คังเว่มี่ตกใจสุดขีด นางกระโดดถอยหลังกลับไปสามก้าวในทันที จากนั้นก็ยกมือขึ้นมาปิดที่ริมฝีปากของตนเองอย่างตื่นตระหนก
“จี้อี้ เจ้าถูกผีเข้าสิงแล้วหรืออย่างไร? เหตุใดถึงได้ชอบมาพูดใกล้หูของข้านัก!”
พูดเสร็จนางก็ยกมือขึ้นมาปิดที่ริมฝีปาก เมื่อสักครู่นี้ริมฝีปากของนางชนกับริมฝีปากของจี้อี้ใช่ไหม
ใกล้มากถึงเพียงนั้นไม่โดนก็เป็นเรื่องแปลกแล้ว ไม่สามารถเป็นจมูกได้อย่างแน่นอน ไม่ใช่อย่างแน่นอน!
จี้อี้มองไปที่ใบหน้าเล็กๆที่แดงเล็กน้อยของนาง แล้วยิ้มเบาๆแล้วยืดตัวขึ้นตรง ร่างกายที่สูงบางเหมือนกับลำต้นของต้นสนของเขาดูงสูงสางสง่างาม
เขายกนิ้วมือขึ้นค่อยๆลูบไล้ช้าๆบนริมฝีปาก ท่าทางนั้น เต็มไปด้วยความดึงดูดใจ
เขาเคลื่อนไหวอย่างช้าๆปลายนิ้วสีหยกขาว ริมฝีปากสีแดงอ่อน รวมกันแล้วดูมีเสน่ห์ดึงดูดใจเป็นิย่างมาก
ถ้าหากให้คนเห็นเขาในท่าทีเยี่ยงนี้เข้า กลัวว่าเลือดกําเดาคงจะพุ่งออกมาสักสามลิตรและ คงจะต้องบ้าคลั่งเขาไปอีกสามชาติ
เห็นคังเสว่มี่ตัวสั่นไปทั้งตัว มีเพียงความคิดเดียวเท่านั้น นั่นก็คือหยิบมีดผ่าแตงโมแล้วตะโกนเสียงดังว่า ข้าจะตัดดอกท้อของเจ้าออกในคราเดียว!
"หัวเราะอะไรของเจ้า เจ้าอุบายจี้เจ้าหน้าด้านไร้ยางอาย!"
นางโต้ตอบเขาเช่นนี้ไม่รู้ว่าเป็นเพราะโกรธหรือหายใจไม่ออก จนหน้าเล็กๆของนางแดงระเดื่อขึ้นมา
จากนั้นนางก็ตะคอกใส่เขา
“ที่ข้าชนก็ไม่ใช่ตั้งใจเสียหน่อยเจ้ายิ้มอะไร?”
แม้ว่านางจะมีความรู้สึกที่ดีต่อเขาบ้าง แต่เจ้าอุบายชั่วร้ายนี่ก็ไม่สามารถใช้ความรู้สึกดีนี้ของนางหลอกล่อให้นางหลงไหลด้วยท่าทางเช่นนี้ได้!
จี้อี้มองไปที่ใบหน้าเล็กๆสีแดงของนาง มีรอยยิ้มอยู่ในดวงตาแล้วเอ่ยด้วยเสียงที่ต่ำและมีเสน่ห์
“หืม.. เจ้าจงใจใช้โอกาสนี้มาสัมผัสริมฝีปากของข้า แล้วยังจะไม่อนุญาตให้ข้าลูบที่ที่โดนเจ้าสัมผัสอย่างนั้นหรือ?”
คังเสว่มี่เห็นเขายิ้มอย่างลึกซึ้งแฝงด้วยความหมายนัยจึงเอ่ยด้วยความโกรธเคือง
เจ้าอย่ามาพูดซี้ซั๊วนะ ข้า...ข้า ตรงที่ข้าชนนั้นเป็นจมูก จมูกเข้าใจไหม! ข้าไม่ได้ชนโดนปากของเจ้า" ให้ตายนางก็ไม่ยอมรับ นั่นมันจูบแรกของนางนะ
จี้อี้ส่ายหน้าไม่เห็นด้วยแล้วเอ่ย "ชนโดนจมูก หรือริมฝีปาก มีเพียงเรียนรู้ผ่านประสบการณ์ด้วยตนเองเท่านั้นจึงจะรู้ได้
เจ้าบอกว่ามันเป็นจมูก ข้าบอกว่าเป็นปาก เช่นนั้นแล้วไม่สู้อิงตามตำแหน่งเดิมที่เพิ่งนั่งลงเมื่อครู่นี้ แล้วลองมันอีกสักครั้งดีไหม
เช่นนั้นแล้วโดนจมูกหรือริมฝีปากข้าหรือเจ้าที่พูดผิดพูดถูกจะได้รู้กัน!"
“ได้ เกรงว่าเจ้าจะใส่ร้ายข้า!” คังเสว่มี่ก้าวไปข้างหน้าอย่างมั่นใจ นั่งลงบนหินที่ตั้งอยู่ดังเดิมแล้วเอ่ยอย่างวางมาดเอาจริง เอาจัง
“มาเลย เจ้ามาดู เมื่อครู่ข้าก็นั่งอยู่ตรงนี้และเจ้าก็มาจากด้านหลังข้า มาชิดหลังหูข้าแล้วข้าก็หันหน้า......"
นางพูดอย่างจริงจัง โดยที่ไม่ได้รับรู้ถึงการเปลี่ยนแปลงภายในดวงตาใสสะอาดของชายหนุ่มที่อยู่ด้านหลังเลยสักนิด
จี้อี้ก้าวเท้าเดินมาหยุดที่เดิมจากนั้นเขาได้โค้งตัวลงมา
เพียงนางหันหน้ามา ลมหายใจที่เยือกเย็นก็อ่อนลงอย่างเงียบๆไร้ซึ่งเสียง ริมฝีปากขาวนุ่มประกบเข้ากับกลีบริมฝีปากสองกลีบที่ อ่อนนุ่มของนาง
นัยน์ตาของคังเสว่มี่หดเข้าอย่างกระทันหัน แม้แต่จะผลักปฏิเสธเพื่อขัดขืนก็ลืมมันไปแล้ว
นางมองไปที่ดวงตาหงษ์ที่สวยงามขยายใหญ่ทั้งสองข้างที่อยู่ตรงหน้า
ลูกตาดำมืดทั้งสองราวกับราตรีมืดมิดอยู่ตรงหน้านาง
สายตาของเขาจ้องมองที่นางจมูกของเขาแตะโดนนาง ริมฝีปากของเขาจูบนางพอดี
กลิ่นนั้นอยู่ทั่วไปทุกหนทุกแห่ง ลมหายใจที่แผ่วเบากำลังล้อมรอบตัวนางอยู่ นำมาซึ่งอุณหภูมิของร่างกายที่อุ่นๆผ่านผ้าที่โปร่งบาง
ค่อยๆซึมเข้าไปในผิวหนังของนางแล้วซึมเข้าไปถึงในใจของนาง
ตรงเข้าไปยืดหัวใจของนางให้ตรงกับลมหายใจอันเป็นเอกลักษณ์ของเขาเข้าพอดี
นางกระพริบตาปริบๆ เหมือนถูกทำให้เคลิบเคลิ้มด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้ที่
ถูกลมฤดูร้อนพัดมาและเหมือนกับการเผชิญหน้ากับความรู้สึกไม่สบาย
ดวงตาที่หดรัดแน่น
จากนั้นก็รู้สึกว่าเลือดทั้งหมดได้ทะลักไหลเข้าไปในหัวสมอง มีเพียงเสียงหึ่งๆๆ
และยังมีสัมผัสที่อ่อนนุ่มและเย็นนิดๆโดนบนริมฝีปาก
จี้อี้มองดูดวงตาคู่นั้นของนางค่อยๆมองเห็นเลือนราง ในนัยน์ตามีแสงสดใสและเงางามผ่านแวบไปอย่างรวดเร็ว
ครั้งนี้ คงไม่ต้องมากไปกว่านี้แล้ว ในวันข้างหน้าโอกาสยังมีอีกเยอะ
ริมฝีปากของเขาเหมือนกับปีกผีเสื้อในบทกวีบินมาเบาๆ
มาหยุดอยู่ที่กลิ่นหอมๆตรงมุมปากของนางเพียงชั่ว พริบตาเดียว ก็หันกลับแล้วบินจากไป
มีเพียงเสียงกังวานดุจพิณที่นุ่มนวลและดึงดูดใจแพร่ กระจายอยู่ในสายลม
“อืม เมื่อครู่ตอนที่เจ้าชนเข้ากับจมูกข้า ข้าแค่กำลังคิดว่า ยังดีที่เจ้าไม่ได้ชนเข้ากับปากของข้า
แต่ตอนนี้ข้าแน่ใจแล้วว่าที่เจ้าพูดมันไม่ผิด ที่เจ้าชนเข้าเป็นจมูกอย่างแน่นอน”
คังเสว่มี่ลืมตาขึ้นในทันที มองไปที่เขาที่ยืนตัวตรง ดูเขาหัวเราะเบาๆดั่งสายลม ดูคลื่นน้ำในดวงตาของเขาจากสายตาที่เลือนรางของนาง ใบหน้าเล็กๆยิ่งร้อนแดงผ่าวมากขึ้นกว่าเดิม!
เมื่อครู่นางกำลังคิดอันใดอยู่? ทั้งๆที่นางถูกจี้อี้จูบเบาๆ แม้แต่จะขัดขืนก็ลืมมันไปหมดเลย!
นี่มันบ้าจริงๆ นางจะต้องถูกเสน่ห์ของเขาทำให้ลุ่มหลงแล้วอย่างแน่นอน! นางก้าวถอยหลังไปสองก้าว เพื่อเพิ่มช่องว่างระยะห่างของตนเองกับเขา
“จี้อี้ เจ้าตบตาใช้ประโยชน์จากข้าอีกแล้วนะ! " จี้อี้ยิ้มแล้วมองคังเสว่มี่ในน้ำเสียงแฝงไปด้วยความสนุกสนานเล็กน้อย
“เป็นเจ้าเองที่บอกว่าต้องการพิสูจน์ว่าที่ชนโดนจมูก หรือว่าปาก
เพียงแค่ว่าครั้งนี้ ชนไม่ได้แม่นยำถึงเพียงนั้นก็เท่านั้นเอง
แต่มันก็สามารถพิสูจน์ได้ว่าครั้งที่แล้วที่เจ้าชนโดนนั้น เป็นจมูกของข้า
เพราะว่า......ความรู้สึกที่ชนบนริมฝีปากมันต้องนุ่ม มากกว่าชนจมูกอยู่แล้ว”
คังเสว่มี่มองดูใบหน้าที่ยิ้มแย้มของเขา แต่รู้สึกว่ามีบางอย่างแปลกๆซ่อนอยู่ภายในสายตาของเขาที่ไม่สามารถพูดออกมาได้ในใจรู้สึกเขินอายเล็กน้อย ต้องระมัดระวังให้มากขึ้นกว่านี้อีก นางเดินถอยหลังมาสองก้าว“ไม่ว่ายังไงก็ตาม นี่มันเป็นจูบแรกของข้า แต่ก็มาถูกเจ้าไม่ระมัดระวังเอามันไปเสียแล้ว!”นี่เป็นสิ่งที่ตนเองปกป้องรักษาไว้ไม่ยอมมอบให้ใครมาแล้วสองชั่วชีวิตคังเสว่มี่ทั้งเดือดดาลทั้งยิ่งสงสารตัวเองมากขึ้นเจ้าจี้อี้นี่ ก่อนหน้านี้มีกู่เมิ่งเสวียน หลังมามีโควโควน้อย แน่นอนว่าไม่บริสุทธิ์แล้ว!นางเสียหายอย่างมากคำพูดของคังเสว่มี่ยิ่งทำให้จี้จี้หัวเราะอย่างมีความสุข มากยิ่งขึ้นเขายื่นมือออกไปเด็ดดอกไม้มาหนึ่งก้านอย่างง่ายดาย นิ้วหยิกงอเล็กน้อย คีบขึ้นมาไว้ใต้จมูกแล้วสูดดมเบาๆก้มหัวหน้าลงพระจันทร์หิมะตรงหน้าผากลำแสงเล็กๆทำให้เกิดสีหน้าที่งดงามสง่าผ่าเผยดั่งสาวงามเด็ดบุปผา เมาพันปีไม่รู้ว่าดอกไม้ช่วยเขา หรือว่าเขาช่วยดอกไม้ บางทีอาจจะเป็นหญิงงามดุจดอกไม้ก็เป็นได้
copy right hot novel pub