โหมดมืด
ภาษา arrow_icon

หลงรักทนายคนเลว

ตอนที่ 119 ชายหงส์

ตอนที่ 119 ชายหงส์

“ใช่ ทำไมเมื่อกี้คุณหยางไม่พูดคะ” หลูเสี่ยวหยาเสริมขึ้นมา

คุณหยางยิ้มอย่างขมขื่น “พูดแล้วมันจะมีความหมายอะไร ฉันยืนยันว่าเธอท้อง แต่เธออกกับคนอื่นว่าเธอท้องกับผู้ชายคนหนึ่งที่เธอคุยอยู่ สามีของฉันก็จงใจหาคนมาแสดงละครตบตาคนอื่นอยู่แล้ว แล้วฉันจะทำอะไรได้”

เป่ยฉ่ายเวยมองไปที่หน้าของเธอที่กำลังสวมแว่นกันแดดอยู่ และน้ำตาของเธอก็ไหลลงมาอาบแก้มทั้งสองข้าง ในใจของเธอคงเจ็บปวดและทรมานมาก

ผู้ชายที่ตัวเองรักไม่สนใจใยดีเธอที่ลำบากด้วยกันมาหลายปี เพื่อปกป้องผู้หญิงอีกคนหนึ่ง เป็นใครก็ต้องเจ็บปวดเป็นธรรมดา

“ฉันเชื่อค่ะ มันโหดร้ายมากเลยใช่ไหม แล้วเรื่องหย่าเขาว่ายังไงบ้างคะ” หลูเสี่ยวหยาไม่คิดว่าบนโลกนี้จะผู้ชายที่จิตใจโหดร้ายได้ขนาดนี้

“การที่จะจ่ายค่าเลี้ยงดูลูกสาวเธอ ด้วยตัวเธอเองเพียงคนเดียวเธอไม่สามารถทำได้ เพราะลูกสาวเธอเพิ่งจะห้าขวบ” นี้เป็นเรื่องที่เธอหนักใจมาก ถึงจะไม่รักแต่ก็ควรดูเอาใจใส่เธอบ้าง แต่เขาปฏิเสธที่จะรับผิดชอบแม้กระทั่งลูกตัวเองโดยไม่มีเหตุผล

เป่ยฉ่ายเวยฟังอย่างนั้นแล้วเธอก็โกรธจนตัวสั่น แต่เธอเป็นเพียงผู้บันทึก ไม่สามารถทำอะไรได้มาก ทำได้แค่คอยปลอบใจเธอ พอเธอกลับไป จะช่วยคุยกับทนายให้แล้วค่อยติดต่อเธออีกครั้ง

คุณหยางกล่าวขอบคุณด้วยรอยยิ้มที่ดูเศร้าโศก

เมื่อหลูเสี่ยวหยาเห็นคุณหยางเดินออกไปแล้ว เธอก็พูดขึ้นมา “เวยเวย บางครั้งถ้าเธอเจอคดีความประเภทนี้ เธอจะต้องควบคุมอารมณ์ให้ได้นะ”

“ใครเป็นคนดูแลคดีของคุณหยาง” เป่ยฉ่ายเวยต้องการจะช่วยผดุงความยุติธรรมของคุณหยาง

หลูเสี่ยวหยางตอบอย่างไม่เต็มใจ “ตอนแรกคดีนี้เสี่ยวป๋ายเป็นคนรับผิดชอบ แต่ตอนนี้เป็นของอวี๋อานหรานแล้ว”

“ทำไมถึงให้อวี๋อานหราน” ถ้าอวี๋อานหรานดูว่าเธอสนใจเกี่ยวกับคดีนี้ เธออาจจะขัดขวางก็ได้

“ตอนแรกถ้าดูจากระดับขั้นการเป็นทนายมือทองของอวี๋อานหราน คดีหย่าร้างแบบนี้เธอไม่ต้องทำ แต่ทนายฉูออกคำสั่งแล้ว นอกจากเขาจะเปลี่ยนใจแล้วอาไปให้เสี่ยวป๋ายทำเหมือนเดิม” หลูเสี่ยวหยาก็กังวลเรื่องนี้เช่นกัน

เป่ยฉ่ายเวยกัดริมฝีปากตัวเอง “เสี่ยวหยา เธอคิดว่าจากประสบการณ์ของเธอเนี่ย คดีจะมีโอกาสชนะมาแค่ไหน”

“ไม่ถึงสี่สิบเปอร์เซ็นต์ ถ้าผู้ชายคนนั้นยอมถอยออกไป อย่างมากก็แค่ต้องสู้เรื่องค่าเลี้ยงดูเด็ก ในที่สุดตัวคุณหยางเองกับพ่อแม้คุณหยางก็อาจจะต้องเสียทุกอย่างไปอย่างเสียเปล่า” หลูเสี่ยวหยาก็อยากให้ผู้ชายคนนั้นได้รับผลการกระทำของเขา

แต่สังคมนี้เป็นระบบอธิบายและใช้หลักฐาน ถ้าคุณไม่มีหลักฐานอะไร ก็ไม่สามารถโน้มน้าวผู้พิพากษาได้

เป่ยฉ่ายเวยเงียบไป สังคมนี้มันโหดร้ายกับผู้หญิงจริงๆ

“เวยเวย เธออย่ารู้สึกผิดไปเลย ต่อไปถ้าเธอทำงานที่นี่ เธอจะต้องเจอคดีร้ายๆอีกมาก” หลูเสี่ยวหาที่ผ่านเหตุการณ์แบบนี้มาแล้วพยายามปลอบใจเธอ

“ฉันเข้าใจแล้ว” แต่เธอก็ยังว้าวุ่นใจอยู่ดี การเป็นทนายที่ไม่สามารถเอาคนผิดเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมายได้ แล้วจะหาความยุติธรรมจากไหนได้อีก?

“ฉันไปจัดการสำนวนคดีก่อนนะ แล้วเจอกัน” หลูเสี่ยวหยารู้ว่าเป่ยฉ่ายเวยต้องใช้เวลาในการปรับตัวกับเรื่องแบบนี้ เธอจึงถือปากกาและสมุดจดเดินออกจากห้องไป

เป่ยฉายเวยต้องการช่วยคุณอย่างมากและยิ่งไปกว่านั้นเธอก็ต้องการต่อสู้เพื่อเด็กห้าขวบคนนั้นด้วย

ด้วยความคิดแบบนี้ เธอต้องคุยกับฉูเจ๋อหยางเพียงคนเดียวเท่านั้น แต่เธอหาโอกาสที่จะเจอเขาไม่ได้เลยทั้งบ่าย อีกเดี๋ยวก็จะเลิกงานแล้วแต่เขาก็ยังไม่มา อาจจะต้องรอคุยกับเขาพรุ่งนี้

หลังจากพรุ่งนี้ คดีความจะถูกเปลี่ยนไปให้อวี๋อานหราน

เป่ยฉ่ายเวยสูดลมหายใจเข้าลึกๆ เพื่อเข้าไปคุยกับฉูเจ๋อหยาง เธอยังไม่ทันได้ลุกขึ้น ก็มีเสียงหนึ่งที่คุ้นเคยดังมาจากด้านหลัง

“เป่ยฉ่ายเวย เธอนี่หน้าด้านจริงๆ ที่ยังกล้ามาทำงานกับหยาง”

ตรงหน้าเธอคือหนานฉิง เมื่อเห็นอย่านั้นแล้วเป่ยฉ่ายเวยก็ตอบเสียงเรียบ “หนานฉิง ฉันต้องทำงานค่ะ”

ทันทีหลังจากนั้น

หนานฉิงจ้องมองเธอย่างดุร้าย และพูดนิ่งๆว่า “อย่าเรียกชื่อของฉัน เธอมันไม่สมควร ถ้าเธอต้องทำงานแล้วทำไมถึงมาทำงานกับหยาง”

“ขอโทษค่ะคุณหนาน ฉันไม่สามารถบอกเหตุผลกับคุณได้” เป่ยฉ่ายเวยเลือกที่จะยอมอดทน

หนานฉิงค่อยๆก้มตัวลงมากระซิบที่ข้างหูเป่ยฉ่ายเวยแล้วพูดอย่างช้าๆ “เหตุผลอะไรหรอ เธอก็แค่คนโง่ที่อยากได้ของที่ไม่ใช่ของตัวเอง เป่ยฉ่ายเวยเธออย่าคิดนะว่าฉันจะให้อภัยเธอ พวกราไปกันเถอะ”

หลังจากที่เธอมั่นใจว่าเป่ยฉ่ายเวยได้ยินสิ่งที่เธอพูดแล้ว เธอก็ยิ้มแล้วค่อยๆยืดตัวขึ้น แล้วเดินออกไปจากบริษัทด้วยท่าทีที่สง่างาม

เป่ยฉ่ายเวยรู้สึกตัวชาเล็กน้อย และดูเหมือนว่าเธอคงไม่มีโอกาสได้พบฉูเจ๋อหยางแล้ว

หลินไห่มองไปที่เป่ยฉ่ายเวยที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ ในมือก็ถือเอกสารคดีความ แล้วพูดอย่างกังวล “เวยเวย จะเลิกงานแล้ว คดีพวกนี้เอากลับไปดูที่บ้านก็ได้”

“อื้อ” เป่ยฉ่ายเวยพยักหน้า แล้วอยู่ๆเธอก็คิดอะไรได้จึงเอ่ยปากถามด้วยเสียงเบาๆ “พี่ไห่ บันทึกคดีความพวกนี้ใครเป็นคนทำคะ?”

“เฮ้ ฉันรู้อยู่แล้วว่าเธอมีแวว” หลินไห่ยิ้มอย่างภาคภูมิใจ “บันทึกคดีพวกนี้ทนายฉูเป็นคนทำ”

“ทำไมเขาต้องไปเป็นผู้จดบันทึกล่ะ” เป่ยฉายเวยด่าว่าเป็นเขาก็จริง แต่จากระดับขั้นของเขาไม่คิดว่าจะมาทำเรื่องเล็กๆแบบนี้

“แน่นอนว่าไม่ใช่ของปัจจุบัน ตอนนั้นบริษัทเพิ่งก่อตั้งขึ้น พนักงานมีไม่พอ เงินทุนก็มีไม่พอ ทนายฉูก็เลยเป็นคนทำบันทึกพวกนี้มานานพอสมควร เพื่อที่จะให้คนมาทำต่อได้เอาไปศึกษาดู นี่ที่ฉันมีแค่ส่วนนึงเองนะ”

สายตาของหลินไห่ดูเหมือนกำลังนึกถึงช่วงเวลาที่ยากลำบากนั้น

เป่ยฉ่ายเวยเข้าใจความรู้สึกนั้น เธอจำได้ว่าตอนนั้นฉูเจ๋อหยางลำบากแค่ไหน เขาต้องออกจากบ้านตั้งแต่เช้า กลับมาถึงบ้านก็มืด แล้วตอนนั้นเขาก็ไม่ได้อาศัยอยู่ที่ที่มีอุปกรณ์พร้อม แต่อาศัยอยู่คอนโดเล็กๆที่แม้แต่ห้องทำงานก็ไม่มีเธอมักจะเห็นร่างสูงนั่งอยู่คนเดียวในห้องอาหาร หันหน้าหาแสงที่ก็ไม่ได้สว่างมาก เพื่อทำหมายเหตุบันทึกสอบสวนคดีเธอเป็นห่วงจึงแอบจัดการเอกสารให้เขาอย่างเงียบๆ เมื่อเห็นเขาเหนื่อยก็จะเตรียมกาแฟไปวางไว้ให้เขาดื่มเธอยังคงจดจำอดีตได้อย่างชัดเจน เมื่อมองย้อนกลับไปเธอยังคงเห็นภาพนั้นได้ชัดเจน“เวยเวย ทนายฉูของพวกเราเนี่ยเป็นคนที่เก่งมาก ทุกๆคนเต็มใจที่จะติดตามและเชื่อฟังเขา” หลินไห่นับว่าเป็นเจ้านายคนนึงในบริษัท เพราะเขาอยู่ที่นี่มาตั้งแต่เริ่มก่อตั้งจนเจริญรุ่งเรืองเหมือนตอนนี้“อื้ม” เป่ยฉ่ายเวยพยักหน้า“เธอก็สู้ๆนะ ฉันชีวิตอาภัพต้องขายแรงงานตัวเองเพื่อให้ได้เงินเลย” พอหลินไห่พูดเรื่องตัวเองก็เริ่มปวดหัว พอจะก้าวเท้าออก แขนเสื้อก็ถูกดึงเอาไว้“เวยเวย เป็นอะไร?”เป่ยฉ่ายเวยมองหลินไห่ด้วยสีหน้าที่เป็นกังวล “พี่ไห่ เมื่อตอนบ่ายฉันกับหลูเสี่ยวหยาไปบันทึกคดีหย่าร้างด้วยกันมา แล้วก็ยังไม่มีหลักฐานอะไรเลย กฎหมายจะใช้ประโยชน์กับผู้ที่ได้รับความเสียหายได้มากแค่ไหนคะ”

copy right hot novel pub

แสดงความคิดเห็น / รายงานปัญหาเว็บไซต์