สีหน้าของหยางเฉินลำบากใจเป็นอย่างยิ่ง เห็นได้ชัดว่าอู๋จื่อจิ้งได้เดาตัวตนของเขาออกแล้ว ถึงขนาดยังเชิญเขาไปที่ตระกูลอู๋อีกด้วย
อู๋จื่อจิ้งใบหน้าดูเหมือนสุภาพอ่อนโยน แต่หยางเฉินยังคงสัมผัสได้ถึงความข่มขู่ภายในคำพูดของอีกฝ่าย
อีกฝ่ายจงใจจะเอ่ยถึงความไม่ลงรอยกันของตระกูลอู๋กับสำนักเทียนไห่ ทั้งยังจงใจแสดงให้เห็นว่าเดาตัวตนของหยางเฉินได้แล้ว เดิมทีนี่ก็คือการข่มขู่แบบหนึ่ง
ถ้าหากนายไม่ตกลงที่จะไปตระกูลอู๋กับฉัน ฉันก็จะเปิดโปงตัวตนของแก
เมื่อคิดถึงตรงนี้ หยางเฉินเอ่ยปากกล่าว: “ในเมื่อเป็นแบบนี้ ถ้าอย่างนั้นผมก็จะไปตระกูลอู๋กับคุณ”
“ฮ่าฮ่า ดี!”
อู๋จื่อจิ้งหัวเราะเสียงดัง เห็นได้ชัดว่าค่อนข้างพอใจ
หลังจากนั้นยี่สิบนาที ทั้งสองคนก็ได้มาถึงประตูใหญ่ที่ราวกับพระราชวังแห่งหนึ่ง
และทางด้านบนของประตูใหญ่ มีตัวอักษรขนาดใหญ่สามตัว “คฤหัสถ์เจ้าเมือง”
“เจ้าเมืองน้อย!”
องครักษ์สองนายที่อยู่ตรงประตู หลังจากที่เห็นอู๋จื่อจิ้ง ก็รีบเอ่ยกล่าวด้วยความนอบน้อม
อู๋จื่อจิ้งพยักหน้าเล็กน้อย กล่าวด้วยรอยยิ้ม: “สหายเฉิน เชิญด้านใน!”
ภายในใจของหยางเฉินตกตะลึง คิดไม่ถึงว่าตระกูลอู๋เป็นเจ้าของคฤหัสถ์เจ้าเมือง และอู๋จื่อจิ้งเป็นเจ้าเมืองน้อย เห็นได้ชัดว่า บิดาของเขาก็คือเจ้าเมืองเมืองไป๋หู่
ที่โลกบู๊โบราณกลาง มีสี่เมืองรวมเป็นหนึ่งโลก สี่เมืองหมายถึงเมืองไป๋หู่ เมืองชิงหลง เมืองเสวียนอู่ เมืองจูเชว่ แบ่งเป็นทิศเหนือใต้ออกตกสี่เขตพื้นที่ใหญ่ของโลกบู๊โบราณกลาง
ในสี่เมืองใหญ่ ล้วนยึดคฤหัสถ์เจ้าเมืองเป็นผู้สูงสุด
เพียงแต่ คฤหัสถ์เจ้าเมืองเพียงแค่เป็นกองกำลังของทางการเท่านั้น ไม่ได้หมายความว่าคฤหัสถ์เจ้าเมืองจะแข็งแกร่งที่สุด
ก็เหมือนกับเมืองไป๋หู่นี้ นอกจากคฤหัสถ์เจ้าเมืองแล้ว ยังมีสำนักเทียนไห่กับสำนักเหอฮวน รวมทั้งกองกำลังบางส่วนอื่นๆ
แต่ที่เมืองไป๋หู่ พละกำลังแข็งแกร่งที่สุดคือสำนักเทียนไห่ ส่วนคฤหัสถ์เจ้าเมืองตระกูลอู๋ ก็เป็นเพียงผู้สูงศักดิ์อันดับสองเท่านั้น
แต่ทันทีที่ประมุขโลกมีคำสั่ง กองกำลังของแต่ละเมืองใหญ่ ทั้งหมดจะต้องฟังคำสั่งของคฤหัสถ์เจ้าเมืองแต่ละเมืองใหญ่
แต่หนึ่งโลก หมายถึงพื้นที่ตรงกลางของโลกบู๊โบราณกลาง ก็คือคฤหัสถ์ประมุขโลก
ทันใดนั้นอู๋จื่อจิ้งก็เอ่ยถามด้วยรอยยิ้ม: “สหายเฉิน คุณคิดว่าคฤหัสถ์เจ้าเมืองของพวกเรา เป็นยังไง?”
หยางเฉินพยักหน้า เอ่ยปากกล่าว: “ใหญ่โตโออ่า! แม้แต่สำนักเทียนไห่ ก็ยังเทียบไม่ติด”
ไม่ใช่ว่าเขาแสร้งพูดแบบนี้เพื่อเอาใจอู๋จื่อจิ้ง แต่เรื่องจริงก็เป็นแบบนั้น
ถึงแม้ว่าสำนักเทียนไห่จะเป็นกองกำลังที่แข็งแกร่งที่สุดของเมืองไป๋หู่ แต่สุดท้ายแล้วก็เป็นเพียงกองกำลังหนึ่งในเมืองไป๋หู่
แต่คฤหัสถ์เจ้าเมือง เป็นศูนย์กลางของเมืองไป๋หู่ แน่นอนว่าไม่ใช่สิ่งที่สำนักเทียนไห่จะเปรียบเทียบได้
อู๋จื่อจิ้งยิ้มด้วยความเบิกบานใจทันที จากนั้นก็กล่าวด้วยความหมายที่ลึกซึ้ง: “ไม่รู้ว่า เทียบกับโลกมนุษย์แล้ว เป็นอย่างไร?”
หยางเฉินไม่ได้ตอบ
แน่นอนว่าเขาชัดเจนว่าอู๋จื่อจิ้งกำลังหยั่งเชิง แต่ว่าคฤหัสถ์เจ้าเมืองค่อนข้างใหญ่โตโออ่าจริงๆ แม้แต่ที่โลกมนุษย์ ก็สามารถเทียบเคียงกับพระราชวังโบราณได้
ตลอดทางมานี้ เพียงแค่คนที่เห็นอู๋จื่อจิ้ง ต่างก็เป็นฝ่ายทักทายก่อน หนึ่งในนั้นเป็นผู้แข็งแกร่งของแดนนภาขั้นหก
หลังจากนั้นสิบนาที อู๋จื่อจิ้งพาหยางเฉินมาถึงตำหนักหลักของคฤหัสถ์เจ้าเมือง
“คุณพ่อ!”
อู๋จื่อจิ้งทำความเคารพด้วยใบหน้านอบน้อม ต่อชายวัยกลางคนที่นั่งอยู่บนที่นั่งด้านบน
ชายวัยกลางคนพยักหน้าเล็กน้อย จากนั้นสายตาก็มองไปที่หยางเฉิน
ชายวัยกลางคนเอ่ยปากกล่าว: “จื่อจิ้ง ท่านนี้คือ?”
เห็นได้ชัดว่า ชายวัยกลางคนก็คือเจ้าเมืองของเมืองไป๋หู่ ผู้ที่ยืนอยู่จุดสูงสุดของทั้งโลกบู๊โบราณกลาง ขาข้างหนึ่งก้าวเข้าสู่ผู้แข็งแกร่งชั้นยอดของแดนนภาขั้นเจ็ดชั้นต้น อู๋สงป้า!
อู๋จื่อจิ้งรีบกล่าว: “ท่านนี้คือสหายเฉินมู่ เพื่อใหม่ที่เพิ่งคบของผม ตั้งใจเชิญเขามารวมตัวที่คฤหัสถ์เจ้าเมืองโดยเฉพาะ”
ดวงตาที่ดุร้ายทั้งสองข้างของอู๋สงป้า กวาดสายตามองหยางเฉินรอบหนึ่ง หยางเฉินมีความรู้สึกเหมือนกำลังยืนตัวเปลือยอยู่ต่อหน้าของอีกฝ่าย
เขามีลางสังหรณ์บางอย่าง อีกฝ่ายกวาดสายตามองเขาแวบหนึ่ง ก็มองได้ทะลุปรุโปร่งแล้ว
“โอ๊ะ?”
ทันทีที่อู๋สงป้าส่งเสียงร้องประหลาดใจออกมาทีหนึ่ง จากนั้นดวงตาทั้งสองข้างก็หรี่ลงเล็กน้อยทันที จดจ้องหยางเฉินกล่าว “เจ้าหนุ่ม เธอก็คือคนหนุ่มค่าหัวสิบล้านของสำนักเทียนไห่ ที่กำลังถูกไล่ตามฆ่าที่มาจากโลกมนุษย์คนนั้นใช่ไหม?”
หยางเฉินไม่ได้ตกใจเพราะอีกฝ่ายจำตนเองได้ แม้แต่อู๋จื่อจิ้งที่เจอเขาครั้งแรก ก็เดาตัวตนของเขาได้ ยิ่งไม่ต้องพูดถึงอู๋สงป้า
ถึงแม้ว่าเขาจะซ่อนผลการบำเพ็ญเพียร ยังเปลี่ยนโฉมหน้า แต่ว่าการแสดงเล็กๆนี้ อย่างมากก็ตบตาได้แค่คนธรรมดาทั่วไป
แต่อู๋สงป้า เป็นผู้ที่ยืนอยู่เหนือผู้แข็งแกร่งของทั้งโลกบู๊โบราณกลาง จะมองเขาไม่ออกได้ยังไง?
ช่วงเวลาคับขัน ตอนที่หยางเฉินกำลังปลอมตัว ยังมีจุดที่สะเพร่าไปมากมาย
อย่างเช่นโฉมหน้าหลังจากที่เขาปลอมหน้า ยังนับว่าดูอ่อนเยาว์ไป
แต่ผลข้างเคียงที่ใช้เวทย์กลายมารสวรรค์ก็คือไม่สามารถซุกซ่อนผลการบำเพ็ญเพียรของตนเองได้
แม้แต่วิชาลับที่ซุกซ่อนผลการบำเพ็ญเพียรที่ประมุขโลกเจียงแห่งโลกกลางถ่ายทอดมาให้เขานั้นจะลึกล้ำเป็นอย่างยิ่ง แต่ยังคงไม่สามารถลบล้างผลข้างเคียงของเวทย์กลายมารสวรรค์ได้
ที่โลกบู๊โบราณกลาง นักบูโดอายุน้อยขนาดนี้เหมือนเขา ที่มีพละกำลังเทียบเคียงแดนนภาขั้นหก มีเพียงไม่กี่คน
ด้วยวิธีแบบนี้ ถูกเดาตัวตนออกนั้น ไม่ยาก
หยางเฉินจ้องมองอู๋สงป้าพยักหน้า จากนั้นก็บีบบนในหน้าของตนสองสามครั้งอย่างสบายๆ ในไม่ช้า เขาก็เผยโฉมหน้าดั้งเดิมออกมา
“เจ้าเมืองอู๋ ต้องขออภัยเป็นอย่างยิ่ง เพื่อหลบหนีการไล่ตามฆ่าของสำนักเทียนไห่ ผมจำต้องปกปิดตัวตน ล่วงเกินมากแล้ว ยังไงก็ขอให้เจ้าเมืองอู๋อย่าได้ตำหนิ!”
หยางเฉินยืนตัวตรงแน่ว กล่าวอย่างไม่แข็งกร้าวจนดูเย่อหยิ่งและไม่ถ่อมตัวจนดูต่ำต้อย
หลังจากใช้เวทย์กลายมารสวรรค์ปลิดชีพผู้อาวุโสรองของสำนักเทียนไห่ ทำให้ความมั่นใจของเขาเพิ่มขึ้นมาก
เดิมทีผู้อาวุโสรองก็คือผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นหกชั้นยอด หลังจากที่หยางเฉินใช้วิชาลับ ในเมื่อสามารถปลิดชีพได้ทันที ถ้าอย่างนั้นต่อให้เจอเจ้าเมืองอู๋ที่เป็นผู้แข็งแกร่งกึ่งแดนนภาขั้นเจ็ดชั้นต้นระดับนี้ หยางเฉินยังคงมีความมั่นใจในตัวเองว่ายังมีพละกำลังต่อสู้อีกครั้ง
จ้องมองท่าทางที่ไม่เย่อหยิ่งและไม่ต่ำต้อยของหยางเฉิน ภายในดวงตาของอู๋สงป้ามีความชื่นชมขึ้นไม่น้อย จากนั้นเอ่ยถามทันที: “เธอมาที่คฤหัสถ์เจ้าเมือง ไม่กลัวว่าฉันจะนำตัวเธอส่งไปที่สำนักเทียนไห่?”
“ไม่กลัว!”
หยางเฉินกล่าวด้วยใบหน้าที่ไร้ความรู้สึก: “ผมได้รับคำเชิญของนายน้อยอู๋ให้มาที่คฤหัสถ์เจ้าเมือง ถ้าหากเจ้าเมืองอู๋จะส่งตัวผมไปที่สำนักเทียนไห่จริงๆแล้วละก็ ศักดิ์ศรีของตระกูลอู๋จะอยู่ที่ไหน?”
“ไม่เลว!”
ความชื่นชมภายในดวงตาของอู๋สงป้ายิ่งเข้มข้นมากขึ้น กล่าวด้วยรอยยิ้ม: “สมกับที่เป็นชนอายุน้อยรุ่นหลังที่สามารถทำให้สำนักเทียนไห่ไล่ตามฆ่าได้ อาศัยเพียงความกล้าหาญของเธอ ก็มีคุณสมบัติข้อนี้”
“ใครก็ได้ พาสหายน้อยหยางไปพักผ่อน!”
ทันทีที่เขาออกคำสั่ง ก็มีคนเดิมเข้ามาทันที พาหยางเฉินออกไป
หลังจากที่หยางเฉินจากไป อู๋สงป้าจ้องมองไปทางอู๋จื่อจิ้งกล่าว: “แกเจ้าหนุ่มกล้าหาญชาญชัย คาดไม่ถึงว่าจะกล้าพาเจ้าหนุ่มคนนี้มาที่คฤหัสถ์เจ้าเมือง”
อู๋จื่อจิ้งรีบเอ่ยกล่าว: “คุณพ่อ ที่เมืองไป๋หู่สำนักเทียนไห่โอหังอวดดีจนเคยตัว ไม่เห็นคฤหัสถ์เจ้าเมืองของพวกเราอยู่ในสายตาเลยสักนิด ต่อให้สำนักเทียนไห่รู้เข้า แล้วจะอย่างไร?”
อู๋สงป้ากล่าว: “แกรู้ไหม ทำไมสำนักเทียนไห่ถึงไล่ตามฆ่าเจ้าหนุ่มคนนี้?”
อู๋จื่อจิ้งส่ายหน้า: “จะต้องเป็นเพราะเจ้าหนุ่มคนนี้ทำเรื่องราวใหญ่โตอะไรไว้แน่นอน ไม่อย่างนั้นสำนักเทียนไห่ก็คงจะไม่ยอมจ่ายราคาให้สูงมากขนาดนี้ ทั่วทั้งโลกกำลังไล่ตามฆ่าเขา”
อู๋สงป้ากล่าว: “ที่สำนักเทียนไห่ต้องการไล่ตามฆ่าเขา ก็เป็นเพราะว่า เขาฆ่าเกิ่งจินฮวาผู้อาวุโสรองของสำนักเทียนไห่”
“อะไรนะ?”
อู๋จื่อจิ้งหน้าถอดสีไปทันที กล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเหลือเชื่อ: “นี่มันจะเป็นไปได้ยังไง? เกิ่งจินฮวาเป็นถึงผู้แข็งแกร่งแดนนภาขั้นหกชั้นยอด”
อู๋สงป้ากล่าวต่ออีกว่า: “เขาไม่เพียงแค่เกิ่งจินฮวา แต่ยังเป็นการปลิดชีพ”
copy right hot novel pub