โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

พลิกชะตาจอมนางข้ามภพ

ตอนที่ 146 มุงดูคนเปลื้องผ้า

ซึ่งหมายความว่าพวกเขายังจะต้องเรียนหนังสืออยู่ที่โก๋วจื่อเจี้ยนต่ออีกหนึ่งปี

ในเวลานี้ยังมีหญิงสาวที่อยู่ด้วยกันอีกสองคนซึ่งต่อจากนี้อีกประมาณหนึ่งถึงสองปีก็จะถึงวัยที่จะต้องแต่งงานออกเรือนแล้ว

ถ้าหากว่าก่อนออกเรือนยังไม่สามารถผ่านการสอบ ก็เป็นความอับอายขายหน้าเช่นเดียวกัน!

ในเวลานั้นทุกคนปฏิเสธที่จะปฏิบัติตามข้อตกลงการเดิมพันเลยพากัน ตะโกนส่งเสียงร้องเอะอะโวยวายขึ้นมา

“เจ้าบอกให้วิ่งก็จะวิ่ง บอกให้ถอดก็จะถอดหรือไง เจ้าคิดว่าเจ้าเป็นใครกัน พวกข้าแพ้ตั้งมากมายถึงเพียงนี้ ทําไมจะต้องไปเชื่อฟังเจ้าเพียงผู้เดียวด้วย!”

คังเสว่มี่เท้าคางปลายนิ้วแหลมคมเคาะลงเบาๆที่แก้ม ดูพวกเขาเริ่มตะโกนเอะอะโวยวาย ท่าที่แพ้แล้วพาลของทุกคนในตอนนี้ช่างตลกยิ่งนัก

“อืม พวกเจ้าหลายคน ข้าก็แค่คนเดียว พวกเจ้าอาจจะไม่ฟังข้า

แต่ข้าคิดว่า สวี่จี้จิ๋วจะต้องสนใจอยากรู้เป็นแน่ว่าในวันแรกที่นักเรียนใหม่เข้ามาเรียน

ก็ได้มีใครบางคนพาข้ามาที่นี่ ยุยงข้า ล่อลวงข้า บอกให้ข้าเล่นเกมการพนันพวกนี้

และสมรู้ร่วมคิดกันมาหลอกลวงข้าว่ามันเป็นแค่การทายพนันกันธรรมดา พยายามทําให้ข้าบ้าระห่ำในโรงเรียน

ถ้าหากว่าข้าจําไม่ผิดล่ะก็ กฎระเบียบในสถานศึกษาที่อยู่บนโต๊ะ เปิดขึ้นมาหน้าแรกที่ใช้รูปแบบตัวหนังสือหนาเขียนไว้ ข้างบน สิบกฎข้อบังคับที่ห้ามทำ

ข้อที่ห้าคือ ไม่อนุญาตให้มีการเล่นการพนันใดๆหรือเกมที่ทำนองเดียวกันกับการเล่นพนันภายในสถานศึกษา

ถ้าหากว่าพบเข้า ผู้ที่มีส่วนร่วมทั้งหมดจะถูกไล่ออก ไม่ถูกบันทึกในโก๋วจื่อเจี้ยนอีกตลอดไป

ไม่รู้ว่า พวกเจ้ายังจำมันได้อยู่หรือไม่?”

น้ำเสียงของนางราวกับตะปู ตะปูที่ตอกลงไปทีละดอกๆที่เข้าไปฝังอยู่ก้นบึ้งของหัวใจของคนเหล่านั้น

ทันใดนั้นบนใบหน้าของผู้คนส่วนใหญ่ก็เผยสีหน้าท่าทางประหลาดใจออกมา ไม้จิ้มฟันที่คาบไว้ที่มุมปากของจางเสี่ยวชีก็ห้อยลงมา ติดที่มุมปากจะตกไม่ตกแหล่

คังเสว่มี่คว้ามันมา ยกมือขึ้นแล้วขว้างมันทิ้ง

เตรียมที่จะร่วงตกลงอยู่ข้างๆตะกร้าขยะที่ทำจากไม้ไผ่

หลังจากนั้นนางก็กระโดดขึ้นไปบนโต๊ะแล้วยกพวงป้ายแขวนเอวที่อยู่ในมือขึ้น แล้วแกว่งไปมาต่อหน้าพวกเขา

“เห็นหรือไม่นี่คืออะไร ป้ายแขวนเอวของพวกเจ้าอย่างไรเล่า มันอยู่ในมือของข้า และนี่มันคือหลักฐาน!”

สีหน้าของทุกคนในขณะนี้ซีดไปหมดแล้ว ความรู้สึกในเวลานี้สามารถใช้สี่อักษรมาอธิบายได้ ด้วยการสู้รบกันของมนุษย์และสวรรค์

แก้ผ้า วิ่งรอบสถานศึกษาชื่อดังและต้องตะโกนคำเหล่านั้นอีก แน่นอนว่าต่อจากนี้พวกเขาไม่มีหน้าไปพบผู้คนอย่างแน่นอน และพวกเขาจะต้องโดนหัวเราะเยาะไปตลอดชีวิต

หนำซ้ำยังโดนพ่อแม่ต่อว่าต่อขาน ทําให้ชื่อเสียงขุนนางเสียหาย ขับไล่ไสส่งออกไปจากตระกูล

ยิ่งแต่ละคนล้วนเป็นลูกๆหลานๆในเมืองหลวงเหล่านี้ที่ไม่เคยมีประสบการณ์ที่ทำให้ขายหน้ามาก่อน

วิชาความรู้ของพวกเขาอาจจะไม่ได้ดีที่สุด แต่สามารถมานั่งเรียนอยู่ที่โก๋วจื่อเจี้ยนได้ ก็ไม่ใช่ประเภทที่โง่เขลา

ยิ่งไปกว่านั้นการถูกไล่ออกจากโก๋วจื่อเจี้ยนด้วยผลการตรวจสอบการประเมินที่แย่ ดูเหมือนคำว่า “แย่” ก็ไม่ได้นับว่ามีอะไร.......

หลี่ฟางเพิ่งจะตื่นขึ้นมาจากการตกตะลึงในผลลัพธ์แล้วมองไปที่รอยยิ้มอันอบอุ่นของคังเสว่มี่ คิดว่านางน่าจะเป็นคนที่พูดด้วยง่าย

หันกลับแล้วเดินไปอยู่ข้างกายของคังเสว่มี่ในทันที สีหน้าเปลี่ยนไป หันไปมองที่คนอื่นๆแล้วเอ่ย

“พวกเจ้าใยจึงได้มาดูถูกเพื่อนร่วมชั้นที่เพิ่งมาใหม่แบบนี้ได้เยี่ยงไร ไม่คาดคิดว่าจะมาลวนลามกันในนี้! การกระทําเยี่ยงนี้ช่างน่ารังเกียจจริงๆ"

เมื่อพูดเสร็จก็หันหน้าไปมองที่คังเสว่มี่แล้วเอ่ย

“พวกเขานี่ทำเกินไปจริงๆเลย เห็นพวกเรามากันสองคนก็ตั้งใจวางกับดักเพื่อทำร้าย พวกเรา”

หลังจากที่คังเสว่มี่เห็นนางแสดงท่าทีเช่นนี้เสร็จก็เท้าคางแล้วค่อยๆเอ่ยออกมาอย่างช้าๆ

“ใช่แล้ว ข้ารู้ว่าเจ้าเป็นคนที่สมควรที่จะถอดมากที่สุดแล้ว

รีบถอดเสื้อผ้าออกแล้วไปวิ่งนำอยู่ข้างหน้าสุด ข้าเชื่อว่าพวกเขาจะต้องยินดีที่ได้เห็นเจ้าทําหน้าที่เป็น ผู้นําแกะเป็นแน่”

“ข้า?.. ใยข้าต้องไปด้วยเล่า ข้ามาด้วยกันกับเจ้านะ!

เป็นพวกเขาที่รังแกพวกเรา ใยเจ้าถึงได้เอาข้าไปเป็นพรรคพวกเดียวกันกับพวกเขาเล่า!”

หลี่ฟางโกรธยิ่งนัก ดูเหมือนว่าดวงตาทั้งสองข้างจะแดงขึ้นมาเพราะถูก เข้าใจผิดและรู้สึกสลดใจ

รอยยิ้มที่มุมปากของคังเสว่มี่จางหายไปเล็กน้อยแววตาที่อยู่บนใบหน้าอันใสบริสุทธิ์สะท้อนให้เห็นแสง แห่งความเย็นเยือกออกมา

นางยื่นนิ้วมือขาวๆออกมาแล้วส่ายเบาๆต่อหน้าหลี่ฟาง แล้วเอ่ยด้วยเสียงแผ่วเบา

“จําไว้ อย่าคิดว่าตนเองเป็นคนที่ฉลาดที่สุดในใต้หล้านี้

คนที่เก่งกาจกว่าเจ้าบนโลกนี้ยังมีอยู่เต็มบ้านเต็มเมือง”

ตั้งแต่หลี่ฟางปรากฏตัวขึ้น นางก็เต็มไปด้วยความระแวดระวัง

ทุกคนรู้ดีว่าเหยาเมิ่งฉิงเป็นหัวหอกของกู้เมิ่งเสวียน กู้เมิ่งเสวียนชี้ไปที่ใด เหยาเมิ่งฉิงก็จะเป็นกองหน้าไปที่นั่น

ในเมื่อหลี่ฟางก็เป็นนักเรียนในโรงเรียนนี้ ย่อมรู้ดี

แม้ว่าจะเป็นดั่งที่นางพูด นางเกลียดกู้เมิ่งเสวียนที่บดบังรัศมีแสงสว่างของหญิงสาวทั้งชั้นเรียน

แต่สำหรับตนเองที่เข้ามาเรียนในชั้นเรียนกับกู้เมิ่งเสวียนตนก็ได้แขวนตำแหน่งเป็นศัตรูกับนาง คนที่มีชื่อเสียงที่ไม่ดี

จําเป็นต้องให้ความรักใคร่สนิทสนมเช่นนั้นหรือ?

ความคุ้นเคยระหว่างคนกับคนเป็นกระบวนการหนึ่งที่ จะค่อยๆสะสมความรู้สึกที่มีต่อกันทีละนิดๆอย่างช้าๆ

ในตอนที่นางเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจได้เห็นคนจําพวกที่ กระตือรือร้นและจริงใจมากมายที่เดินทางมาได้ครึ่ง ทาง

ไม่ใช่การขายประกันสินค้าที่ถูกขโมยมา ก็คงเป็นหลอกลวงลักพาตัวไปขาย

แน่นอน นางก็เคยคิดว่าคนโบราณอาจจะมีความกระตือรือร้น มากกว่านิดหน่อย จริงใจสักหน่อย

น่าเสียดายที่หลี่ฟางพานางมาเล่นสิ่งที่เรียกว่า “เจ้าทาย ข้าทาย เจ้าทาย” ที่อยู่ด้านหน้านี้ นางก็รู้ว่าความระแวดระวังของตนนั้นไม่ได้ผิด

หลี่ฟางก็เป็นพรรคพวกของกู้เมิ่งเสวียน หรือจะพูดว่าเป็นคนที่อยากจะเป็นมิตรกับกู้เมิ่งเสวียน

ทุกคนที่นี้ล้วนอยากเป็นมิตรกับกู้เมิ่งเสวียนและเป็นมิตรกับกู้เฉิงเสี้ยงกันทั้งนั้น

ได้ยินคำพูดของคังเสว่มี่ สีหน้าหลี่ฟางก็ขาวซีด เข้าใจแล้วว่าตั้งแต่ต้นตนเองก็ถูกคนมองออกอย่างทะลุปรุโปร่งแล้ว นางยังคงคิดว่าตนเองมีโอกาสที่จะสามารถหลบหนีการ

วางแผนนี้ได้ นางถอยกลับไปสองก้าวและหันไปมองที่คังเสว่มี่อย่างรวดเร็ว ดวงตาแดงๆทั้งสองข้างนั้นมีหยดน้ำตาอยู่แล้วเอ่ย“ใยเจ้าจึงได้ปฏิบัติเยี่ยงนี้ต่อพวกข้า พวกข้าทุกคนล้วนเป็นเพื่อนร่วมชั้นของเจ้า เจ้าทำเยี่ยงนี้มันมีผลดีอันใดต่อเจ้า?วันข้างหน้ายังต้องเจอหน้ากันอีก จะไม่ลำบากใจแย่หรือไง?"ข้าวแบบเดียวกันเลี้ยงคนได้ร้อยคนเหมือนกัน คังเสว่มี่มองที่ดวงตาแดงๆของหลี่ฟาง ถ้าหากมองดูท่าทางของนางเพียงคนเดียวในเวลานี้ ก็คงคิดว่าหลี่ฟางนั้นทำดีต่อนางจริงๆแต่คนประเภทนี้ เป็นพวกปากหวานใจขมที่สุด ลมเปลี่ยนทิศสับเปลี่ยนได้สองฝั่ง ฝั่งไหนที่มีอิทธิพลก็ช่วยฝั่งนั้นคำพูดกินใจ เมื่อลงมือทําเหมือนมีดที่ทิ่มแทงไม่เหลือแม้แต่จิตใจคังเสว่มี่ยิ้มอย่างชั่วร้าย ในหน้าตามีความเยาะเย้ยถากถางอยู่ลึกๆ“ถ้าหากว่าข้าไม่ได้ค้นพบแผนการสกปรกของพวกเจ้า พวกเจ้ายังจะคิดได้หรือไม่ว่าในอนาคตเจอข้าจะไม่อึดอัดใจหรือไง?พวกเจ้าจะลำบากใจหรือไม่ลำบากใจข้าไม่รู้ แต่กับข้าไม่ลําบากแน่นอนคำพูดไร้สาระไม่ต้องเอ่ยให้มันมากความ ข้าไม่ได้สนใจที่จะฟัง”หนุ่มสาวที่ผ่านการต่อสู้ดิ้นรนเมื่อครู่นี้ เห็นวิชาการต่อสู้ของจางเสี่ยวซี ซึ่งในบรรดาทั้งหมดจางเสี่ยวซีนั้นมีวิทยายุทธที่ดีที่สุดแต่เหตุใดเมื่อมาอยู่ในกำมือของคังเสว่มี่แล้ว วิชาการต่อสู้ของเขานั้ยก็ไม่ได้ดีเท่าไหร่แล้วในเวลานี้ก็เลือกสิ่งที่ได้รับความเจ็บปวดน้อยที่สุดแล้วกันนั่น คือเปลื้องผ้าวิ่ง

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์