บนท้องถนนในยามนี้มีผู้คนที่เดินไปมาลดน้อยลงมาก มีเพียงแค่เสียงของจักจั่นไม่กี่ตัวที่ดังมาในบางครั้งบางคราวที่มาพร้อมกับเสียงซุบซิบนินทาของผู้คนที่ไม่มีเรื่องอันใดทำเหล่านั้น
“เจ้าดูนี่ไม่ใช่รถม้าของจี้ซื่อจื่อหรอกหรือ?”
“ใช่แล้ว เมื่อครู่นี้ข้าเห็นรถม้าของจี้ซื่อจื่ออยู่ที่ร้านเหวินเสี่ยงเก๋อ นั้นจากที่ไกลๆ
ได้ยินมาว่าคุณหนูกู้ตำหนักมหาเสนาบดีกับคุณหนูใหญ่แห่งตำหนักอ๋องคังยื้อแย่งกระโปรงกันอยู่ที่นั่น ก็ยังคงเป็นคุณหนูกู้ที่ชนะ......”
“ข้าก้ได้ยินมาเหมือนกันว่า ถึงแม้กระโปรงนั่นจะยกให้คุณหนูกู้ แต่จี้ซื่อจื่อนำแม่ปักของตนเองมาทำเสื้อผ้าให้กับคุณหนูใหญ่คังใหม่อีกชุด
เมื่อเทียบกับแม่ปักของจี้ซื่อจื่อ แล้วกระโปรงของเฒ่าแก่ร้านเหวินเสี่ยงเก๋อจะยังนับ ภาษาอะไร!
ถ้าหากว่าให้แม่ปักของจี้ซื่อจื่อมาทำกระโปรงให้ข้าสักตัว ข้าจะไม่เปลี่ยนซักไปตลอดชีวิตเลย!”
“ฮ่าๆ เจ้าเอ่ยออกมาไม่อายเลยเชียวนะ.."
คังเสว่มี่ได้ยินคำพูดของเด็กสาวและหญิงสตรีที่พูดคุย กันในตลาด ร่างกายของนางก็สั่นเทาไปทั้งตัว
ไม่ซักไปตลอดชีวิต จำเป็นต้องบ้าคลั่งถึงเพียงนี้กันเลยเชียวหรือ
แม้ว่ารูปแบบการออกแบบจะไม่ได้ล้าสมัย วัสดุที่ใช้ในการทำเสื้อผ้าก็ราคาสูงลิ่ว แต่มันก็สกปรกได้เช่นกันนะ
นางหันกลับไปมองที่จื้อี้ เขาเอามือข้างหนึ่งเท้าคาง ส่วนมืออีกข้างคว่ำอยู่บนตำรา นิ้วมือเรียวขาวราวกับการแกะสลักหยก ค่อยๆพลิกหน้าหนังสืออย่างช้าๆ ผมสีดำห้อยตกลงมาบนหนังสือ
ราวกับว่าได้สัมผัสการสืบทอดความรู้และวัฒนธรรมประเพณีอันดีงาม เงียบสงัดและสง่างามไม่สามารถบรรยายได้
ไม่แปลกใจเลยว่าเพราะเหตุใดผู้คนถึงพูดว่าจะต้องสวมใส่เสื้อผ้าที่นางตัดของเขาตัดให้ไปตลอดชีวิต
จี้อี้เปรียบเสมือนกับเป็นเทพเซียนในฝันของเหล่าสตรีแห่งยุคสมัยนี้ เขาทำให้แฟนคลับสาวๆเหล่านั้นต่างคลั่งไคล้กันอย่างบ้าคลั่ง
ดูเหมือนจะรับรู้ได้ถึงสายตาที่แวววาวทั้งสองข้างของนางกำลังมองเขาอยู่ จี้อี้เงยหน้าขึ้นมามอง ขนตายาวๆเหมือนกับความหนาของพัดขนนก ที่มันสามารถนำพาลมขนาดย่อมมาได้ กระพริบขึ้นลงเบาๆ ริมฝีปากแดงระเรื่องบางสวยนั้นก็ขยับเล็กน้อย
“เจ้ามองอันใด?”
คังเสว่มี่เห็นความสวยงามของขนตาบนดวงตาของเขานางก็รู้สึกอยากจะดึงขนตาของเขาออกจริงๆ
ขนตาของผู้ชายจะยาวขนาดนี้ยาวเพื่ออันใดกัน!
นิ้วมือของคังเสว่มี่คันยิบๆ แต่ก็ไม่สามารถยกขึ้นไปดึงออกมาได้จริงๆ นางยิ้มกว้าง
“ข้ากำลังมองเจ้าต้นเหตุอันนำมาซึ่งปัญหาว่าทำไมถึงได้ทำให้ผู้คนอยากจะสวมใส่เสื้อตัวเดียวไปตลอดชีวิต”
“ผู้คนกล่าวว่าความงดงามของหญิงสาวทำให้เกิดความวุ่นวายโกลาหลเป็นชนวนให้บ้านเมืองล่มสลายได้
ข้าว่าสาวน้อยเยี่ยงเจ้าก็มิอาจโค่นล้มความเชื่อนี้ได้ เพราะเจ้าก็รวมอยู่ในคนกลุ่มนั้นเช่นเดียวกัน ดังนั้นเจ้าจะไปสนใจทำไม” จี้อี้ยิ้มอย่างไม่สนใจใยดี
นางยกมือขึ้นชี้นิ้วมือที่เรียวของตนไปที่ด้านหน้าของจื้อี้ ดวงตาแคบลงแล้วเอ่ยอย่างจริงจัง
“นั่นมันไม่เหมือนกัน พวกนางล้วนถูกรูปลักษณ์ภายนอกของเจ้านั้นดึงดูด ล่อลวง
ดูแค่รูปลักษณ์ภายนอกอย่างเดียวนั้นย่อมสู้เจ้าไม่ได้ เพราะรูปลักษณ์ของเจ้าก็ยังคงเป็นที่น่าสนใจสำหรับพวกเขา
แต่ข้าผู้นี้ เชี่ยวชาญมากพอที่จะมองผ่านเปลือกภายนอกเข้าไปเห็นแก่นแท้ รู้ว่าเจ้ามันเป็นปีศาจในร่างเทวดา ดังนั้นข้าย่อมไม่มีทางถูกเจ้าทำให้ลุ่มหลงจนหน้ามืดตามัวเป็น ธรรมดา”
จี้อี้ยกคางขึ้นเล็กน้อย มองดูจากด้านข้าง ลายเส้นที่ไหลลื่นสวยงามทำให้ใครคนหนึ่งรู้สึกหายใจ ลำบาก เขายิ้มเล็กน้อยแล้วเอ่ย
"จริงๆแล้ว ข้าก็หวังอยากให้เจ้าเป็นเหมือนกับคนอื่นๆ
ที่ถูกรูปลักษณ์ของข้าทำให้ลุ่มหลงจนหน้ามืดตามัว"
คังเสว่มี่ชะงักเล็กน้ิยนางรู้สึกประหลาดใจจึงเงยหน้าขึ้นไปมองจี้อี้
คำพูดนี้ของเขาดูเหมือนความหมายค่อนข้างที่จะ.......กำกวม?
ถูกชายงามเยี่ยงนี้จ้องมองและเอ่ยคำพูดเยี่ยงนี้ออกมา ดูเหมือนว่าหัวใจข้างในนั้นจะเต้นผิดจังหวะไปเล็กน้อย
จี้อี้มองเข้าไปในดวงตาที่ตกตะลึงเล็กน้อยของนาง เพราะเรื่องนี้ทำให้ใบหน้าเล็กๆของนางปรากฏให้เห็นถึงความน่ารักเป็นพิเศษ
จี้อี้มองแล้วก็รู้สึกว่าเป็นเรื่องที่น่าสนุกเขาจึงเสริมเข้าไปอีกประโยคเพื่อให้นางคิดไม่ถึงว่า
“เป็นเช่นนี้เจ้าจะได้ไม่คิดต่อต้านข้า ในขณะที่ข้ากำลังอ่านตำรา ต้องอดทนกับการก่อกวนที่มาจากสายตาและคำพูดของเจ้า”
คังเสว่มี่ยังคงหยุดอยู่ในท่วงทำนองของประโยคข้างต้น
จากนั้นนางก็ตกตะลึงด้วยประโยคหลังของเขาที่ตามมา
เป็นไปตามที่คิดไว้ไม่มีผิดว่าไม่อาจไปคาดหวังสูงเกินไป สําหรับเจ้าคนเจ้าเล่ห์เพทุบายจี้
นางจ้องมองไปที่เขาอย่างโหดเหี้ยม พยายามที่จะทำให้ดวงตาทั้งคู่ของตนเปล่งแสงแห่งความเกลียดชังออกมา
ทำให้จี้อี้รับรู้ถึงพลังแห่งความเกลียดชังที่มีอยู่ในใจของนาง
จี้อี้ชำเลืองตามองนาง นิ้วมือที่เรียวยาวแตะเบาๆบนหน้ากระดาษ แล้วเอ่ยอย่างเบาๆ
“แต่ว่านึกไม่ถึงว่าเจ้าจะใส่ใจเรื่องของผู้คนถึงเพียงนี้ แม้แต่เสียงวิพากษ์วิจารณ์บนท้องถนนก็ตั้งใจฟังอย่างจริงจังถึงเพียงนี้ เจาะลึกเช่นนี้ ไม่น่าล่ะถึงใช้ผลประโยชน์ได้ดีเยี่ยงนี้"
มองดูที่ตนเองอยากจะปล่อยแสงแห่งความเกลียดชังออกมาแต่มันก็ไม่มีผลดี คังเสว่มี่กระพริบตาเบิกตากว้างแล้วเกิดอาการเจ็บที่ดวงตาเล็กน้อย
รู้ว่าเขากำลังพูดถึงเหตุการณ์ก่อนหน้านั้นว่านางใช้ผลประโยชน์จากคำพูดวิพากษ์ วิจารณ์ของผู้คนก่อนหน้านี้ที่ทำให้กู้เมิ่งเสวียนขายหน้า นางเลยฉีกยิ้มเสแสร้งใส่เขา
"ทำไมหรือ ทำให้คุณหนูกู้ของเจ้าได้รับความเสื่อมเสียจากประชาชน ตอนนี้เจ้าคงจะเจ็บปวดหัวใจมากเลยสินะ?
ก็อย่างว่าจะพูดเยี่ยงไรก็ล้วนแต่เหมาะสมคู่ควรกับเจ้าองค์ชายอันดับหนึ่งกับหญิงงามที่มีความรู้เพียบพร้อมเป็นที่หนึ่ง
ซ้ำยังเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เล็กจนโต วันข้างหน้ายังต้องเป็นพระชายาของเจ้า เจ้าเจ็บปวดหัวใจมันก็ย่อมเป็นเรื่องธรรมดา”
จี้จี้เงยหน้าขึ้นมองนาง ในแววตาหยุดชะงักไปชั่วขณะ
“ความสัมพันธ์ของข้ากับนาง ไม่ได้เป็นอย่างที่เจ้าคิด ”
“อย่างนั้นหรือ? เช่นนั้นพวกเจ้ามีความสัมพันธ์เยี่ยงไรกัน?”
คังเสวมี่ ค่อนข้างให้ความสนใจเล็กน้อย ด้านนอกล้วนพูดว่ากู้เมิ่งเสวียนกับจี้อี้เป็นอย่างนั้นเป็น อย่างนี้
แต่ทว่าวันนี้นางได้เห็นแล้ว มันค่อนข้างจะแตกต่างอย่างยิ่งกับคำพูดจากข่าวลือ พวกนั้น
ถึงแม้นางจะไม่ได้ต่อสู้ในสนามความรักมาสามร้อยสนาม แต่ก็เคยดูละครฉากน้ำเน่ามาบ้าง สะสมประสบการณ์จากภาพยนตร์โทรทัศน์มาเล็กน้อยในตอนที่จี้อี้และกู้เมิ่งเสวียนอยู่ด้วยกัน อารมณ์และความรู้สึกช่างสงบนิ่งไม่มีความแตกต่างอันใดกับตอนที่อยู่กับไป๋หลี่รุ่ยและ ไป๋หลี่เหลียนผู้ชายถ้าหากว่าชอบผู้หญิงคนหนึ่ง เมื่อตอนที่รักผู้หญิงคนหนึ่งแล้วล่ะก็ควรจะให้ความรู้สึกที่แตกต่างจากคนอื่นๆถ้าอิงตามไอดอลละครซีรีส์แล้ว ดวงตาทั้งสองข้างควรจะเปล่งประกายแสง ความรู้สึกตื่นเต้นหวั่นไหว ไม่ปล่อยให้อะไรมากวนใจถึงจะถูกอากัปกิริยาของจี้อี้......ค่อนข้างเมินเฉยจี้อี้เงียบไม่ปริปากดูเหมือนว่าเขารู้สึกว่าคำถามนี้มันยากที่จะตอบสายตาของเขามองตกลงไปที่ปลายนิ้วมือ แสงในดวงตาสะท้อนแสงออกมาอย่างเลือนราง นึกย้อนถึงอดีตในค่ำคืนหนึ่งเมื่อหลายปีที่ผ่านมาเขาเป็นเหมือนเมื่อในอดีต นั่งยองๆอยู่ลำพังเพียงคนเดียวในโลกที่มืดมิดโดยไม่มี ที่สิ้นสุด มองไปบนขอบฟ้าที่มืดครึ้มที่อยู่เหนือศีรษะร่างเล็กๆของเขาขดตัวเข้าหากันจนกลม รับรู้ถึงความอบอุ่นของแขนขาและลำตัวของตนเองที่กอดรัดแน่นที่ส่งต่อความอบอุ่นให้ร่างกาย
copy right hot novel pub