จี้อี้ยิ้มรับดวงตานิ่งสงบ
“แต่ว่าต้นไม้เหล่านี้ ถ้าหากองค์ชายหกชอบครั้งหน้าที่ข้าเข้าวังจะกราบทูลไทเฮา นางนั้นรักและเอ็นดูเจ้านางต้องยอมทำตามความ
ปรารถนาของเจ้าแน่นอน”
ไป๋หลี่เหลียนหัวเราะในลําคอ นํ้าเสียงเบิกบานผมดำเงาปลิวปลิวสายตามองสำรวจจี้อี้พลางตอบกลับด้วยน้ำเสียงที่บ่งบอกอารมณ์ไม่ดี เท่าไรนัก
“จี้อี้ อย่าคิดว่าข้าไม่รู้ว่าเจ้ากำลังปกปิดอะไรกับข้าอยู่ ครั้งที่แล้วท่านย่าทรงบอกว่าข้านั้นออกได้แต่เข้าไม่ได้ ถ้าเจ้ายังเอาเรื่องนี้ไปพูดคุยกับท่านย่าอีกนางต้องบ่น ให้ท่านพ่อฟัง เรื่องข้าไม่น้อยแน่ๆ”
คังเสว่มี่ได้ยินก็รู้สึกว่าความสัมพันธ์ระหว่างไป๋หลี่ เหลียนกับไทเฮานั้นลึกซึ้งตามคำเล่าลือมากเลยทีเดียว นึกถึงครั้งที่แล้วที่ไทเฮาประชวรก็ได้ถามถึงอาการ
“ไทเฮาร่างกายเป็นอย่างไรบ้าง?”
เมื่อพูดถึงไทเฮา รอยยิ้มบนใบหน้าของไป๋หลี่เหลียนก็เปลี่ยนไปไม่เจ้าชู้ เหมือนเดิมเคร่งขรึมขึ้นมานิดหน่อย
“ดีขึ้นเยอะแล้ว นางเป็นโรคคนแก่นะ รอบนี้หมอหลวงไม่ได้สั่งอะไรก็เลยกระตุ้นจนวันนี้ไม่มี ปัญหาอะไรแล้ว”
“ถ้าอย่างนั้นก็ดีแล้ว” คังเสว่มี่พยักหน้า ไทเฮาทำให้ไป๋หลี่เหลียนแสดงความเป็นห่วงเพราะ ความคิดถึงออกมาแบบนี้คงเป็นคนแก่ที่อ่อนโยนน่าดู
ไป๋หลี่เหลียนคิดอะไรบางอย่างออกก็เก็บพัดเข้ากับ ฝ่ามือ
“อ่า ใช่แล้ว เมื่อครู่นี้ตอนที่เข้าไปในค่ายกลทำให้ข้าลืมไปเลย ข้ามาหาเจ้าก็เพราะมีธุระจะคุยด้วย”
“เรื่องอะไร?” คังเสว่มี่ถาม
ไป๋หลี่เหลียนหยิบกระดาษออกมาจากกระบอกแขน เสื้อกว้างยื่นให้คังเสว่มพร้อมกับโปรยยิ้มให้เล็กน้อย
“อีกสิบวันจะเป็นงานฉลองพระชันษาอายุครบหกสิบปี ของท่านย่าที่ลานหลงหยี่ก็เลยเชิญเจ้าเข้าร่วมงาน เลี้ยงด้วย”
คังเสว่ มองดูบัตรเชิญลายดอกเบญจมาศสีทองด้วย สายตางุนงง
“ให้ข้าหรือ? บัตรเชิญแบบนี้ไม่ใช่ต้องส่งไปในตำหนักโดยตรง
หรือ?”
ตามขนบธรรมเนียมประเพณีคังเสว่มี่ก็ยังพอเข้าใจ เหมือนว่าบัตรเชิญงานใหญ่เช่นนี้ต้องส่งไปยังมือของผู้นำตระกูลของแต่ละจวน ถึงแม้ว่านางจะเป็นธิดาคนโตแต่นางนั้นยังไม่อายุสิบห้า
จวนคังท่านอ๋องคังก็ยังอยู่ปกครอง เขานำมาให้นางแบบนี้ไม่เหมาะสมเท่าไร วันที่จัดงานของไทเฮาก็คือสิบวันหลังจากนี้ มาให้บัตรเชิญกันตอนนี้ก็ไม่ค่อยเหมาะสมกับ ธรรมเนียมเสียเท่าไร
จี้อี้เหลือบมองสายตานางที่ยังลังเลพลางยิ้มออกมา
“บัตรเชิญของไทเฮาได้ส่งไปตามตำหนักใหญ่เมื่อหนึ่ง เดือนก่อนแล้ว
แต่ฉบับนี้องค์ชายหกมอบให้เจ้าเป็นพิเศษ"
“ใช่แล้ว ครั้งนี้ท่านพ่อรับสั่งว่าให้คุณหนูที่ได้รับบัตรเชิญต้อง
ทําการแสดงต่อหน้าไทเฮาทุกคน
ข้าเห็นว่าเจ้าเอาแต่ซ่อนตัวและยังไม่เคยเข้าร่วมงาน
หรือพูดถึงมาก่อน
วันนี้เจอเจ้าก็ไม่เหมือนกับเมื่อก่อนแล้วก็กลัวว่าบัตร เชิญจะไม่มีชื่อเจ้า
ก็เลยพูดคุยกับท่านย่าให้ส่งบัตรเชิญให้กับเจ้าโดยตรง จะได้ไม่เป็นข้ออ้างให้เจ้าไม่มาร่วมงาน
ไป๋หลี่เหลียนส่งบัตรเชิญให้คังเสว่มี่ นางมองบัตรเชิญในมือ ของเขาความรู้สึกมันสับสนไปหมด
นี่เป็นเจตนาอันดีของไป๋หลี่เหลียน งานวันนั้นไทเฮาคงจะเชิญทายาทตระกูลสูงศักดิ์เหล่า ขุนนางชั้นสูงทั้งเมืองหลวงมาร่วมงานเป็นแน่ ถ้าหากนางสามารถทำให้คนทั้งงานตกตะลึงคงจะได้ หลังจากนั้นก็จะไม่มีใครมาว่านางว่าโง่ว่าปัญญาอ่อนได้ รับเสียงปรบมือชื่นชมอย่างดัง อีก
ทว่าพอคิดว่าต้องไปร่วมงานเลี้ยงแบบนี้เผชิญหน้ากับ คนมากหน้าหลายตายิ่งพัวพันกันมากขึ้น
แล้วก็ไม่รู้ว่าตอนที่เดินเข้าไปจะสามารถเดินได้อย่าง สง่างามคล่องแคล่วหรือไม่
นางตั้งใจมองค้อนและแสดงสีหน้าถึงความไม่พอใจใส่ ไป๋หลี่เหลียนพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเล็กๆ
“บัตรเชิญนี้เจ้ามาให้ข้าวันนี้แล้วอีกสิบวันข้าจะเตรียม แสดงอย่างไรกันละ”
นางตั้งใจมองค้อนและแสดงสีหน้าถึงความไม่พอใจใส่ ไป๋หลี่เหลียนพร้อมกับพูดด้วยน้ำเสียงเล็ก ๆ
“บัตรเชิญนี้เจ้ามาให้ข้าวันนี้แล้วอีกสิบวันข้าจะเตรียม แสดงอย่างไรกันละ คุณหนูคนอื่น ๆก็คงฝึกไปตั้งแต่เดือนก่อนแล้ว แล้วพอถึงตอนนั้นข้าคงทําให้ขายหน้าแน่ ๆข้าไม่ไปหรอกนะ”
ไป๋หลี่เหลียนเห็นนางตบหน้าตัวเองก็ยกผัดเขียวมรกต จิ้มเข้าที่มือของนาง
“รับไปเถอะพวกนางจะเตรียมอะไรก็เหมือนเดิมทุกปี เจ้าก็ทําอะไรที่ทำให้ดีกว่าพวกนางสิ แม้แต่วิชาตัวเบาเจ้ายังเรียนได้เรื่องเล็กน้อยแค่นี้เจ้าจะกลัวอะไร”
คังเสว่มี่ปัดพัดของเขาพลางหันหน้ามาพูดด้วย “ไม่ไปวรยุทธ์ตัวเบากับการแสดงศิลปะมันคนละเรื่องกันเลยนะ เจ้าอยากเห็นข้าขายหน้าใช่ไหมละ"
สายตาของจี้อี้มองสำรวจใบหน้านาง ดวงตากลมดำสนิทเหมือนกับมองทะลุตัวนางได้ยังไง ยังงั้นน้ำเสียงแฝงไปด้วยความอบอุ่น
“วันนี้เจ้าได้เข้าเรียนที่โก๋วจื่อเจี้ยน แต่ละตำหนักในเมืองหลวงต่างก็รู้ว่าเจ้าปลอดภัยไม่ถูกทำร้าย ถ้าองค์ชายหกไม่ส่งบัตรเชิญให้เจ้ายังไง
แล้วอ๋องคังก็จะพาเจ้าไปอยู่ดี"
คังเสว่มี่ได้ฟังก็ครุ่นคิดอย่างหนัก
ในเมื่อนางสามารถสร้างเรื่อง “ยี่สิบเอ็ดวิญญาณ” ที่โก๋วจื่อเจี้ยนได้ เพื่อนร่วมโรงเรียนเหล่านั้นถึงแม้จะไม่ได้พูดถึงความ จริงในเรื่องวันนั้น
แต่ต่างก็รู้แก่ใจดีว่านางไม่ใช่คนโง่ที่จะมองข้ามได้
แน่นอนว่าพ่อแม่ของพวกเขาคงจะรู้เรื่องสถานการณ์ จากปากของลูกของพวกเขาไม่มากก็น้อย
ยิ่งไปกว่านั้นตอนนี้องค์ชายหกก็ได้พูดคุยกับไทเฮาไว้อีก ถ้าหากถึงเวลานั้นแล้วนางไม่ไปคงเป็นเรื่องเล็ก ๆ น้อยๆ แต่ถ้าหากนางยังหยิ่งอวดดีไม่สนใจแม้กระทั่งไทเฮาคงทำให้เขาไม่สบายใจ
ดังนั้น ถ้าเป็นเมื่อก่อนจะงานเลี้ยงอะไรก็ช่างท่านอ๋องคังคงจะไม่พานางไปแน่นอน แต่ครั้งนี้เขาคงลากนางไปให้ได้
เมื่อถึงเวลานั้นแล้วคงจะบ่ายเบี่ยงโยนความรับผิดชอบไม่ได้
มันคงจะดีกว่าถ้ารับคำเชิญตอนนี้และถือว่ารับเจตนา
อันดีของไปหลี่เหลียน
นางมองจี้อี้ จี้อี้ก็ส่งรอยยิ้มงดงามมาให้ นางหลบตารับบัตรเชิญมาพลางมองไป๋หลี่เหลียนด้วย สายตาเหี้ยมโหด
“ก็ได้ๆถ้าถึงตอนนั้นแล้วเกิดเรื่องน่าอายจะโทษว่าเป็นความ ผิดเจ้าให้หมดข้าไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่"
ไป๋หลี่เหลียนเห็นว่านางเปิดปากพูดก็สะบัดพัดด้วย ความหงุดหงิดพัดจนผมปลิวไสว ริมฝีปากแดงยกยิ้มอย่างมั่นใจ
“ข้าไม่กลัว เจ้ากลัวอะไรข้าเชื่อใจเจ้า คังเสวมี่ถือบัตรเชิญพลางขมวดคิ้ว“ไม่สนแล้ว"แค่แสดงให้ตรงจังหวะก็พอแล้วตอนนั้นไม่ดีไม่แย่ไม่ดึงดูสายตาคนอื่นคือเป้าหมายของนาง อย่างไรก็ตามนางไม่สนใจว่าคนอื่นจะว่านางโง่นาง ปัญญาอ่อนให้นางเป็นคนโง่นางก็ใช้โอกาสนี้ทำให้มันง่ายขึ้นจี้อี้เหมือนจะมองคังเสว่มีใบหน้าเรียบนิ่งรับฟังคำพูด นางและมองไปทางไป๋หลี่เหลียน“องค์ชายหก ความมั่นใจของเจ้าอย่าได้มากเกินไปบางเรื่องไม่ใช่ว่าความมั่นใจของเจ้าจะทำให้เจ้าสมหวังได้นะมาตรฐานสูงเพียงนั้นแล้วจะแสดงออกเช่นไรถึงจะออกมาดี"คังเสว่มี่ มองอย่างหงุดหงิด เขาพูดเพียงแค่สามประโยคก็หยอกล้อนางอย่าง สนุกสนาน นางไม่ได้อยากจะเอาหน้าเสียหน่อย ถ้าอยากจะเอาหน้ารับรองว่าในวันงานจะทำให้จื้อต้อง ตกตะลึงในความงามจนทำอะไรไม่ถูก“จี้อี้ เจ้าไม่ต้องกังวลเสว่มี่ขนาดนั้น นางนั้นทั้งฉลาดและน่ารักต้องไม่เหมือนกับคุณหนูคน อื่นๆแน่”ไป๋หลี่เหลียนส่ายหน้าไม่เห็นด้วยจึงเอ่ยปากแทนคังเสว่มี่ไป๋หลี่เหลียนยังดีกว่าเจ้าอีก!!
copy right hot novel pub