โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

The king of War

บทที่ 2269 แทงด้วยกระบี่

“ศิษย์น้องสาม เขาก็คือบูโดอัจฉริยะที่มาจากโลกมนุษย์คนนั้นที่ท่านว่าอย่างนั้นเหรอ?”

หลีหยวนชิงงมองไปทางเซี่ยวชิงหยุน มุมปากยกขึ้นเผยให้เห็นรัศมีความโค้งที่หยอกล้อ เอ่ยปากกล่าว

เซี่ยวชิงหยุนไม่ได้พูดจา เพียงแต่ดวงตาทั้งสองข้างจ้องมองหยางเฉิน นัยน์ตาเต็มไปด้วยความซับซ้อน

ถึงแม้ว่าหยางเฉินในเวลานี้จะปลอมตัว แต่พวกเขายังสามารถเดาตัวตนของหยางเฉินออกได้อย่างง่ายดาย

“อะไรนะ? เขาก็คือหยางเฉิน?”

หลังจากที่เซี่ยโหวซางได้ยินบทสนทนาของคนทั้งสอง ใบหน้าเต็มไปด้วยเจตนาสังหารที่รุนแรง จ้องมองหยางเฉินอย่างเอาเป็นเอาตาย: “เจ้าหนุ่ม แกอยู่ที่คฤหัสถ์เจ้าเมืองจริงๆด้วย”

“ถ้าหากแกเลือกที่จะหลบหนีในเวลาแบบนี้ บางทีอาจจะยังมีชีวิตได้อีกสักสองสามชั่วโมง แต่ว่าแกอยากจะอยู่ที่คฤหัสถ์เจ้าเมือง ยังกล้าที่จะปรากฏตัวต่อหน้าฉันอีก ถ้าอย่างนั้นก็คือการรนหาที่ตาย”

เมื่อหยางเฉินเห็นว่าถูกจำตัวตนได้ เขาก็ไม่ปิดบังอีกต่อไป เปลี่ยนกลับเป็นโฉมหน้าเดิมของตนเองทันที

อะไรที่เป็นของเดิมล้วนดีอยู่แล้ว

อู๋จื่อจิ้งที่อยู่ด้านข้าง หลังจากที่เห็นหยางเฉินเปลี่ยนใบหน้ากลับมา ใบหน้าเต็มไปด้วยความตกตะลึง ในเวลาเดียวกันในใจก็เต็มไปด้วยความกังวล

อู๋จื่อจิ้งกล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความกังวล: “คุณหยาง ทำไมคุณเปิดเผยตัวตนตัวเองแล้วละ?”

หยางเฉินหัวเราะเจื่อนๆ: “คุณคิดว่าต่อหน้าคนพวกนี้ ผมยังจะสามารถปิดบังไปได้นานอีกแค่ไหน?”

เมื่อได้ยินดังนั้น อู๋จื่อจิ้งก็สะอึกไปทันที

ผู้ที่แข็งแกร่งที่สุดสองสามคนของสำนักเทียนไห่ล้วนมากันหมดแล้ว อู่ชางกำลังประมือกับอู๋สงป้า และเซี่ยโหวซางผู้อาวุโสใหญ่ รวมถึงเซี่ยวชิงหยุนผู้อาวุโสสาม หลีหยวนชิงผู้อาวุโสสี่ล้วนมาหมดแล้ว ทั้งหมดต่างมาเพื่อเปิดศึก

อีกอย่าง หยางเฉินต่อหน้าต่อตาคนพวกนี้ คิดอยากจะหนีจริงๆ เกรงว่ายังไม่ทันจะพ้นคฤหัสถ์เจ้าเมือง ก็ถูกพบเข้าแล้ว

“แค่เศษสวะที่รังแกคนอ่อนแอกลุ่มหนึ่งเท่านั้น ถ้าหากไม่ใช่ว่าพวกแกได้ยึดครองโลกบู๊โบราณกลางที่เต็มเปี่ยมไปด้วยชี่ทิพย์ เกรงว่าพวกแกก็คงเป็นแค่ขยะเท่านั้น”

ดวงตาทั้งสองข้างของหยางเฉินเย็นชา ทันทีที่กวาดมองผู้อาวุโสสองสามคนของสำนักเทียนไห่ ก็กล่าวอย่างเยาะหยัน

เซี่ยโหวซางระเบิดโทสะทันที ทันทีที่ขยับเท้า ก็พุ่งตัวเข้าไปทางหยางเฉิน: “เจ้าหนุ่ม ความตายมาถึงตรงหน้าแก คาดไม่ถึงว่าแกยังจะกล้าพูดจาสามหาวอีก ดูฉันพรากชีวิตสุนัขของแก!”

สำหรับเซี่ยวชิงหยุนกับหลีหยวนชิงงสองคน เหมือนกับว่าไม่เป็นห่วงเซี่ยโหวซางเลยสักนิด เพียงแค่ยืนอยู่ที่เดิม ดูอยู่ข้างๆด้วยสายตาเย็นชา

เมื่ออู๋จื่อจิ้งเห็นดังนั้น ก็หน้าถอดสีทันที รีบตะโกนกล่าวเสียงดัง: “ผู้อาวุโสฉิน รีบช่วยคุณหยางดร็วเข้า!”

ทันทีที่เสียงพูดของเขาจบลง ผู้แข็งแกร่งในชุดสีดำคนหนึ่ง มาถึงราวกับเงา ขวางไว้ที่ด้านหน้าของหยางเฉิน เมื่อยกมือขึ้น ฝ่ามือก็โจมตีไปยังทิศทางของเซี่ยโหวซางทันที

แต่ในเวลานี้ หลีหยวนชิงงที่เดิมทีกำลังดูละครอยู่ เหมือนกับว่าในชั่วพริบตา ก็มาขวางไว้ที่ด้านหน้าของผู้อาวุโสฉิน โจมตีฝ่ามือออกไปทันที

“ผู้อาวุโสฉิน อาศัยแค่แก ยังไม่มีสิทธิ์ที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของฉัน”

หลีหยวนชิงงยกมุมปากขึ้นปรากฏให้เห็นรัศมีความโค้งของความโหดร้าย พละกำลังที่น่าหวาดกลัวกลุ่มหนึ่งปะทุออกมาจากบนกำปั้นของเขา ปล่อยออกมาด้วยความเร็วดุจสายฟ้า

“เปรี้ยง!”

วินาทีต่อมา หมัดทั้งสองปะทะเข้าด้วยกัน ออร่าที่น่าตกใจกลุ่มหนึ่ง ระเบิดออกมาจากตำแหน่งที่กำปั้นทั้งสองปะทะกัน แผ่กระจายออกไปทั่วทุกสารทิศ

แต่ผู้อาวุโสฉินและหลีหยวนชิงงต่างก็ยืนอยู่ที่เดิม ไม่ได้ร่นถอยได้ด้านหลังแม้แต่น้อย แต่ว่าพื้นดินที่ใต้ฝ่าเท้าของพวกเขา ได้เกิดรอยแตกร้าวแล้ว

“พรวด!”

ทันใดนั้น ผู้อาวุโสฉินก็กระอักเลือดออกมา ร่างกายโซซัดโซเซร่นถอยไปด้านหลังหลายก้าว สีหน้าซีดขาวเป็นอย่างยิ่ง

“ผู้อาวุโสฉิน!”

อู๋จื่อจิ้งหน้าถอดสีทันที

เขาคิดไม่ถึงว่า แม้แต่หมัดหนึ่งของหลีหยวนชิงงผู้อาวุโสฉินก็สกัดเอาไว้ไม่ได้ ได้รับบาดเจ็บสาหัส

“เศษสวะ!”

หลีหยวนชิงงหัวเราะอย่างดูแคลนกล่าว: “ถ้าหากไม่ใช่เจ้าสำนักมีคำสั่ง ฉันก็จะฆ่าล้างคฤหัสถ์เจ้าเมืองซะเดี๋ยวนี้!”

พูดไป ทันทีที่เท้าเขสขยับ ก็กลับไปที่ข้างกายของเซี่ยวชิงหยุน มองไปทางเซี่ยโหวซางกล่าว: “ผู้อาวุโสใหญ่ ท่านอยากฆ่าใคร เพียงแค่ลงมือ!”

“ข้าอยากจะดูว่า ก็แค่คฤหัสถ์เจ้าเมือง ยังมีใครที่จะขวางฉันได้!”

หลีหยวนชิงงใบหน้าเต็มไปด้วยความโอหังอวดดี

ถึงแม้ว่าเขาจะเป็นเพียงคนที่อยู่ในลำดับที่สี่ในบรรดาผู้อาวุโสทั้งสี่ท่านของสำนักเทียนไห่ แต่ว่าพละกำลังของเขา กลับเป็นรองแค่เพียงเซี่ยโหวซางเท่านั้น

หมายความว่า ที่สำนักเทียนไห่ นอกจากอู่ชางกับเซี่ยโหวซางแล้ว ก็นับว่าเขาแข็งแกร่งที่สุด

ไม่มีผู้แข็งแกร่งคอยห้ามปรามแล้ว เซี่ยโหวซางกัดฟันกรอดจ้องมองหยางเฉินกล่าว: “เจ้าหนุ่ม แกตายซะเถอะ!”

เขาตะโกนออกมาเสียงดัง พุ่งตัวไปทางหยางเฉิน

แต่ทว่าหยางเฉินเหมือนกับตกใจจนเซ่อไปแล้ว สีหน้าเรียบเฉยยืนอยู่กับที่ สิ่งที่ไม่มีใครสังเกตเห็นก็คือ บนหน้าผากของเขา มีเหงื่อเม็ดเล็กๆผุดออกมา

ผู้แข็งแกร่งกลุ่มหนึ่งของคฤหัสถ์เจ้าเมือง ความสนใจทั้งหมดในเวลานี้ล้วนอยู่อู๋สงป้ากับอู่ชางที่กำลังต่อสู้กันอยู่กลางท้องฟ้า ไม่ได้สังเกตคนแปลกหน้าอย่างหยางเฉินเลยสักนิด

เมื่อครู่นี้ถ้าหากไม่ใช่อู๋จื่อจิ้งร้องขอความช่วยเหลือ ผู้อาวุโสฉินไม่มีทางยื่นมือเข้าช่วยอย่างแน่นอน

“ก็แค่มดตัวหนึ่งเท่านั้น ไม่มีความจำเป็นต้องใส่ใจมากจนเกินไป”

หลีหยวนชิงงจ้องมองหยางเฉินอย่างเรียบเฉยแวบหนึ่ง จากนั้นก็เงยหน้ามองไปทางผู้แข็งแกร่งทั้งสองที่อยู่กลางท้องฟ้า

เวลานี้ การต่อสู้กันของอู่ชางกับอู๋สงป้าได้มาถึงระดับสูงสุดแล้ว ทุกครั้งที่โจมตี ล้วนราวกับฟ้าถล่มดินทลาย เกิดคลื่นพลังงานที่น่าตกใจ แผ่กระจายออกไปทั่วทุกสารทิศ

หลีหยวนชิงงจ้องมองไปทางผู้แข็งแกร่งทั้งสองด้วยใบหน้าจริงจัง กล่าวเสียงขรึม: “คิดไม่ถึงว่า อู๋สงป้าจะแข็งแกร่งถึงระดับนี้แล้ว เจ้าสำนักก็ทำได้แค่เพียงยับยั้งเพียงเล็กน้อยเท่านั้น”

เซี่ยวชิงหยุนเพียงแค่เงยหน้ากวาดสายมองอย่างลวกๆเท่านั้น แล้วก็มองไปยังทิศทางของหยางเฉิน

ในเวลานี้ เซี่ยโหวซางได้พุ่งตัวไปถึงด้านหน้าของหยางเฉินแล้ว แต่หยางเฉินยังคงยืนอยู่กับที่ ไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆ

“คุณหยาง รีบหลบซิ!”

อู๋จื่อจิ้งตะโกนออกมาอย่างร้อนใจ แต่ว่ายังคงไม่ได้ทำให้หยางเฉินขยับเขยื้อนเลยแม้แต่น้อย

เซี่ยโหวซางใบหน้าเต็มไปด้วยความอวดดี ตอนที่มองไปทางหยางเฉิน ก็เหมือนกับกำลังมองมดตัวหนึ่ง กล่าวด้วยใบหน้าที่เต็มไปด้วยความเหยียดหยาม: “กล้าล่วงเกินสำนักเทียนไห่ โทษถึงตาย! เจ้าหนุ่ม ชาติหน้าก็ฉลาดหน่อย อย่าได้ล่วงเกินสำนักเทียนไห่ของพวกเราอีก”

ทันทีที่พูดจบ เขาก็ตบฝ่ามือไปทางหัวของหยางเฉินอย่างรุนแรง

ถึงแม้ว่าคนส่วนมากจะสนใจต่อการต่อสู้ของอู่ชางกับอู๋สงป้า แต่ก็มีคนไม่ได้น้อยที่จับตามองหยางเฉิน

เมื่อเห็นว่าเซี่ยโหวซางกำลังพุ่งเข้ามาโจมตี คนเหล่านี้ที่กำลังให้ความสนใจหยางเฉิน ต่างก็มีสีหน้าตกตะลึง

“เจ้าหนุ่มนี่ตกใจจนซื่อไปแล้วเหรอ? ทำไมยังไม่ขยับอีกละ?”

“เขายังอายุน้อยขนาดนี้ ก็กล้ายั่วยุสำนักเทียนไห่ ตายไปซะก็สมควรแล้ว”

“ถึงแม้ว่าเมื่อครู่นี้เซี่ยโหวซางเกือบจะถูกเจ้าเมืองฆ่าเอา เขาเองก็ได้รับบาดเจ็บสาหัส แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นถึงผู้อาวุโสใหญ่ของสำนักเทียนไห่ การปลิดชีพเจ้าหนุ่มคนนั้นในสถานการณ์แบบนี้ นั่นเป็นเรื่องที่เลี่ยงไม่ได้”

......

ทุกคนที่กำลังให้ความสนใจหยางเฉิน ต่างพากันเอ่ยปากพูด

แต่ในขณะที่ทุกคนกำลังคิดว่าต้องเป็นแบบนั้น ในตอนที่หยางเฉินกำลังจะถูกฝ่ามือของเซี่ยโหวซางตบศีรษะจนแหลก หยางเฉินที่ไม่ได้มีปฏิกิริยาตอบโต้ใดๆมาโดยตลอด ทันใดนั้นก็เงยหน้ามองไปทางเซี่ยโหวซาง

ในเวลานี้ เซี่ยโหวซางรู้สึกได้ถึงเจตนาสังหารกลุ่มหนึ่งที่น่าตกใจ ได้ล็อกเป้าตนเองไว้

ในช่วงเวลาพริบตาเดียวที่เขากับหยางเฉินสบตากัน ทั่วทั้งตัวสั่นเทาโดยไม่ได้ตั้งใจ ในใจของเขาเกิดความลุกลี้ลุกลนอย่างน่าประหลาด รู้สึกเหมือนถูกยมทูตจดจ้อง

เขาเป็นเพียงแค่มดที่มาจากโลกมนุษย์ตัวหนึ่งเท่านั้น ทำไมถึงทำให้ฉันรู้สึกหวาดกลัวได้? นี่มันเป็นไปได้ยังไง?

“เจ้าหนุ่ม แกตายซะเถอะ!”

เซี่ยโหวซางมีความรู้สึกโมโหอย่างหนึ่ง ตะโกนกล่าว ฝ่ามือพุ่งไปยังศีรษะของหยางเฉิน

อู๋จื่อจิ้งตะโกนด้วยสีหน้าที่เต็มไปด้วยความผิดหวัง: “ไม่!”

ถึงแม้เขากับหยางเฉินจะเพิ่งรู้จักกันได้ไม่นาน แต่ก็เข้าใจถึงความสำคัญของหยางเฉินดี ขอเพียงแค่มีชีวิตอยู่ รอให้หลังจากที่ม่านพลังแตกสลายไปอย่างสิ้นซาก ตอนที่ตระกูลอู๋เคลื่อนทัพเข้าสู่โลกมนุษย์ หยางเฉินจะต้องเป็นช่วยได้มากอย่างแน่นอน

และเนื่องจากถ้าเขาเป็นมิตรกับหยางเฉิน ก็จะเป็นผลงานชิ้นใหญ่ชิ้นหนึ่งของคฤหัสถ์เจ้าเมือง

แต่ว่าตอนนี้ หยางเฉินกลับจะถูกฆ่าตายแล้ว

ในตอนที่ทุกคนต่างก็คิดว่าหยางเฉินจะต้องถูกปลิดชีพนั้น ไม่รู้ว่ามีกระบี่ยาวเล่มหนึ่งปรากฏขึ้นในมือของหยางเฉิน ตั้งแต่เมื่อไหร่

เห็นเพียงแค่เขากระทืบพื้นดินอย่างรุนแรง ร่างกายที่โค้งงอเล็กน้อย ราวกับเสือชีต้าที่ออกจากถ้ำ มือทั้งสองข้างถือกระบี่โอรสสวรรค์ แทงออกไปทางด้านหน้าอย่างรวดเร็ว

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์