คังเสว่มี่
ดื่มชาพรวดเดียวในแก้วที่ไม่สามารถประเมินราคาได้ หยีตาจนเป็นเสี้ยวพระจันทร์
"นี่เป็นคําที่ทันสมัยไม่ใช่เรื่องง่ายสําหรับคนอย่างเจ้าที่ จะทำความเข้าใจได้"
จี้อี้เหลือกตาขึ้นปะทะกับสายตานางที่ได้ใจ เขาเอนตัวเบาๆไปด้านหน้า ตัวสั่นแล้วถอนหายใจเฮือกหนึ่ง
“ไม้จื่อถังสามารถขายได้เงินมหาศาล แต่...ที่เจ้าอยากกลายเป็นคนรวยสวยและ เรอ..เริ้ด เห็นทีก็เป็น เรื่องที่ยากนะ”
เมื่อพูดจบ จี้อี้เห็นนางที่นั่งอยู่ตรงข้ามลุกขึ้นพรวด มองมาด้วยสายตาตกตะลึง
“เจ้าอย่าคิดว่าชื่อจี้อี้(หมายความว่าราบรื่น) แล้วทำสิ่งใดก็ “ราบรื่น”นะ!"
แม้แต่คําว่า “รวยสวยเริ้ด” เป็นคําศัพท์สมัยใหม่ เจ้ายังเข้าใจ
บางทีนี่อาจจะข้ามมิติมาเหมือนกัน
คังเสว่มีรีบนั่งลงมองสำรวจจี้อี้ขึ้นลงรอบๆทั้งตัว เพื่อยืนยันว่าไม่มีสิ่งของสมัยใหม่ติดตัวอย่างที่นางคิด
นางหยีตา มือเล็กลูบคาง ถามด้วยน้ำเสียงเบาๆ “งั้นเจ้ารู้จักเครื่องบินและเรือกลไฟคืออะไรไหม?"
ถ้าทะลุมิติมา ได้ยินสองสิ่งนี้คงต้องมีปฏิกิริยาบ้าง
นัยน์ตาของจื้อี้สว่างไสว เหมือนมีหมอกในม่านตา ใบหน้ายิ้มแย้มนั้นไม่อาจคาดเดาได้
“ ถึงแม้ว่าคุณหนูใหญ่คังไม่ได้มีความรู้ แต่กระแสจิตอุปนัยลึกซึ้งมาก ข้าคิดว่าเจ้าต้องรู้ มิฉะนั้นเจ้าลองอธิบาย จี้อี้ผู้นี้ต้องการฟังรายละเอียด "
คังเสว่มี่ ตื่นตัว นางพยายามหาวิธีกลับไปตลอด
เมื่อสักครู่
ปกปิดอาการดีใจที่อาจจะเจอพวกเดียวกัน
เกือบลืมไปว่าคนตรงหน้าคือบุคคลที่มีความสามารถพิเศษล้นฟ้า เขามีสติปัญญาที่แตกต่างจากบุคคลอื่น
เขาเข้าใจคำว่ารวยสวยเริ้ดได้ก็เป็นเรื่องแสนธรรมดา
คนยุคโบราณฉลาดถึงเพียงนี้ ไม่ถึงเสี้ยวนาทีก็เข้าใจความหมายที่นิยมใช้ในโซเชี่ยล มหัศจรรย์จริง
คังเสว่มี่คิดวกวนในใจ มือก็รินชาใส่แก้วเพื่อปกปิดอาการ กลอกตาไปมาคิดขึ้นมาได้จึงเอ่ยถาม
“เจ้ามีความรู้มากซะเปล่า แต่กลับไม่รู้จักคำว่าเครื่องบินและเรือกลคืออะไร?
ไก่บินก็คือแม่ไก่ที่บินได้(คำว่าไก่กับเครื่องยนต์ในตัว หนังสือจีนออกเสียงเหมือนกัน)
เรือกลไฟก็คือเรือที่มีล้อเพื่อสะดวกเวลาเทียบท่า(หาก แปลตรงตัวตามตัวหนังสือจีนก็คือล้อเรือ)
อร้ายยยเจ้าเป็นถึงบุตรหลานของราชวงศ์ แต่กลับไม่เข้าใจในสิ่งที่คนสามัญชนอย่างข้ายังเข้าใจ"
จี้อี้มองนางแล้วจิบชาดื่มกล่าวเบาๆ "คุณหนูใหญ่คงถูก ทิ้งแล้ว”
หนึ่งประโยคเบาๆทำให้เลือดในร่างกายของคังเสว่มี่พุ่ง เข้าสู่หัวใจใจเต้นรัวเป็นกลองหูอื้อชั่ว
ขณะนางกำมือจิกนิ้วเพื่อไม่ให้ออกอาการ ท่าทางโมโหมองจี้อี้เอ่ยด้วยความโกรธ
"เจ้าพูดมั่ว ข้าเหมือนคังเสว่มีปลอมตัวมาหรืออย่างไร มาพูดว่าข้าถูกทิ้งคิดได้ อย่างไร?!"
หรือว่าจี้อี้จะรู้แล้วว่าแกนของคังเสว่มี่ถูกเปลี่ยนไปแล้ว?
คำอธิบายเมื่อครู่ของนางก็ไม่ได้ไม่เต็มใจ ไก่ก็บินได้อยู่แล้วนี่
ดีตรงที่คำที่นางเลือกเป็นของที่อธิบายได้ง่าย ถ้าเป็นคำอื่นคงอธิบายยากกว่านี้
เมื่อได้ยินแววตาเงียบสงบของจื้อี้เหล่ตาเล็กน้อยมองไปที่คังเสว่มี่
ยิ้มแล้วพูดว่า"ข้ายังพูดไม่จบข้าเป็นคนในวัง เจ้าก็เป็นคุณหนูในวังเหมือนกัน ตามทฤษฎีของเจ้าข้าไม่เข้าใจ เจ้าน่าจะยิ่งไม่
เข้าใจถึงจะถูก ไม่ถูกทิ้งแล้วคืออะไรล่ะ?"
ขณะนี้คังเสว่มี่ถึงจะรู้สึกว่าเลือดที่ฉีดที่ที่หัวใจค่อยๆไหลเวียนกลับสู่หัวใจ แอบสูดลมหายใจเข้าเบาๆแล้วพูดว่า
"เจ้าไม่เข้าใจ เจ้าลองไปดูที่ห้องพักสักครั้งก็จะรู้ว่าไก่สามารถบินได้ เพราะเจ้าไม่เข้าใกล้ประชาชน เป็นเรื่องปกติ”
จี้อี้ฟังเสียงหายใจที่เบาลง แอบยิ้มแล้วกล่าว
"ข้าพูดแล้วพักสักครู่เป็นเรื่องปกติ แต่เจ้ามีอาการตื่นตัวไปนะ หากอ๋องคังไม่บอกว่าเจ้าคือลูก ข้าคงจะคิดจริงๆว่าเจ้าถูกทิ้งแล้ว"
"ถึงแม้เจ้าจะฉลาด แต่อย่าคิดเรื่องวุ่นวายเรื่องไร้สาระ" คังเสว่มี่ใช้สายตาน่ารังเกียจแอบมองไปที่จี้อี้
สายตาที่เหมือนหมอกในฤดูร้อน ทำให้ไม่สามารถคาดเดาได้ว่าในใจกำลังคิดสิ่งใดอยู่
ในใจรู้ว่าเมื่อครู่พูดผิด จึงเฉไฉเปลี่ยนเรื่องคุย
“เอาชุดกระโปรงต้องใช้เวลานานเช่นนี้เลย
หรือ
ข้าอยากเอาชุดกระโปรงนั้นกับเสื้อที่เจ้าสวมอยู่เปรียบ เทียบว่าตัวไหนสวยกว่า?”
“ใจร้อนทำไม นั่งอยู่ตรงนี้แล้วยังไงชุดกระโปรงนั้นก็ไม่หายไปไหน "
จี้อี้มองนางเท้าคางหน้าโต๊ะ ท่าทีเกียจคร้าน คลี่ยิ้มแล้วกล่าวว่า
“เป็นไปได้ไหมที่เจ้าไม่ได้ทาน อาหารเช้าตอนนี้เจ้าหิวและรีบกลับไปทานอาหารกลาง
วัน?”
คังเสว่มี่เงยหน้ามองออกไปบนท้องฟ้า ไม่พูดยังไม่รู้สึก ทันทีที่เอ่ยก็รู้สึกว่ากระเพาะโล่ง
ตอนเช้านางก็ทานไปไม่ใช่น้อย ย่อยไวขนาดนี้เลยหรือ?อนิจจาเมื่ออยู่กับคนใจดำคนนี้ พลังงานจะถูกใช้มากกว่าปกติ
นางเก็บสายตากลับมามองไปที่จี้อี้
“จะเที่ยงแล้ว เดี๋ยวลองชุดเรียบร้อยก็คงเลยเวลาอาหารกลางวัน วันนี้ก็ทานมื้อเที่ยงที่นี่เลย”
จี้อี้มองคังเสว่มี่ นิ้วค่อยๆดึงถุงผงชา พูดเสียงเบา “ครัวตำหนักอ๋องคังมีคนตลอดเวลา ไม่ว่าเวลาไหน แค่ได้รับคำสั่งจากคุณหนู พวกนางพร้อมทำอาหารให้เจ้าอยู่แล้ว”
คังเสว่มี่จ้องจี้อี้ไม่กล้าพูดตรงๆ
“จี้อี้ข้ามาถึงตำหนักเจ้า ทันเวลาทานอาหารพอดี เจ้ากลับไม่
ชวนข้าทานข้าวด้วย มันจะมากเกินไปแล้ว ไม่ว่ายังไงคราวก่อนที่เจ้าไปตำหนักอ๋องคังพ่อข้ายังชวนเจ้าทานข้าวด้วย”
“อืมมมเจ้าก็พูดแล้วว่าพ่อเจ้าชวนข้าทานข้าว"
จี้อี้ขำ มองดูอาการหน้างอของคังเสว่มี่แล้วขมวดคิ้วกล่าวว่า
“ตอนนั้นข้าจำได้ว่ามีคนใช้สายตารังเกียจมองข้าและอยากจะไล่ข้าออกจากตำหนักอีก ด้วย”
คังเสว่มี่มองใบหน้าอมยิ้มของจี้อี้แล้วแอบพึมพำว่า “คนใจดำ เรื่องผ่านมาตั้งนานแล้ว ยังจำได้แม่นยำขนาดนี้ "
ในขณะนั้นโล่สุ่ยเดินเจ้ามาในตำหนัก “ผู้สืบทอด ชุดกระโปรงนำมาแล้ว”
สายตาคังเสว่มี่อยู่ที่ชุดกระโปรงบนบ่าของโล่สุ่ยแล้ว นางเดินตรงไปลูบชุดไปมา หันหลังยิ้มไปทางจี้อี้แล้วพูดว่า
“เป็นผ้าแพรนี่เอง สัมผัสแล้วเนื้อผ้าเหมือนเสื้อผ้าที่เจ้าใส่เลย"
“เรื่องที่รับปากเจ้า ข้าไม่โกหกเจ้าแน่นอน”จี้อี้พยักหน้ายืนตรงแล้วพูดกับ โล่สุ่ยว่า
“เจ้าพานางไปลองชุด ข้าไปห้องสมุด""เพคะ ผู้สืบทอด“ โล่สุ่ยแสดงความเคารพจี้อี้ แล้วหันไปพูดกับคังเสวมี่ว่า “เชิญคุณหนูใหญ่ตามข้ามาที่ห้องรองชุดนี้เพคะ”ตำหนักวี่หลันของจี้อี้มองไกลๆก็เหมือนมุมของลาน เดินเข้ามาแล้วถึงพบว่าการออกแบบของที่นี่ฉลาดมาก ถึงแม้จะอยู่ริมทะเลสาบ ก็ไม่รู้สึกอับชื้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงยุงที่เยอะตามริมทะเลสาบที่นี่ไม่มีให้เห็นเลยสักตัวเดินออกจากห้องโถง หันไปทางประตูอีกห้องหนึ่ง โล่สุ่ยผลักประตูให้เปิดแล้วพูดว่า “เชิญเพคะคุณหนูใหญ่” คังเสว่มี่เดินตามเข้ามาในห้องพบว่าห้องกว้างมาก ราวแขวนเสื้อผ้าสองแถวทำมาจากไม้จื่อถัง ด้านบนแขวนชุดกระโปรงยาวผู้หญิงเป็นแถวๆแบบ เสื้อผ้าที่หลากหลาย ผ้าหลายชนิด สีสันที่แตกต่างทำคนดูรู้สึกตื่นตา เหมือนดั่งหลุดเข้าไปในตู้เสื้อผ้าของเจ้าหญิงในโลก นิทานวัยเด็ก “โอ้โหโล่สุ่ย นี่ตู้เสื้อผ้าของเจ้าหรือ?ชุดเยอะมากเลย”คังเสว่มี่ถอนหายใจ ดวงตาของนางเปล่งประกายบนเครื่องแต่งกายโบราณ เหล่านั้น และยังคงไม่หยุดสรรเสริญ โล่สุ่ยยืนข้างนาง มองชุดเหล่านั้นด้วยความภูมิใจ ถอนหายใจแล้วพูดว่า “เพคะชุดเหล่านี้ข้าทำตอนว่างจากงานเดี๋ยวลองดูว่ามีชุดที่เหมาะกับท่านถ้าชอบก็เอากลับไปได้”คังเสว่มีโบกมืออย่างรวดเร็ว “ไม่ได้ ไม่ได้ ข้าแค่ชื่นชมตื่นตา ชุดของเจ้าข้าจะเอาไปได้ยังไง”เมื่อสักครู่แค่แสดงความชอบในใจถ้าทำให้โล่สุ่ยเข้าใจผิดว่านางเป็นคนชอบเอาเปรียบ แบบนั้นคงไม่ดี
copy right hot novel pub