โก๋วจื่อเจี้ยนเป็นสถาบันการศึกษาระดับสูงที่สุดในยุคสมัยนี้ที่นักเรียนต่างใฝ่หาหวังว่าจะได้มาหาความรู้
ภายใต้ตำราที่ปกคลุมไปด้วยหมึกสีดำ ที่นี่ยังมีอ่างน้ำวนที่อันตรายซ่อนอยู่ภายใต้เขตสถานศึกษา อ่างน้ำวนนี้ไหลจากราชสำนักแพร่ขยายยาวจนถึงเขตของโรงเรียน
นอกเหนือจากการเรียนหนังสือ ลูกๆหลานๆของข้าราชการระดับล่าง ที่เรียนหนังสืออยู่ที่นี่ต้องใช้ความพยายามทำทุกวิถีทาง เพื่อคบค้าสมาคมกับลูกท่านหลานเธอผู้สูงศักดิ์สร้างความสัมพันธ์ที่ดี
เพื่อเตรียมพร้อมสำหรับหนทางที่จะโบยบินและก้าวไปเป็นขุนนางในอนคต
นักเรียนที่มีความฉลาดเฉลียวและมีความสามารถ เหล่าขุนนางชั้นผู้ใหญ่ก็ยินดีที่จะให้พวกเขาได้ใช้มันเพื่อค้นหาจิตใจความคิดที่นี่ก่อนได้ ด้วยตนเอง..………...
เพื่ออนาคตพวกเขาจะได้มีแขนเพิ่มขึ้นมาอีกข้างในราชสำนัก
โรงเรียนแห่งนี้ ไม่ได้เป็นเพียงสถานที่แห่งการเรียนรู้
อันที่จริงปรากฏการณ์เช่นนี้ก็เคยมีเกิดขึ้นในปีที่แล้วๆมา
ความสามารถในการเข้าสังคมก็นับได้ว่าเป็นส่วนหนึ่ง ของการเรียนรู้
แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ปรากฏการณ์รุนแรงเช่นวันนี้ยังไม่เคยมีให้เห็น
แต่ต่อให้ไม่รุนแรงถ้าผิดกฎของสถานศึกษาขึ้นมา เพื่อรูปแบบการเรียนรู้ที่ถูกต้องสวี่จี้จิ๋วจะไม่ปราบปรามก็ไม่ได้
สวี่จี้จิ๋วมองไปที่ชายหนุ่มที่หล่อเหลาที่อยู่ข้างกาย ท่าทีที่ดูสง่า รอยยิ้มที่สดใส
ระหว่างที่พูดคุยดูสบายๆ แต่ไหนแต่ไรมาก็เห็นเพียงแค่เงียบสงบและไม่ใส่ใจ
ทันใดนั้นก็นึกขึ้นมาได้ว่าเคยเห็นท่าทีของเขาเช่นนี้เมื่อหลายปีก่อน ภายในดวงตาจดจ้องแล้วหันกลับไปมองที่พวงของน้ำเต้าสีขาวอีกครั้ง
“เช่นนั้นเรื่องการเล่นการพนันนี้เล่า?”
จี้อี้ก้มหน้าแล้วอมยิ้มที่มุมปาก “พวกเขาทั้งหมดไม่ใช่ว่าได้รับการลงโทษแล้วหรอก หรือ?
ข้าคิดว่า นี่มันดีกว่าการลงโทษใดๆทั้งสิ้นของโรงเรียนเสียอีก มันสามารถทำให้พวกเขาจดจำเหตุการณ์นี้ได้ไม่ลืมเลือน
เหมือนกับว่าเรื่องราวนี้จะคอยเตือนพวกเขาว่ามันเพิ่งเกิดขึ้นเมื่อไม่นานนี้ รู้สึกราวกับว่าถ้าทำเช่นนี้อีก เรื่องราวในวันนี้มันก็จะเกิดขึ้นกับพวกเขาอีกครั้ง”
สวี่จี้จิ๋วเงียบไป มองดูใบหน้าที่ยิ้มแย้มของจี้อี้ หัวคิ้วก็ผูกเข้าด้วยกันจนแน่น
“มันเป็นเรื่องที่หาได้ยากที่เจ้าช่วยพูดให้กับพวกเขาในวันนี้
แต่พวกเขากำลังวิ่งวุ่นวายกันอย่างบ้าระห่ำอยู่ที่นี่ ข้าไม่อาจให้อภัยได้เด็ดขาด!
ไม่ไล่พวกเขาออกจากโรงเรียน มันก็เป็นความอดกลั้นที่ยิ่งใหญ่ที่สุดแล้ว ถ้าเครื่องแต่งกายไม่เป็นระเบียบเช่นนี้ยังไม่ไปจัดการ ให้เรียบร้อยได้เยี่ยงไร"
กฎระเบียบในโรงเรียนจะต้องสวมใส่อย่างถูกต้อง
จี้อี้ไม่พูดอันใดอีก เขายิ้มเล็กน้อย
นั่นถือว่าเห็นด้วยกับวิธีการจัดการของสวี่จี้จิ๋ว
สวี่จี้จิ๋วก็เหลือบมองจี้อี้อีกครั้ง นึกถึงอะไรบางอย่าง ในแววตามีข้อสงสัยอยู่เล็กน้อย
“เจ้าตั้งใจลากข้าจากอาคารเรียนขึ้นมาบนหอคอย ที่แท้ก็รู้ตั้งแต่แรกแล้วว่ามันจะต้องเกิดเรื่องเยี่ยงนี้ขึ้นใช่หรือไม่? ใช้แน่ๆต้องใชแน่ๆ"
สิ่งที่เขาพูดเป็นประโยคบอกเล่าประโยคหนึ่ง ไม่ใช่คําถามอย่างสงสัย
ภายในใจรู้ดีอยู่แล้วว่ามันผิดปกติที่จี้อี้บอกว่าอยากขึ้น มาบนหอคอยสูงของสถานศึกษา
ทั้งยังมาเห็นฉากนี้อีก มันไม่ใช่เรื่องบังเอิญอย่างเด็ดขาด
ใบหน้าของจี้อี้ไม่ขยับ สายตามองหยุดอยู่ที่ข้างล่างแล้วยิ้มเหมือนไม่มีอะไร
สวี่จี้จิ๋วเห็นว่าเขาไม่พูด หัวคิ้วผูกกันแน่นแล้วปริปากพูดอีกหน
“ในเมื่อเจ้ารู้แต่แรกอยู่แล้ว แล้วใยเจ้าจึงไม่เตือนคังเสว่มี่
หรือว่าเจ้ามีความมั่นใจว่านางสามารถรับมือกับการกลั่นแกล้งของเพื่อนๆในโรงเรียนมากมายถึงเพียงนี้ได้อย่างนั้นหรือ?”
จี้อี้เอ่ยด้วยเสียงที่ผ่อนคลาย
“เรื่องเล็กๆน้อยๆเพียงนี้หากนางยังไม่สามารถรับมือกับมันได้นั่นถือ
ว่านางอยู่ที่โก๋วจื่อเจี้ยนไปก็ไม่มีประโยชน์อันใด "
ใบหน้าของหญิงสาวโผล่ขึ้นมาในสมองของเขา ทุกคนได้เห็นเพียงแค่ความอ่อนโยนและไร้เดียงสาของนางเท่านั้น
ก็เหมือนกับความสวยงามของดอกไม้ เผยให้เห็นกลีบดอกที่อ่อนนิ่มต่อหน้าผู้คน
แต่ภายในจิตใจที่เฉลียวฉลาดและปราดเปรียวก็เป็นเหมือนกับหนามแหลมคมที่อยู่บนก้านช่อดอกไม้ที่ สามารถทำให้ผู้คนสัมผัสเลือดได้ตลอดเวลา เมื่อถูกรุกรานก็จำเป็นต้องตอบโต้กลับ
ดูเหมือนว่าจะไม่รู้อะไรเลย แต่ในความเป็นจริงแล้วนางนั้นเข้าใจอย่างชัดแจ้ง
สวี่จี้จิ๋วจำได้ว่าเมื่อครู่นี้ที่เห็นหางตาและปลายคิ้วของ หญิงสาวไม่ได้มีความโง่เขลาอย่างที่เขาเล่าขานกันมาเลยแม้แต่นิด
ลมหายใจแห่งความปั่นป่วนเข้ามาแทนที่ เขาจ้องมองลึกลงไปที่จี้อี้สามารถรับปากกับท่านอ๋องคังพาคังเสว่มี่มารายงานตัว
สำหรับอาจารย์สวี่แล้วมันเป็นเรื่องประวัติการณ์ที่ไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน และยิ่งไปกว่านั้นคังเสว่มี่ก็ไม่ได้เป็นเหมือนกับในข่าวลือที่เขาเล่าขานกันมา
ในสองสายตาที่เขากำลังมองสำรวจดู
จี้อี้ก็หันหน้ากลับอย่างช้าๆ ริมฝีปากเปิดขึ้นเล็กน้อย เพลิดเพลินไปกับการดูการชุมนุมกันของฝูงชนที่มาก ขึ้นเรื่อยๆที่ด้านล่าง
“ท่านอาจารย์สวี่ถ้ายังไม่ไปจัดการกับเรื่องนี้ล่ะก็ คนข้างนอกอาจจะได้รับข่าวสารแล้วเข้ามามุงดูทัศนียภาพที่งดงามของโก๋วจื่อเจี้ยนเป็นได้"
สวี่จี้จิ๋วสัมผัสได้ถึงสายตาที่มองไกลออกไปของเขา เหลือบมองเขาอีกครั้งแล้วหันกลับมองไปที่ข้างล่าง หอคอยแล้วเดินลงไป
รอให้เสียงฝีเท้าค่อยๆไกลออกไป จี้อี้ก็หันกลับมายืนอยู่บนหอคอยสูงแล้วเพลิดเพลินไป กับการเรียนรู้
สายลมพัดเอาความร้อนระอุพัดผ่านมา ปะทะเบาๆที่ใบหน้าของเขา
ในดวงตาเหมือนกับมีเมฆหมอกโผล่ขึ้นมา วนอยู่รอบๆนัยน์ตา เขาหลับตาลงเบาๆ
สักพัก ลมก็กระโชกมาอีกครั้ง
จี้อี้ลืมตาขึ้นสายตาลดลงไปที่ร่างของเด็กน้อยที่อยู่ในพุ่มไม้ใต้อาคารเรียน เขายิ้มขึ้นมาเล็กน้อยกลิ่นหอมของดอกไม้ในฤดูร้อนหอมกรุ่น อากาศร้อนอบอ้าวคังเสว่มี่กินเค้กกุ้ยฮวาเข้าไปอีกชิ้น อ้าปากหาว มองดูร่างกายที่ส่องแสงประกายขาวของคนกลุ่มหนึ่งวิ่งผ่านหน้านางไป ราวกับดอกไม้เล็กๆที่สั่นไหวในสายลมนางกระดิกเท้าแล้วสั่นหัวดิกๆอย่างอิ่มเอมใจ “เสียงของพวกเจ้าดังเท่าเสียงของเมล็ดงาไม่มีพลังสักนิดเลย ใครจะไปได้ยิน!”รู้แต่แรกว่าต้องเตือนเงื่อนไขกับพวกเขา อย่างน้อยก็ต้องให้ผู้คนรอบๆบริเวณสิบไมล์ต้องสั่น สะเทือนถึงจะถูก!คังเสว่มี่เพิ่งพูดจบ ก็ได้ยินเสียงของใครบางคนอยู่ใกล้ๆข้างหู ลมเย็นที่มากับคำพูดช้าๆ เสียงอ่อนโยนที่ดังกังวานนั้นเหมือนกับเสียงคอร์ดนุ่มๆ สั่นไหว เบาหวิว เข้าไปในหัวใจของนาง“ใช่แล้ว ถ้าหากรู้แต่แรกล่ะก็ ข้าก็คงจะไม่พาเจ้ามาโก๋วจื่อเจี้ยน”ลมหายใจที่สะอาดและเย็นผสมอยู่ในกลิ่นหอมของดอกไม้ รินรดอยู่ข้างหูของนาง สายลมอ่อนพัดผ่านขนอ่อนที่อยู่ข้างหูของนางได้แพร่กระจายไปทุกส่วนของร่างกาย เหมือนกับฝันที่ละมุนละไมดึงดูดจิตใจของคนคังเสว่มี่หยุดชะงัก แล้วหันหน้าอย่างรวดเร็ว นางหันหน้าประสานเข้ากับดวงตาที่ซ่อนลึกและแคบยาวเข้าพอดี เหมือนกับดวงตาแห่งมนต์เสน่ห์ของปีศาจร้ายในคืนมืดมิด ริมฝีปากของนางสัมผัสกับริมฝีปากของเขาบางเบาเผยให้เห็นภาพของท่าทางที่คลุมเครือออกมา
copy right hot novel pub