คังเสว่มี่ได้แต่เดินทีละก้าวพลางถอนหายใจเดินจนถึงริม ทะเลสาบ ไม่มีสิ่งกีดขวางใดๆ
อยู่ท่ามกลางต้นไม้สองข้างทางที่ไม่สะดุดตากระจายกลิ่นหอมจางๆ
นางจ้องมองต้นไม้พวกนั้น ทันใดนั้นนางคิดบางสิ่งได้ ในแววตาที่ทวีความแปลกประหลาดนางเดินจ้ำอ้าว เข้าไปในลานโล่งจนถึงข้างกายของจื้อี้
ลานในจวนจี้นี้กว้างมาก ตรงกลางเป็นสวนกล้วยไม้หิมะ มีรั้วไม้รอบๆ
ด้านบนตารางช่องๆใช้ที่ตักขยะตากบางสิ่งอยู่ มองดูแล้วน่าจะเป็นสมุนไพร
ตำหนักวี่หลันไม่ได้สวยงามโอ่อ่าเหมือนในจินตนาการ ที่เงินทองกองพะเนินเทินทึก
รูปลักษณ์สวยงาม
หากจำเป็นต้องเพิ่มความประทับใจ เหมือนบ้านพักตากอากาศ ที่บริสุทธิ์เงียบสงบและสง่ามองแต่จุดนี้ ยากที่จะคิดว่าอยู่ในวังฟูจง
“ผู้สืบทอด เจ้ากลับมาแล้ว”
คังเสว่มี่เงยหน้ามอง เห็นหญิงสาวที่สวมชุดผ้าสีน้ำเงิน ใบหน้าเล็กเหมือนไข่ห่าน และยังแอบมีเหนียงเล็กน้อย
แต่มีรูปร่างเรียวสูง อ่อนช้อยสง่างาม เต็มไปด้วยความนุ่มนวลที่ผู้หญิงควรมี เหนียงเล็กน้อยที่มีกลับเพิ่มความเป็นผู้หญิงมากขึ้นอีก
เมื่อหญิงสาวได้เห็นนางข้างกายของจื้อี้ น้ำเสียงอบอุ่น
"ผู้สืบทอดนี่คงจะเป็นคุณหนูใหญ่คังสินะเพคะ"
พยักหน้าไปทางนาง" หน้าตาน่ารักมาก"
เอ่อ......
คังเสว่มี่แตะจมูกเล็กน้อยด้วยความเขินอายหลังจากที่นาง มาถึงที่นี่ หญิงสาวส่วนใหญ่ที่พบเจอนาง บ้างก็ว่านางเอ๋อ บ้างก็ว่านางโง่
นี่เป็นครั้งแรกที่ผู้พบเห็นชมนางว่าน่ารัก ทำให้นางรู้สึกไม่คุ้นชิน
อย่างไรก็ตาม นางและจี้อี้เดินเข้ามาอย่างไร้เสียง แต่หญิงสาวคนนี้ก็ยังรู้ว่ามีคนเข้ามา
วิชาที่ฝึกฝนมาน่าจะไม่ใช่ฝีมือที่คนธรรมดาจะประลองได้
คนข้างกายของจี้อี้แต่ละคนไม่ควรประเมินค่าต่ำไปจริงๆ
จี้อื้อมยิ้มมุมปากมองไปที่คังเสว่มี่ มองเห็นใบหน้าที่ไม่สบายใจเล็กน้อย เบนสายตาไปทางอื่น
“โล่สุ่ย นางคือผู้ร้ายที่จับตัวข้าเพื่อชดเชยกระโปรงยาวและ เป็นผู้ร้ายที่เร่งให้เจ้าแก้ชุดทั้งคืน”
ที่แท้หญิงสาวที่ดูเป็นหญิงงามคนนั้นก็คือโล่สุ่ย ถึงว่ามีความรู้สึกคุ้นเคย
คังเสว่มี่ที่ใช้สายตาดุจี้อี้กระแอมเบาๆ อย่างจริงจัง
“นี่โล่สุ่ย ข้าไม่ได้เร่งให้เจ้าแก้ชุดทั้งคืนถ้าหากเจ้าได้ยินประโยคนี้
ต้องเป็นเพราะผู้สืบทอดของเจ้าเจตนาบีบกำลังแรง ของเจ้าหลังจากนั้นยังให้เจ้าแค้นข้า เจ้าอย่าเชื่อคนใจดำคนนี้เชียวนะ"
พอได้ยินดังนั้นโล่สุ่ยก็มีสายตาที่ประหลาดใจอย่างเปิดเผย ฉวี่ซางที่เดินตามเข้ามาเขาทั้งสองแอบส่งสายตาให้กัน
ผู้สืบทอดเมื่ออยู่ต่อหน้าคุณหนูใหญ่คังจะไม่เหมือนปกติว่าแล้ว
ฉวี่ซาง
ข้า ขนาดอยู่บนรถม้ายังทะเลาะกับผู้สืบทอดจนจะกระโดดลงไปจากรถม้าเลย อย่าว่าแต่ทําเสื้อผ้าตัวนึงเลย
เจ้าอยู่ในเรือน ไม่เข้าใจว่าวันๆข้าต้องเศร้าเสียใจที่ต้องติดตามผู้สืบทอดอยู่ข้างนอก
โล่สุ่ยได้รับสายตาเสียใจนั้น ริมฝีปากคลี่ยิ้ม สายตานี้อยู่ในระยะห่างระหว่างจี้อี้และคังเสว่มี่อาการดีใจนี้ผ่านไปอย่างรวดเร็ว
หลายปีมานี้ ผู้สืบทอดไม่ให้ใครเข้าใกล้ ภายนอกดูอบอุ่นเหมือนหยก แต่กลับเย็นชาดั่งน้ำแข็งคุณหนูใหญ่คนนี้ อาจสามารถทำให้ชีวิตของผู้สืบทอดเปลี่ยนไปจากเดิม
ดังนั้น สายตาที่มองคังเสว่มี่ยิ่งอบอุ่น
คุณหนูใหญ่น่ารักจริงๆ ไม่น่าแปลกใจเลยที่ผู้สืบทอดจะขอให้โล่สุ่ยตัดเย็บชุด กระโปรงยาวให้กับนาง
เวลาที่จี้อี้สนทนากับนาง แม้ว่าจะยังอยู่ในระยะห่าง3ฟุต
แต่ท่าทีก็ยังคงธรรมชาติ โดยไม่แปลกแยกกับคนอื่น ยิ้มอ่อนแล้วกล่าว
“โล่สุ่ยเจ้าอย่าชมนางน่ารัก รีบเอาชุดมา มิฉะนั้นนางจะหาว่าข้าเบี้ยวนางอีก”
ทำลายภาพลักษณ์นางต่อหน้าคนอื่นอีกแล้ว! คังเสว่มี่อธิบาย
“ข้าไม่ได้พูด เจ้าเป็นคนพูดเอง”
“ถึงแม้ว่าเจ้าจะไม่ได้พูดแบบนี้แต่ในใจเจ้าคิดเช่นนี้”
“เจ้ารู้ได้อย่างไรว่าข้าคิดเช่นนี้ เจ้าอย่าทําลายภาพลักษณ์ของข้า!"
จี้อี้ขมวดคิ้วเล็กน้อย “เจ้ายังมีภาพลักษณ์อยู่หรือ?”
โล่สุ่ยมองดูผู้สืบทอดเดินอย่างสบายใจ คุณหนูใหญ่เร่งฝีเท้าเดินตาม
คนหนึ่งเดินหน้าคนหนึ่งเดินตาม คนหนึ่งสูงยาวคนหนึ่งบอบบาง เถียงกันในบรรยากาศที่ผู้อื่นไม่สามารถจะแทรก เข้าไปร่วมด้วยได้
รอยยิ้มชัดเจนในตา หมุนตัวเข้าห้องข้างๆอีกห้อง
“มีแน่นอน ดีกว่าภาพลักษณ์ของเจ้าเป็นหมื่นเท่า ! " คังเสว่มี่พูดจบพุ่งเข้าไปยืนกลางห้องโถง
ในขณะนั้นทุกสิ่งในห้องได้ดึงดูดความสนใจของนางไป
คังเสว่มี่คิ้วขมวดเข้ม
เริ่มมองบนล่างซ้ายขวาหน้าหลังและทั้งหมดของห้อง แม้แต่คานของห้อง เก้าอี้ที่นั่ง ของตกแต่งบ้าน ยังตรวจดูอย่างละเอียดอีกรอบ
ของทั้งหมดในห้องนี้ดูแล้วเหมือนธรรมดาไม่มีอะไร
แต่ทุกอย่างถูกขัดด้วยไม้สีดำและสีม่วงเข้ม ทำให้ได้กลิ่นหอมไปทั่ว
“ดูมานานขนาดนี้ ได้บทสรุปอะไรอีกล่ะ” จี้อี้มองดูทุกอิริยาบถของคังเสว่มี่ตาของนางเกือบจะติดกับโต๊ะ ขมวดคิ้วถาม
“รีบบอกมา ต้นร้อยปีด้านนอกตำหนักวี่หลันของเจ้า คือไม้พันธุ์อะไร อุปกรณ์ตกแต่งบ้านและคานของบ้าน ทั้งหมดนี้ใช้ไม้พันธุ์อะไรทำมา?"
คังเสว่มี่แสดงแววตาแปลกประหลาด จ้องมองจี้อี้ ดูเหมือนว่าคำตอบของเขาสำคัญมาก
จี้อี้คลี่ยิ้มบางๆถือแก้วชาสีดำในมือ ชงชาร้อนรสเข้มกลิ่นหอม วางลงด้านหน้านางเงียบๆ
“แก้วคือไม้เฮยถัง ต้นไม้ที่ปลูกสองข้าง คาน และของตกแต่งบ้านทำมาจากไม้เสี่ยวเยว่จื่อถัง ต้นไม้เก่าแก่ต้นนั้นคือ ต้นลวี่ถัง”
เขาแนะนำอย่างช้าๆ คังเสว่มี่ฟังจบในตาลุกวาว
เป็นแบบนี้นี่เอง!
ถึงแม้นางจะไม่ใช่นักสะสมของหรูหรา แต่นางก็ยังรู้
ต้นจื่อถังคือต้นไม้ที่มีค่าที่สุดในโลก เติบโตช้า และไม่สามารถได้ผลผลิตนับศตวรรษ ดังนั้นจึงมีคำกล่าวที่ว่า
"ไม้ถังหนึ่งนิ้วเท่ากับทองคำหนึ่ง นิ้ว"
และต้นเยว่จื่อถังก็ยังถูกเปรียบเหมือนไข่มุก คือพันธุ์ไม้ชั้นสูงที่สุด
นางก้มหน้า ดูแก้วชาสีดำที่ทำมาจากไม้เฮยถังตรงหน้า ไม้เฮยถังยังถูกยกย่องว่า
สามารถป้องกันพิษหมื่นชนิด เมื่อนำไปแช่น้ำยังสามารถรักษาสารพิษหลายชนิดได้
เปลี่ยนอีกคำพูด เมื่อเห็นตำหนักวี่หลัน ในสายตานางก็เห็นเป็นกองทองคำส่องแสงสว่างไสว
ไม่ถูก มันอร่ามกว่าทองคำ!แต่เมื่อมองท่าทางของจื้อี้ เขากลับไม่รู้สึกว่าอยู่ในห้องที่สร้างมาจากไม้จื่อถังไม่มีอะไรเหมือนดั่งคนเราดื่มน้ำเปล่าจนเคยชิน ทุกอย่างธรรมดามากจนไม่รู้สึกว่าน้ำมีค่าความหรูหราแบบนี้ได้ซึมเข้าสู่ร่างกายของเขาเข้าใจความหรูหรา เมื่อก่อนเขาก็ได้ยินเสมอ ทำให้ผู้คนรู้สึกหดหู่เล็กน้อยเจี้อี้เห็นว่านางไม่พูดอะไร เมื่อจิบชาเขารู้สึกได้รับสายตาที่ร้อนแรงจากตรงข้าม จึงเงยหน้ามองหญิงสาวกำลังถือถ้วยชาที่เขาเพิ่งวางไว้ตรงหน้านาง ด้วยมือสองข้าง สายตาความเพียรที่แสดงออกมา ปากที่กำลังอึมงำ“นี่ถ้าสามารถกลับบ้านได้ ต้องมีของติดไม้ติดมือจากที่แค่หยิบแก้วเขากลับไปสักใบเอาไปขาย ก็กลายเป็นคนเริ้ด เชิดสวยที่รวยมากแล้ว!”สายตาของนางไม่มีรังษีแพร่ออกมา จี้อี้เคาะนิ้วบนโต๊ะเบาๆขมวดคิ้วเล็กน้อย“ข้าจำได้ว่าตำหนักอ๋องคัง มีชุดชงชาและแก้วที่ทำมาจากไม้จื่อถัง ที่สามารถซื้อได้”นางรู้ว่าตำหนักอ๋องคังมี แต่ไม่เหมือนเจ้าที่เป็นของดีทั้งหลังแม้ว่านางจะไม่ได้สนใจเรื่องเงินทองมากในชีวิตประจำวัน แต่เมื่อเห็นว่าจี้อี้มีของล้ำค่าเช่นนี้ก็แอบรู้สึกอิจฉา“อ๋องคังจะซื้อได้กี่ชุด แต่ที่ตำหนักเจ้ามันทั้งตำหนักเป็นของล้ำค่า ทั้งหมดไม่ใช่แนวคิด“อืมมม ดังนั้น เจ้าแค่หยิบแก้วชามสักใบไปขาย ก็จะกลายเป็น..………..ทันที"จี้อี้ชะงักสักพัก คิดประมาณว่าคำที่นางกล่าว “เริ้ด เชิด สวยและรวยมาก” หมายความว่าอย่างไรท่าทีที่ต้องใช้ความคิดเป็นอาการที่หาดูได้ยาก -
copy right hot novel pub