ตอนที่ 74 พูดแต่ละคำ
“ผมเตือนคุณแล้วว่าให้อยู่ห่างๆผู้ชายคนนั้นหน่อย”
ในพื้นที่อันเงียบสงัด เสียงอันเยือกเย็นของฉูเจ๋อหยางแทรกซึมผ่านตั้งแต่กะโหลกจนถึงแขนขาของเธอ
ทุกเซลล์ในร่างกายแข็งตัว
“ฉันเพิ่งจะรับปากคุณว่าจะปฏิเสธการหมั้น”
“นี่มันแตกต่างกันหรอ” ฉูเจ๋อหยางพ่นลมร้อนใส่ใบหน้าของเธอ เขาควรจะพูดให้มันชัดเจน
เป้ยฉ่ายเวยเบนศีรษะไม่ต้องการที่จะมองหน้าเขา ที่จริงแล้วนอกจากแสงจันทร์ภายนอกหน้าต่าง ก็ไม่สามารถมองเห็นอะไรได้อีกเลย เธอมองไม่เห็นอะไรทั้งนั้น แต่ยิ่งมองไม่เห็นอะไร คนก็ยิ่งตื่นตระหนก
“พูดจบรึยัง ถ้าจบแล้วคุณก็ไปได้แล้ว”
เธอไม่เข้าใจว่าทำไมเมื่อสามปีก่อน เขากลับไม่เคยสนใจเลยว่าเธอจะคบหาสมาคมกับใคร พอจะเลิกถึงเริ่มจะมาใส่ใจ
แน่นอนว่าเธอไม่ได้หว่านเสน่ห์ให้เขามาสนใจ หรือเป็นเพราะว่าเงิน นั่นทำให้เขาโมโหหรอกหรอ
“เป้ยฉ่ายเวย เธอชอบเขาแล้ว” เขาไม่ได้ปล่อยมือจากเธอและยังลดเสียงลงต่ำมาก
เป้ยฉ่ายเวยกำมือแน่น และตอบไม่ตรงคำถาม “จื่อเชียนมีอะไรไม่ดี”
เธอก็ถามใจตัวเองอยู่ ชายที่สุภาพอ่อนโยนดุจหยกอันล้ำค่านั้นไม่ดีตรงไหน
เขาไม่เคยจะกดดันเธอ ไม่ว่าเธอจะทำผิดพลาดอะไรก็ตาม ก็ไม่เคยโมโห ซ้ำยังหาเหตุผลมาแก้ต่างให้เธออีกด้วย
แต่ทำไม ทำไมหัวใจที่เต้นอยู่ยังเรียกร้องหาแต่ชายที่อยู่ตรงหน้า ยังคงตื่นเต้นกับทุกการเคลื่อนไหว
เป้ยฉ่ายเวย เธอที่มันไม่ได้เรื่องจริงๆ
ฉูเจ๋อหยางสบถออกมา “ร่าน”
เพราะว่าเขาเป็นห่วงสุขภาพร่างกายของเธอ แต่ว่าถึงตอนนี้ โอ้ ฉูเจ๋อหยางกลายไปเป็นไอ้ขี้ขลาดอย่างนี้ตั้งแต่เมื่อไหร่
ฉูเจ๋อหยางค่อยๆคลายมือของเป้ยฉ่ายเวยออก เขาก้าวถอยหลังไปหนึ่งก้าว แผ่นหลังอันสูงใหญ่ตั้งตรง ภายใต้แสงจันทร์ดูเหมือนจะหนาวเย็นขึ้นเรื่อยๆ
เป้ยฉ่ายเวยรู้สึกเจ็บปวดในใจ คำที่ออกมาแต่ละคำล้วนทิ่มแทงใจเธอ
“ถ้าฉันร่านแล้วทนายใหญ่ฉูมาทำอะไรอยู่ที่นี่คะ ถ้าหากเป็นเรื่องอย่างว่า ทนายฉูยังรู้สึกว่าไม่พอใช่ไหมคะ เลยอยากจะลองอีกสักตั้ง น่าเสียดายที่วันนี้ฉันไม่มีอารมณ์”
เป้ยฉ่ายเวยสัมผัสได้ว่าบรรยากาศรอบๆตัวนั้นเย็นวาบขึ้นมา
เธอบอกกับตัวเองว่าจะถอยหลังไม่ได้ จะกลัวไม่ได้ แต่มือทั้งสองข้างนั้นกลับผละไปติดกำแพงทางด้านหลังโดยไม่รู้เนื้อรู้ตัว
ใบหน้าอันเย็นยะเยือกของฉูเจ๋อหยาง ดำดิ่งลงในความมืด ดูเหมือนว่าเขาจะอดทนรอที่จะกลืนกินผู้หญิงตรงหน้าเอาไว้ไม่ไหว “เป้ยฉ่ายเวย ลองพูดอีกครั้งซิ”
“ทนายฉูหูหนวกรึยังไง” เป้ยฉ่ายเวยถามอย่างท้าทาย และพูดกับฉูเจ๋อหยางทีละคำทีละคำ “ฉันบอกว่า ฉัน ไม่ ได้ สน ใจ คุณ”
วินาทีถัดมา ความเป็นจริงบอกกับเธอว่าไม่ควรทำให้ผู้ชายที่กำลังล้ำเส้นโมโห
เป้ยฉ่ายเวยถูกโยนลงบนโซฟานุ่มๆ ร่างเธอเด้งขึ้นลงสองครั้ง ทำให้เกิดเสียงดังขึ้น “ฉูเจ๋อหยาง คุณจะทำอะไรน่ะ”
“ว่าไง ไม่เรียกทนายฉูแล้วหรอ” ชายคนนั้นแกล้งแหย่คนที่อยู่ตรงหน้า และผลักร่างอันอ่อนแอของเธอไปที่ขอบ
เป้ยฉ่ายเวยเคว้งอยู่กลางอากาศครึ่งท่อน เธอมองย้อนกลับไปที่เขา
ครั้งนี้เธออาศัยแสงจันทร์อันมืดสลัว เพื่อที่จะมองให้ชัดว่านัยน์ตาของชายผู้นี้น่ากลัวเพียงใด
“ฉู ฉูเจ๋อหยาง คุณออกไปห่างๆฉันหน่อย”
เป้ยฉ่ายเวยรู้ตัวแล้วว่าการยั่วโมโหเขาเป็นเรื่องที่โง่มาก
“เป้ยฉ่ายเวย คุณกลัวหรอ” ยิ่งผู้ชายคนนั้นโกรธ ยิ่งเป็นการยากที่จะเข้าใจ
เป้ยฉ่ายเวยรีบเอาสองมือรวบจับที่วางแขนของโซฟาเพื่อไม่ให้ตัวเองตกลงไป สายตาอันดื้อรั้นไม่ต้องการที่จะจ้องมองเขา
“มีอะไรที่ฉันต้องกลัว แต่ว่าคุณบุกรุกบ้านของคนอื่นเป็นเรื่องที่ผิดกฎหมาย”
ฉูเจ๋อหยางไม่สนใจและคลายเน็คไทที่คอเสื้อตัวเองออก เผยให้เห็นผิวสีข้าวสาลีบนหน้าอก ถ้าหากไม่ใช่เพราะเขาสุขุมลุ่มลึก ใครจะไปคิดว่าเขาเป็นทนาย
เขาเอ่ยปากขึ้นอย่างช้าๆ “ไม่เลวนิ ยังรู้ข้อกฎหมายบ้าง แล้วไงล่ะ”
เป้ยฉ่ายเวยกลืนน้ำลายตัวเองโดยไม่รู้ตัว จ้องมองเขาอย่างระมัดระวัง “ทนายฉูการที่รู้กฎหมายแล้วไม่ปฏิบัติตามนี่มันไม่ดีเลยนะคะ เรื่องนี้อย่างน้อยก็มีโทษจำคุกสามปีเป็นอย่างต่ำ”
“ว่าต่อไปสิ” ฉูเจ๋อหยางยื่นมือดึงเน็คไทออก เขาทำราวกับว่าสูทของตัวเองนั้นเกะกะจึงต้องถอดและโยนไปไว้ข้างหนึ่ง
เป้ยฉ่ายเวยมองเห็นเสื้อผ้าของฉูเจ๋อหยางถอดออกทีละชิ้นทีละชิ้น เหลือเพียงเสื้อเชิ้ตสีขาวบางเท่านั้นที่เผยให้เห็นสัดส่วนรูปร่างของเขา
ตาขนาดปกติของเธอก็ขยายโตขึ้น เขาถอดเสื้อผ้าทำไม
เขาคิดว่าเรือนร่างของตัวเองน่าหลงใหลนักหรือยังไง!!!
“ฉันไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ฉูเจ๋อหยางเข้าใจซะตอนนี้คุณต้องออกไปแล้ว ฉันจะไม่ถือสาหาความ” เป้ยฉ่ายเวยพยายามละสายตาออกจากเขา ใบหน้าอันขาวนวลก็ปรากฏสีแดงระเรื่อขึ้นอย่างไม่สามารถควบคุมได้
ฉูเจ๋อหยางสังเกตเห็นความผิดปกติบนใบหน้าของเป้ยฉ่ายเวย เขาอดอมยิ้มในเงามืดไม่ได้ จนอาจทำให้คนคิดว่าเป็นเพียงภาพลวงตา
ในขณะที่เป้ยฉ่ายเวยกำลังตื่นตระหนกอยู่นั้น ความจริงแล้วเธอไม่มีอารมณ์ที่จะไปใส่ใจ
“ในเมื่อคุณพูดแบบนั้น ถ้าจะไม่ทำอะไรเลย ก็ดูเหมือนว่าเป็นการไม่รักษาน้ำใจคุณ”
“ฉูเจ๋อหยาง คุณหมายความว่ายังไง” เป้ยฉ่ายเวยเริ่มกังวล
ครั้งนี้ฉูเจ๋อหยางไม่ตอบ แต่เขาได้ใช้การกระทำบอกกับเธอ ว่าเขาต้องการจะทำอะไร
เป้ยฉ่ายเวยนิ่งอึ้งเมื่อฉูเจ๋อหยางเอาเน็คไทที่เขาถอดออกมานั้นมามัดมือทั้งสองข้างของเธอไว้ตรงหน้าอก การเคลื่อนไหวนั้นคล่องแคล่วปราดเปรียว ไม่มีสะดุดแม้แต่น้อย
กว่าที่เธอจะรู้ตัวก็ขยับเขยื้อนไม่ได้แล้ว…
“ฉูเจ๋อหยาง ปล่อยฉันนะ ปล่อยเดี๋ยวนี้!!!” เธอเริ่มขึ้นเสียง
เป้ยฉ่ายเวยก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขารูปงาม ปฏิกิริยาของเธอเริ่มเฉื่อยชา
ตอนนี้เธอรู้สึกเหมือนตัวเองเป็นลูกแกะที่กำลังถูกต้อนจนจนมุม และฉูเจ๋อหยางกำลังจับเธอขึ้นเขียง
ฉูเจ๋อหยางพูดอย่างเย็นชา “ไม่ปฏิเสธหรือขัดขืนแล้วรึ”“นี่เป็นการลักพาตัว คุณต้องถูกคุมขังรู้รึเปล่า ธุรกิจทนายของคุณไม่ต้องทำมันแล้วล่ะ” สมองของเป้ยฉ่ายเวยพยายามหาคำมาโน้มน้าวฉูเจ๋อหยาง แต่ว่าเธอก็ยิ่งร้อนรน สมองเธอไม่สามารถคิดได้ทันสิ่งเดียวที่คิดออกมาได้ก็เพียงประโยคเดียวเท่านั้นเป้ยฉ่ายเวยไม่สามารถรักษาอาการสงบนิ่งไว้อีกต่อไปได้ “ฉูเจ๋อหยาง คุณมันบ้า คุณคิดจะทำอะไรกันแน่”ฉูเจ๋อหยางออกแรงกดทับร่างของเขาลง พูดเสียงทุ้มต่ำที่ข้างใบหูของเธอ ช้าๆชัดๆ “ทำคุณ”เป้ยฉ่ายเวยแทบจะระเบิดผู้ชายย่อมไม่อยากเสียหน้า ยิ่งพูดถึงเรื่องบนเตียงด้วยแล้ว ความตกใจของเธอนั้นเหมือนดาวหางที่กำลังพุ่งชนโลกไม่ไม่ ฉูเจ๋อหยางจะต้องถูกอะไรเข้าสิงแน่ นี่เป็นภาพลวงตาใช่ นี่เป็นภาพลวงตาเป้ยฉ่ายเวยปิดตาลงเพื่อหลอกตัวเอง และบอกตัวเองอย่างเงียบๆ ว่าให้รีบตื่นจากฝันร้ายเร็วไม่กี่วินาทีหลังจากที่เธอหลับตาลงนั้น ร่างของเธอก็กระทบกับความเย็น“ฉู ฉูเจ๋อหยาง คุณ คุณเป็นบ้าไปแล้ว” เป้ยฉ่ายเวยรู้สึกว่าตัวเองพูดเสียงสั่นแววตาของฉูเจ๋อหยางเป็นสิ่งที่เป้ยฉ่ายเวยหาคำอธิบายไม่ได้ นัยน์ตาสีดำมืดราวกับหิน มันเหมือนราวกับว่าจะให้เธอสูดดมเข้าไป
copy right hot novel pub