คังเสว่มี่ชำเลืองมองไปที่กู้เมิ่งเสวียน เห็นใบหน้าที่เย่อหยิ่งของนางเผยรอยยิ้มที่เหมือนว่าจะไม่มีอะไร ดูเหมือนว่ากำลังเฝ้ารอให้นางแสดงความน่าอับอายออกมา นางยกคางขึ้นเล็กน้อย
ผู้หญิงที่มีความรู้ความสามารถ จริงๆแล้วก็ยังคงมีระดับของมาตรฐานอยู่บ้างเล็กน้อย
อาจารย์ฟางครุ่นคิดอยู่พักหนึ่ง
เห็นนักเรียนที่อยู่ข้างล่างใบหน้าทุกคนเต็มไปด้วยความคาดหวัง
มีประเภทที่มีความรู้สึกชั่วร้ายในจิตใจหวังให้คังเสว่มี่แสดงความน่าอับอายออกมา
มีประเภทที่อยากจะมุงดูเยาะเย้ยสร้างความวุ่นวาย
และยังมีผู้ที่ต้องการอยากเห็นระดับมาตรฐานความ สามารถของเพื่อนที่มาใหม่ถึงแก่นแท้
สรุปแล้ว จุดประสงค์มีเพียงหนึ่งเดียวเท่านั้นคือให้คังเสว่มี่แสดงกวีออกมา
เดิมทีเขาไม่ได้มีความคิดเหล่านี้ ตอนนี้ดูเหล่านักเรียนเต็มไปด้วยความคาดหวัง จากนั้นเขาจึงหันหน้ามองไปที่คังเสว่มี่แล้วเอ่ย
“ในเมื่อเพื่อนๆทุกคนต่างพูดมากันเยี่ยงนี้แล้ว
เจ้าก็ทําตามกฎแต่งกวีมาสักหนึ่งบทแล้วหัน"
อาจารย์ฟางถลกเสื้อคลุมขึ้นแล้วนั่งลง ถือพู่กันไว้ในมือหนึ่งด้ามเตรียมจดบันทึก
คังเสว่มี่ไม่ได้เตรียมตัวมาล่วงหน้า จู่ๆมาให้นางแต่งกวี นางก้าวเดินไปข้างหน้าไม่กี่ก้าว เพื่อเรียนรู้หาแรงบันดาลใจสักนิดจากกวีเจ็ดก้าว ของโจสิด
ก้าวที่หนึ่ง ก้าวที่สอง ก้าวที่สาม......
นางก้มหน้าลงเล็กน้อย ทันใดนั้นในดวงตาก็ส่องแสงประกายขึ้นมาเล็กน้อย ไตร่ตรองอยู่สักพักแล้วท่องกลอนออกมา
“ลมพัดผ่านป่าต้นดอกฮว๋าย
(Sophora japonicaที่เป็นดอกสีขาว)
บุปผาร่วงหล่น ดุจดวงดาวจมหายเข้าไปในดินโคลน
สองเท้าเหยียบย่ำ ผีเสื้อเต้นรำดอมดมดอกไม้ที่หอมกรุ่นและสวยงามยามนั้นร่วงหล่นติดบนรองเท้า”
น้ำเสียงของหญิงสาวใสและไพเราะกินใจและยังมีเสียง นุ่มนวลที่ยังไม่เป็นผู้ใหญ่
ใบหน้าที่มีเสน่ห์กินใจเผยรอยยิ้มที่สวยงามอยู่บนใบ หน้าเล็กๆ ดวงตาทั้งสองข้างยกขึ้นเล็กน้อย......
ใบหน้าที่มีเสน่ห์กินใจเผยรอยยิ้มที่สวยงามอยู่บนใบ หน้าเล็กๆ ดวงตาทั้งสองข้างยกขึ้นเล็กน้อย.....
ในชุดผ้าฝ้ายกระโปรงยาวสีฟ้าอ่อนเบาสบาย ดูเหมือนผีเสื้อตัวน้อยๆตัวหนึ่งกำลังบินร่ายรำอยู่
ชวนให้นึกถึงดอกฮว๋ายที่อยู่เต็มต้นไม้ ถูกลมพัดปลิว
เหมือนกับแสงสว่างของดาวเต็มไปทั่วท้องฟ้าตกลงมา บนพื้นดิน
กลิ่นหอมที่ลอยมานั้น ไม่เพียงแต่ได้กลิ่นหอมบนพื้น ตั้งแต่เดินผ่านมาตามท้องถนนพื้นรองเท้าก็ติดไปด้วย กลิ่นหอมเช่นเดียวกัน ดึงดูดการไล่ล่าของผีเสื้อ
อาจารย์ฟางเงยหน้าขึ้นมองเล็กน้อย ในแววตาแสดงออกถึงการชื่นชม ลงมือเขียนราวกับหนังสือบินได้ พยักหน้าแล้วเอ่ยถาม
อารมณ์ท่วงทำนองของโคลงกลอนค่อนข้างยอดเยี่ยม เลยทีเดียว นี่เป็นครั้งแรกที่เจ้าแต่งกลอนหรือ?”
ทุกคนต่างก็รู้ว่าคุณหนูใหญ่แห่งตำหนักอ๋องคังนั้นโง่ เขลาเบาปัญญาไม่รู้ภาษาไม่เคยเข้าโรงเรียนมาก่อน
คนโง่เขลาเบาปัญญาคนหนึ่งใยจึงสามารถแต่งบทกวี ออกมาได้ดีเยี่ยงนี้ ดังนั้นอาจารย์ฟางจึงได้มีคำถามเช่นนี้
คังเสว่มี่หัวเราะเบาๆแล้วเอ่ย “แน่นอนนี่คือครั้งแรก ข้าไม่ปิดบังอาจารย์ เชิญท่านดู...... "
นิ้วก้อยนางชี้ไปที่กลีบดอกไม้สีขาวหิมะไม่กี่ดอกที่ติด ผีเสื้อน้อยสีสันหลากหลายสองตัวกำลังบินเข้ามาจาก ทางด้านหน้าประตูแล้วค่อยๆกระพือปีกอยู่รอบๆ มากับรองเท้าบูธของตน รองเท้าบูธของนาง
“เมื่อครู่นี้ตอนที่เดินเข้ามาในโก๋วจื่อเจี้ยน เหยียบดอกฮว๋ายที่อยู่บนพื้น
เมื่อครู่นี้ฉุกละหุก ก็ไม่ทันได้คิดว่าอะไรคือบทกวีที่ดี เรื่องราวก็นำมาจากตรงนี้ หวังว่าท่านอาจารย์จะไม่รังเกียจ!”
“ยอดเยี่ยม!” อาจารย์ฟางวางพู่กันลง สายตาลดลงไปมองที่ผีเสื้อสองตัว
“เขียนบทกวี สิ่งที่ต้องมีก็คืออารมณ์ ทัศนียภาพ เวลาและความรู้สึก
เจ้ายืนอยู่ตรงนี้ ไม่ได้เดินถึงเจ็ดก้าว ก็แต่งบทกวีออกมาดีเยี่ยงนี้!
ยากที่จะจินตนาการ เจ้าเป็นคนที่เพิ่งเข้ามาเรียนในวันนี้!
อาจารย์ฟางกำลังคิดเกี่ยวกับบทกวีนั้นเมื่อครู่นี้ แม้อาจจะไม่ได้ถูกกล่าวขานว่าการเขียนนั้นละเอียด สวยวิจิตร
อย่างไรก็ตามเขาสอนนักเรียนมาตั้งมากมาย แต่ไหนแต่ไรมาก็ไม่เคยเห็นว่ามีนักเรียนหญิงคนไหนที่ เข้ามาเรียนเป็นครั้งแรกก็สามารถเขียนบทกวีได้อย่าง รวดเร็วถึงเพียงนี้
แม้แต่กู้เมิ่งเสวียน ก็จําเป็นต้องออกหัวข้อไว้ล่วงหน้า หลังเวลาผ่านไปครึ่งธูปถึงสามารถทำผลงานออกมาได้ ระดับมาตรฐานเช่นนี้
คังเสว่มี่คิดในใจ นั่นเป็นเพราะว่าท่านไม่เคยอ่านของหลี่ไปต่างหาก บทกวีของผู้นั้นถึงจะเรียกว่ายอดเยี่ยมเป็นหนึ่ง ข้าเดาได้ว่าถ้าอาจารย์ได้ฟังแล้วจะต้องตื่นเต้นจนนอน ไม่หลับทั้งคืนเป็นแน่
นางเอ่ยอย่างถ่อมตน “ไม่ถึงขนาดนั้น ไม่ถึงขนาดนั้น ชมเกินไป ชมเกินไป"
อาจารย์ฟางพยักหน้า “ดีมาก นอกเหนือจากการเรียนแล้ว ยังต้องเกิดมาพร้อมกับพรสวรรค์และแรงบันดาลที่เป็น ไปโดยธรรมชาติจึงจะทำออกมาได้สำเร็จ
ข้าเห็นว่าเจ้าถึงแม้ว่าจะแทรกชั้นเข้ามากลางคัน แต่ก็ไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้ใดในที่นี้เลย!”
กู่เมิ่งเสวียนได้ยินคำชมของอาจารย์ฟาง สีหน้าของนางก็ได้เปลี่ยนไปเล็กน้อย
นางฟังคังเสว่มี่อ่านบทกวีจบ ก็รับรู้ได้ว่าเรื่องที่นางต้องการที่จะทำให้คังเสว่มีขาย หน้าด้วยผลงานชิ้นแรกของการเข้ามาเรียนนั้นมันไม่ ประสบความสำเร็จอย่างที่ตั้งใจไว้ใครจะรู้ว่าท่านอาจารย์ฟางยังจะเอ่ยชมนางต่อหน้า ผู้คนทั้งห้องเรียนถึงเพียงนี้ตั้งแต่ที่นางเข้ามาเรียน ไม่ว่าจะเป็นศิลปะสี่แขนง วิธีการป้องกันยิงธนูขี่ม้า ก็ไม่มีอันไหนเลยที่จะไม่ดีที่สุดในห้องเรียนอาจารย์ทุกคนล้วนภาคภูมิใจในตัวนาง บัดนี้เห็นคังเสว่มี่ที่เพิ่งจะเข้ามาเรียนก็ถูกอาจารย์ฟาง เอ่ยชมว่าไม่ได้ด้อยไปกว่าผู้ใดในโรงเรียนนี้ความหมายนี้ไม่ได้หมายความว่าดีไปกว่าตัวนางกู้เจิ่ง เสวียนหรอกหรือ?!คังเสว่มีเดินไปที่ตำแหน่งเดียวที่ว่างอยู่แล้วนั่งลง มองไปที่กู่เมิ่งเสวียน หันหน้าแล้วกระตุกมุมปากขึ้นยิ้มเยาะให้กับนาง ยกคิ้วสูง กระพริบตาใส่แล้วเอ่ย “ทำให้ท่านผิดหวังแล้ว คุณหนูกู้!"ดวงตาของนางเดิมทีแล้วก็มีเชาวน์กระพริบตาถึงเพียงนี้แถมยังแสร้งยิ้มให้ไปอีก แฝงเต็มไปด้วยการเยาะเย้ยเสียดสีสีหน้าของกู้เมิ่งเสวียนเปลี่ยนไปด้วยความโกรธ และในไม่ช้าสีหน้าของนางก็ถูกระงับไว้ไม่แสดงออกมา“เป็นข้าที่ประมาทเจ้าไป คังเสว่มี่อนาคตยังอีกไกล ระหว่างพวกเราจะต้องมีสูงมีต่ำ
copy right hot novel pub