หลี่ฟางและเหยาเมิ่งฉิงและยังมีหญิงสาวอีกสามคนที่กำคอเสื้อคลุมแน่นอย่างเอาเป็นเอาตาย เดินถอยหลังกลับไปไม่กี่ก้าว แล้วเอ่ยอย่างไม่กลัวที่จะตาย
“คังเสว่มี่ เจ้ามันเหี้ยมโหดเกินไปแล้ว พวกข้าล้วนแต่เป็นหญิงสาวที่ยังไม่ได้ออกเรือน จะให้ไปเปลือยกายต่อหน้าผู้คนได้อย่างไร?”
ผ่านมานานถึงเพียงนี้แล้ว คังเสว่มี่ก็หมดความอดทนเช่นเดียวกัน กวาดตามองดูใบหน้าของพวกนางแล้วกระโดดลงมาจากโต๊ะ เดินไปถึงประตูทางออกหน้าแปลงดอกไม้แล้วหันหน้า กลับมาพูดอย่างเย็นชา
“ข้าให้เวลาพวกเจ้าหนึ่งก้านธูป ถ้าหากว่าข้าเดินไปถึงข้างล่างตึกเรียนของสวี่จี้จิ๋วแล้วพบ ว่ามีใครสักคนที่ไม่ทําตามความต้องการของข้า ถ้าเกิดอะไรขึ้นก็อย่ามาโทษข้า!
ถ้าจะโทษก็โทษคนในหมู่ของพวกเจ้า ที่หลอกให้พวกเจ้ามาติดกับดักก่อน ไม่วายทําให้พวกเจ้าต้องโชคร้ายกันเอง!"
นํ้าเสียงของนางลดลง กลุ่มคนหนุ่มสาวเหล่านั้นส่งเสียงอึกทึกแล้วหันสายตา ไปมองที่หญิงสาวห้าคนพร้อมๆกัน
จางเสี่ยวชีเป็นคนแรกที่ก้าวขึ้นไปข้างหน้า
ร่างกายส่วนบนเปลือยเปล่าอย่างหมดจดเผยให้เห็น กล้ามเนื้อที่กำยำ
"พวกเจ้าก็รีบถอดมันออกเสีย จะถอดด้วยตนเองหรือให้พวกข้าถอดให้
หากว่าพวกข้าลงมือ เสื้อผ้าถูกฉีกขาดเละเทะแล้ว หลังจากนั้นคงไม่มีเสื้อผ้าให้ใส่กลับเข้าไปแล้วนะ!”
เหยาเมิ่งฉิงตะโกนพูดด้วยน้ำเสียงที่แหลมคม “จางเสี่ยวซี เจ้ากล้า? หรือว่าเจ้าไม่กลัว......"
“เหยาเมิ่งฉิง เจ้าอย่ามาใช้อำนาจข่มขู่จางเสี่ยวซีนะ ข้าจะบอกเจ้าให้! ยังมีพวกข้าอยู่...... "
นอกจากนั้นก็ยังมีเด็กหนุ่มอีกคนพูดขึ้นมาอีกหน
เสียงกรีดร้อง เสียงสะอื้นไห้ เสียงด่าว่า เสียงที่จะต่อสู้ร่วมกันดังลอยออกมาจากด้านหลังแท่นศิลา เสียงกระหึ่มหัวเราะ จารึก
เห็นผู้คนกลุ่มหนึ่งกำลังกัดกันเองอยู่ตรงนั้น เดินไปถึงข้างล่างตึกของอาจารย์สวี่เป็นที่เรียบร้อย คังเสว่มี่ก็อารมณ์ดียิ่งนัก
จากนั้นนางก็ค้นหาหินก้อนที่นูนออกมา นั่งลงเรียบร้อยแล้วนำอาหารว่างที่ชวนหลันยัดเก็บไว้ ให้ในกระเป๋าแขนเสื้อก่อนออกเดินทาง ออกมา ค่อยๆกินอย่างช้าๆรอดูการแสดง
เพิ่งได้ลิ้มรสความหวานของเค้กพุทราจีนเสร็จไปหนึ่งชิ้น ก็เห็นคนกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งปรากฏตัวขึ้นข้างหน้า
พวกเขาเรียงแถวเป็นขบวนอย่างเป็นระเบียบ นําหน้าโดยจางเสี่ยวซี และเหยาเมิ่งฉิงนำทีม
ชายที่เปลือยท่อนบน ใส่กางเกงซับในสีขาวดอกไม้สีฟ้าดูกล้าหาญไม่ปิดบังอันใด เปิดเผย เอื้อเฟื้อเผื่อแผ่ ขี้อายเล็กน้อย มือทั้งสองข้างโอบไหล่ ปกปิดนกน้อย
พยายามหาความรู้สึกปลอดภัยของจิตใจสักเล็กน้อย
หญิงสาวเปลือยกายที่เห็นด้านหลัง เผยให้เห็นสายคาดสองเส้นสีแดง สีชมพู สีเขียวที่พันผูกอยู่ที่ข้างหน้าหน้าอก
ลังเลใจไม่รู้ว่าควรจะใช้มือปิดบังใบหน้าหรือโอบอ้อมหน้าอกไว้ไม่ให้มันกระเพื่อมดี
คังเสว่มี่รู้สึกว่าเวลานี้ทัศนียภาพส่วนตัวในฤดูใบไม้ผลิช่างดีเหลือเกิน
นอกจากนี้คนเหล่านั้น พวกเขายังพากันตะโกนคำที่ใช้เดิมพันกันก่อนหน้านี้ที่อยู่ในลำคอออกมา
ถ้าหากว่าพวกเขาสามารถบินได้ได้ หรือเหาะเหินเดินอากาศได้ คงไม่รอช้าที่จะใช้มันในการวิ่งรอบทั้งโรงเรียนได้ภายในพริบตา
เพื่อหลีกเลี่ยงไม่ให้ถูกคนมุงดูความโชคร้ายของตนเองในเวลานี้
แต่น่าเสียดายที่มักจะมีช่องว่างระหว่างความคิดและความเป็นจริงเสมอ
ในตอนที่พวกเขากำลังตะโกนสโลแกนที่สดใสสวยงาม และซึ้งกินใจว่า
“พวกเราเป็นชายโฉดหญิงแพศยา” อยู่นั้น.......
เหล่าอาจารย์และนักเรียนทุกคนที่อยู่ในโรงเรียนล้วนต่างพากันตกตะลึงกับคำพูดที่ซึ้งกินใจของคนกลุ่มนั้นอยู่นั้น
นักเรียนจากในห้องเรียนที่กำลังเข้าเรียนและทำการบ้านอยู่ใน อาคารเรียนต่างพากันทยอยออกมาดู
ทุกคนต่างเต็มไปด้วยความกระตือรือร้นความอยากรู้อยากเห็น เต็มร้อย
เปิดตากว้างเพื่อชมทัศนียภาพที่ยิ่งใหญ่ในโก๋วจื่อเจี้ยน ซึ่งยากที่จะได้เห็นสักครั้งในรอบศตวรรษ
เหล่าสตรีปฏิบัติตามประเพณีอย่างเคร่งครัด รีบยื่นมือขึ้นมาปิดดวงตา แต่ก็อดไม่ได้ที่จะแอบมองผ่านเข้าไปในซอกนิ้วเพื่อดูร่างกายที่ยากจะได้เห็นของพวกชายหนุ่ม
หน้าแดงระเรื่อ หัวใจเต้นรัว
เหล่าชายหนุ่มมองไปบนแผ่นหลังที่เปลือยเปล่าของหญิงสาว อย่างไม่กระพริบตาพร้อมผิวปากพิงรั้วแล้วตะโกนใส่หญิงสาวชั้นสูงทั้งห้าคน อย่างเสียงดัง
“ยอดเยี่ยมเลย ลองถอดเสื้อคลุมออกด้วยสิ!"
การถูกผู้คนมุงดู มันไม่ได้เป็นเรื่องที่มีความสุขมากที่สุดในตอนนี้
ภายใต้สายตานับพันที่แผดเผา มีใครบางคนอายจนทั่วทั้งร่างแดงราวกับหยดเลือด เลี่ยงไม่ได้ที่จะต้องวิ่งหนี
แต่กลับถูกผู้คนจ้องมองอย่างเอาเป็นเอาตายทั้งด้านหน้าและด้านหลัง ไม่เปิดโอกาสให้นางได้มีทางถอยกลับแต่อย่างใด!
ถ้าคนหนึ่งวิ่งหนีไป ทั้งหมดจะถูกไล่ออก!
เสียสละเจ้าเพียงคนเดียว มีความสุขกันนับไม่ถ้วน!
เหล่าอาจารย์ต่างพากันถอนหายใจพร้อมๆกัน ส่ายหัวกันพัลวันพร้อมกับทอดถอนใจด้วยความ กลัดกลุ้ม
"เลือดหมาป่าเดือดพล่าน ศีลธรรมของประชาชนเลวร้ายขึ้นทุกวัน ศีลธรรมของประชาชนช่างเลวร้ายขึ้นทุกวัน มีเพียงสถานการณ์เยี่ยงนี้เท่านั้นที่สามารถทำให้พวกนักเรียน มีความกระตือรือร้น
ถ้าหากในการเรียนหนังสือมีความกระตือรือร้นได้เยี่ยงนี้ การประเมินผลของทุกคนทั้งหมดคงจะดีเยี่ยม"
ที่ชั้นบนสูงสุดของหอคอยในสถานศึกษามีเงาของคนสองเงายืนอยู่ สายตาสำรวจสถานที่เกิดเหตุจากไกลๆ
ถ้าหากมองลงไปด้วยสายตาของพวกเขา จากระดับความสูงและมุมมองนี้สามารถมองเห็นเรื่องราวเบื้องหลังทั้งหมดตรงลานกว้างด้านหลังของแท่นศิลาจารึกนั้นได้โดยตรง
คิ้วของสวี่จี้จิ่วผูกกันแน่น มองลงไปข้างล่างที่น้ำเต้าเนื้อสีขาวพวกนั้น มุมปากตึงแน่น
เมื่อครู่จี้อี้บอกว่าอยากจะขึ้นมาดูบนหอคอย เขาเลยขึ้นมาเป็นเพื่อนด้วยกันกับจี้อี้
ทั้งสองพูดเกี่ยวกับเรื่องการศึกษาบางส่วนข้างต้นจะไปรู้ได้อย่างไรว่าเพียงแค่จะผลักหน้าต่างเปิดออกให้อากาศ ปลอดโปร่ง
ดันไปเห็นเงากลุ่มก้อนของคนกลุ่มนั้นที่กำลังสนุกครึกครื้นอยู่ไม่ไกลจากตรงนี้
แม้ว่าสวี่จี้จิ๋วจะไม่มีวิทยายุทธในร่างกาย แต่รู้ว่าจี้อี้มีจึงเรียกเขามาฟัง
หลังจากได้เรียนรู้เกี่ยวกับพฤติกรรมการกระทำของ นักเรียนเหล่านั้น สีหน้าเขาก็แข็งทื่อ ต้องการเรียกคนให้ไปจับเอานักเรียนกลุ่มนั้นที่กำลัง เล่นยุ่งเหยิงกันอยู่ตรงนั้นออกมา
แต่ว่าจี้อี้กลับเรียกให้เขาจับตาดูต่อไป"จี้อี้ เจ้าดึงข้าเอาไว้เพื่อต้องการให้ข้าดูภาพเหตุการณ์ในตอนนี้หรือ?มันเป็นการกระทําที่อนาจารขัดต่อประเพณีและศีลธรรมนะ!”จี้อี้ยิ้มเล็กน้อย ดวงตาสงบยาวนานหัวเราะแล้วเอ่ย“ท่านอาจารย์สวี ไม่ใช่ว่าท่านไม่พอใจกับแก๊งนักเรียนที่แอบทำอะไร ลับๆในโรงเรียนมาตลอดหรอกหรือ?”สวี่จี้จิ๋วรู้ว่านักเรียนคนนี้ของตนแตกต่างจากคนอื่นๆ วัยหนุ่มสาวประสบกับความสําเร็จนั้นจิตใจไม่ธรรมดา เห็นสิ่งต่างๆไกลเกินกว่าคนทั่วไปจะเห็น เขาจึงทนที่จะฟังต่อ“นั่นมันเกี่ยวข้องอันใดกับเรื่องนี้?”นิ้วของจื้อี้เกาะอยู่หน้าต่าง ปลายนิ้วสีขาวเรียวเคาะกับขอบหน้าต่างสีแดงสด พูดพึมพำราวกับลมพัดปุยฝ้าย“แก๊งเหล่านั้นมักจะถูกใช้งานอยู่ข้างกายของกู้เมิ่งเสวียนและเหยาเมิ่งฉิงในทุกวันถ้าเรื่องนี้ไม่ได้บงการโดยคนทั้งสอง ไม่มีทางที่นักเรียนที่เพิ่งเข้ามาเรียนใหม่จะมาเล่นพนันเยี่ยงนี้ได้อย่างแน่นอนเหตุการณ์ในวันนี้ ถือเสียว่าใช้โอกาสนี้ที่ประจวบเหมาะเพื่อเตือนสติ บรรดาแก๊งของคนที่ชอบแอบทำเรื่องผิดกฎในสถาบันการศึกษาไม่ดีกว่าหรือ”
copy right hot novel pub