ยังคงไม่สามารถลบล้างผลข้างเคียงของเวทย์กลายมารสวรรค์ได้

ที่โลกบู๊โบราณกลาง นักบูโดอายุน้อยขนาดนี้เหมือนเขา ที่มีพละกำลังเทียบเคียงแดนนภาขั้นหก มีเพียงไม่กี่คน

ด้วยวิธีแบบนี้ ถูกเดาตัวตนออกนั้น ไม่ยาก

หยางเฉินจ้องมองอู๋สงป้าพยักหน้า จากนั้นก็บีบบนในหน้าของตนสองสามครั้งอย่างสบายๆ ในไม่ช้า เขาก็เผยโฉมหน้าดั้งเดิมออกมา

“เจ้าเมืองอู๋ ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่ง เพื่อหลบหนีการไล่ตามฆ่าของสำนักเทียนไห่ ผมจำต้องปกปิดตัวตน ล่วงเกินมากแล้ว ยังไงก็ขอให้เจ้าเมืองอู๋อย่าได้ตำหนิ!”

หยางเฉินยืนตัวตรงแน่ว กล่าวอย่างไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่งและไม่ถ่อมตัวจนดูต่ำต้อย

หลังจากใช้เวทย์กลายมารสวรรค์ปลิดชีพผู้อาวุโสรองของสำนักเทียนไห่ ทำให้ความมั่นใจของเขาเพิ่มขึ้นมาก

เดิมทีผู้อาวุโสรองก็คือผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นหกชั้นยอด หลังจากที่หยางเฉินใช้วิชาลับ ในเมื่อสามารถปลิดชีพได้ทันที ถ้าอย่างนั้นต่อให้เจอเจ้าเมืองอู๋ที่เป็นผู้แข็งแกร่งกึ่งแดนนภาขั้นเจ็ดชั้นต้นระดับนี้ หยางเฉินยังคงมีความมั่นใจในตัวเองว่ายังมีพละกำลังต่อสู้อีกครั้ง

จ้องมองท่าทางที่ไม่เย่อหยิ่งและไม่ต่ำต้อยของหยางเฉิน ภายในดวงตาของอู๋สงป้ามีความชื่นชมขึ้นไม่น้อย จากนั้นเอ่ยถามทันที: “เธอมาที่คฤหัสถ์เจ้าเมือง ไม่กลัวว่าฉันจะนำตัวเธอส่งไปที่สำนักเทียนไห่?”

“ไม่กลัว!”

หยางเฉินกล่าวด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก: “ผมได้รับคำเชิญของนายน้อยอู๋ให้มาที่คฤหัสถ์เจ้าเมือง ถ้าหากเจ้าเมืองอู๋จะส่งตัวผมไปที่สำนักเทียนไห่จริงๆแล้วละก็ ศักดิ์ศรีของตระกูลอู๋จะอยู่ที่ไหน?”

“ไม่เลว!”

ความชื่นชมภายในดวงตาของอู๋สงป้ายิ่งเข้มข้นมากขึ้น กล่าวด้วยรอยยิ้ม: “สมกับที่เป็นชนอายุน้อยรุ่นหลังที่สามารถทำให้สำนักเทียนไห่ไล่ตามฆ่าได้ อาศัยเพียงความกล้าหาญของเธอ ก็มีคุณสมบัติข้อนี้”

“ใครก็ได้ พาสหายน้อยหยางไปพักผ่อน!”

ทันทีที่เขาออกคำสั่ง ก็มีคนเดิมเข้ามาทันที พาหยางเฉินออกไป

หลังจากที่หยางเฉินจากไป อู๋สงป้าจ้องมองไปทางอู๋จื่อจิ้งกล่าว: “แกเจ้าหนุ่มกล้าหาญชาญชัย คาดไม่ถึงว่าจะกล้าพาเจ้าหนุ่มคนนี้มาที่คฤหัสถ์เจ้าเมือง”

อู๋จื่อจิ้งรีบเอ่ยกล่าว: “คุณพ่อ ที่เมืองไป๋หู่สำนักเทียนไห่โอหังอวดดีจนเคยตัว ไม่เห็นคฤหัสถ์เจ้าเมืองของพวกเราอยู่ในสายตาเลยสักนิด ต่อให้สำนักเทียนไห่รู้เข้า แล้วจะอย่างไร?”

อู๋สงป้ากล่าว: “แกรู้ไหม ทำไมสำนักเทียนไห่ถึงไล่ตามฆ่าเจ้าหนุ่มคนนี้?”

อู๋จื่อจิ้งส่ายหน้า: “จะต้องเป็นเพราะเจ้าหนุ่มคนนี้ทำเรื่องราวใหญ่โตอะไรไว้แน่นอน ไม่อย่างนั้นสำนักเทียนไห่ก็คงจะไม่ยอมจ่ายราคาให้สูงมากขนาดนี้ ทั่วทั้งโลกกำลังไล่ตามฆ่าเขา”

อู๋สงป้ากล่าว: “ที่สำนักเทียนไห่ต้องการไล่ตามฆ่าเขา ก็เป็นเพราะว่า เขาฆ่าเกิ่งจินฮวาผู้อาวุโสรองของสำนักเทียนไห่”

“อะไรนะ?”

อู๋จื่อจิ้งหน้าถอดสีไปทันที กล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ: “นี่มันจะเป็นไปได้ยังไง? เกิ่งจินฮวาเป็นถึงผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นหกชั้นยอด”

อู๋สงป้ากล่าวต่ออีกว่า: “เขาไม่เพียงแค่เกิ่งจินฮวา แต่ยังเป็นการปลิดชีพ”

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์