นางขยำผ้าลื่นแน่นรู้สึกขยะแขยงคล้ายมีงูอยู่ในมือ!
เหมาะอะไรกัน เหมาะกับร่างนางอะไรกัน!
คำพูดประโยคนั้นของจี้ซื่อจื่อในเวลานั้นก็คือ เอวของคังเสว่มี่คอดกิ่วเล็กมาก สวมกระโปรงผืนนี้ดูแล้วอ้วน และเอวของนางหนากว่าคังเสว่มี่ถึงจะเหมาะกับ กระโปรงผืนนี้!
หัวใจของกู้เมิ่งเสวียนไม่หยุดที่จะสั่นไหว ฟันกัดที่ริมฝีปากแน่นเพื่อระงับความโกรธแค้นจนเลือดไหลออกมา
นางเป็นหญิงสาวที่มีความรู้ความสามารถเป็นที่หนึ่ง แห่งฉีเทียน
ถึงแม้ว่าจะได้ยินความหมายนี้มาจากจี้ซื่อจื่อ นางก็มิอาจป่าวประกาศออกมาต่อหน้าฝูงชนได้!
นางต้องการเพียงให้ทุกคนเข้าใจว่า นางและจี้ซื่อจื่อเป็นคู่ที่สวรรค์บรรจงสร้างขึ้นอย่าง แท้จริง......
นางหยิบกรรไกรออกมาจากในลิ้นชัก ตัดกระโปรงทีละนิดทีละนิด ขาดหลุดรุ่ยเป็นชิ้นๆด้วยความแค้นเคือง
จี้อี้เดินเข้ามาหามองไปที่คังเสว่มี่แล้วเอ่ย
“ดวงอาทิตย์ร้อนแรงถึงเพียงนี้ เจ้ายังไม่ขึ้นไปบนรถอีก เจ้าเตรียมพร้อมที่จะถูกแผดเผาดำเป็นถ่านหรือยังไง?”
คังเสว่มี่เดินออกมาจากตรงตู้รถนั้น เหลือบมองไปที่รถม้า ภายในตายังคงเต็มไปด้วยความสนใจ
“ใยเจ้ามาเร็วเยี่ยงนี้ ข้ายังวางแผนที่จะศึกษาเกี่ยวกับโครงสร้างรถม้าของเจ้าเพิ่มเติมอยู่อีกสักพัก
ถึงตอนนั้นแล้วข้าคงจะได้ให้คนสร้างรถม้าอิงตามแบบ รถม้านี้ให้ข้าสักคัน!”
ดวงตาของนางดูเหมือนจะเปล่งแสงแวววับสว่างไสวกว่าแสงสีทอง ในขณะที่พูดนิ้วมือนางก็ยังคงคลำอยู่บนตู้รถ
จี้อี้ชะงักเล็กน้อย ถอนหายใจอย่างเงียบๆ ในแววตาคายความสิ้นหวังออกมาอย่างช่วยไม่ได้
เขาคิดว่าเมื่อครู่นี้นางกำลังรอให้เขาขึ้นไปบนรถม้า เขาเข้าใจผิดไปเองจริงๆ
แต่ก็รู้สึกโล่งใจ นางก็เป็นคนแบบนี้มิใช่หรือ? เมื่อครู่ตนเองกำลังคาดหวังอะไรอยู่กัน
ก่อนหน้านี้ที่คังเสว่มี่กำลังสังเกตดูรถม้าอย่างละเอียด ฉวี่ซางก็คอยยืนมองดูอยู่ด้านข้างมาโดยตลอด
เหงื่อเขาออกเล็กน้อย
เวลานี้เห็นซื่อจื่อของตนกำลังเดินเข้ามาแล้ว จึงรีบเข้าไปพูดกับนาง
“คุณหนูคัง บัดนี้ถึงเวลาเที่ยงแล้ว มันตรงกับเวลาที่ดวงอาทิตย์ขึ้นอยู่ตรงกลางพอดี ท่านควรเข้าไปในรถม้าก่อนจะได้ไม่โดนอาการศร้อนจนทำให้ไม่สบายได้”
เสียงของเขาไม่ดังแต่ก็ไม่เบา ลอยเข้าไปตกอยู่ในหูของผู้คนเหล่านั้น และมันก็เป็นจุดไคลแมกซ์ในการเริ่มต้นคลื่นของการ
พูดคุยวิพากษ์วิจารณ์
“ที่แท้นี่ก็คือคุณหนูคังนี่เอง ก่อนหน้านี้ไม่ใช่บอกว่านางทั้งปัญญาอ่อนทั้งโง่เขลา หรอกหรือ
ถึงทำให้องค์รัชทายาททุ่มเทความรักให้กับคุณหนูกู้ ดูตอนนี้แล้ว นางช่างดูเป็นคนฉลาดปราดเปรื่องยิ่งนัก รูปโฉมก็ช่างงดงามยิ่ง.....
“ใช่แล้ว จริงๆแล้วก็ใช้ได้เลย ข้าดูผ่านไปอีกสักสองปี ก็เป็นผู้หญิงที่สวยเลิศล้ำที่สุดคนนึงเลยเชียว...... "
คังเสว่มี่มือจับยืดอยู่บนตู้รถ ฟังผู้คนพูดคุยวิพากษ์วิจารณ์ ใบหน้าเล็กๆก็ฉีกยิ้มจนตาหยีแล้วหันไปมองที่จี้อี้
“ได้ยินหรือไม่ พวกเขาต่างบอกว่าข้านั้นดูดียิ่งนัก! ฮึ!” สายตาของฝูงชนนั้นช่างแหลมคมยิ่งนัก!
“อืม เจ้าช่างงดงามยิ่งนัก ขึ้นรถเถอะ” จี้อี้เหลือบไปมองนางแล้วตรงเข้าไปแบกนางโยน เข้าไปในตู้รถม้า
ฉวี่ซางถอนหายใจยาว เช็ดเหงื่อที่อยู่บนหน้าผาก ซื่อจื่อของเขาถูกผู้คนยกย่องทุกวัน ก็ยังไม่หยิ่งผยองถึงเพียงนี้
โขคดีที่ซื่อจื่อเองก็รู้สึกเหมือนเช่นเดียวกันกับที่เขารู้สึก รีบแบกนางโยนเข้าไปในตู้รถม้าเสียก่อน
มิฉะนั้นผู้คนมาเห็นเข้า ไม่แน่ความประทับใจดีๆที่มีต่อคุณหนูคังเมื่อครู่คงจะสูญสลายไป
“เฮ้ เจ้าโยนข้าเข้ามาทำไม?" คังเสว่มี่มองดูเรือนร่างเล็กๆของตนเอง ถึงแม้ว่าจะยังไม่โตเต็มไว แต่ก็มิอาจมาโยนเรื่อยเปื่อยได้ตามใจเช่นนี้
จี้อี้ยกเสื้อคลุมขึ้นแล้วนั่งลง เหลือบมองไปที่นาง
“มีไม่กี่คนหรอกที่สามารถโอ้อวดยกหางตัวเองอยู่บนถนน ข้ากลัวขายขี้หน้า"
ในตอนที่โยนคังเสว่มี่เข้ามาก็ไม่ได้ตกลงมาแต่อย่างใด จี้อี้โยนนางหล่นลงบนเบาะรองนุ่มๆเท่านั้น นางลุกขึ้นเอนพิงบนเบาะนุ่ม แล้วเอ่ยอย่างไม่เห็นด้วย
“เจ้าคงทนเห็นผู้คนยกย่องข้ามิได้ ข้ารู้ เจ้าอิจฉาริษยาความงดงามของข้าที่เกิดมาโดยกำเนิด มิอาจต้านทานได้ล่ะสิ"
ฉวี่ซางได้ยินประโยคนี้จากด้านนอก เกือบจะสำลักน้ำลายลงในลำคอ ใบหน้าเขาแดงก่ำขึ้น
คังเสว่มี่ นี่ช่างมั่นใจในตนเองยิ่งนัก!
จี้อี้จ้องมองที่คังเสว่มี่ที่กำลังเบิกบานใจอย่างเงียบๆ นำตำราเล่มหนึ่งออกมาจากตู้เก็บหนังสือขนาดเล็ก กดลงไปที่กลไกเกียร์อย่างเบาๆ
ก้มหน้าอ่านหนังสืออย่างเงียบๆไม่พูดไม่จา
ต่างจากหญิงสาวบางคนที่ถูกคนยกยอไปเมื่อครู่นี้ช่างอารมณ์ดียิ่งนัก
ไม่ถือสาเลยสักนิดที่จะมองหน้าของชายท้องดำที่แววตาแฝงไปด้วยความนัยที่ลึกซึ้ง นิ้วมือของนางไม่หยุดที่จะเคาะลงบนรถม้าจากนั้นก็รําพันขึ้น
“เมื่อครู่นี้ข้าสํารวจดูแล้ว รถม้าของเจ้านี้ใช้ได้ทีเดียวเลย เจ้าให้คนมาสร้างอิงตามแบบรถคันนี้ให้ข้าสักคันสิ"
ถ้าหากว่าได้นั่งอยู่ในรถม้าเช่นนี้ ถึงแม้ว่าจะออกไปข้างนอกมันก็ช่างสะดวกสบายยิ่งนัก
ไม่มีรถยนต์ ความเร็วของการแข่งรถ อย่างน้อยก็ขอความสะดวกสบายละกัน
“รถม้าคันนี้เป็นรถที่ให้ช่างฝีมือดีอันดับหนึ่งในใต้หล้า เป็นคนสร้างมันขึ้นมากลไกมากมายต่างๆในนั้นถูกออกแบบโดยเขาเพียงผู้เดียว มีเพียงหนึ่งเดียวไม่มีสองแม้ว่าผู้อื่นจะนำเอารถม้าคันนี้ไปรื้อออก ก็มิอาจทำให้กลับมาอยู่ในสภาพดีได้เหมือนดังเดิม"จี้อี้เปิดตำราขึ้น วางลงบนโต๊ะสั้นๆ ไม่เงยหน้าขึ้นมอง แล้วเอ่ยอย่างช้าๆที่แท้ผู้คนในสมัยนี้ก็รู้จักปกป้องงสิทธิ์ในทรัพย์สินทางปัญญาเสียแล้วคังเสว่มี่รู้สึกผิดหวังเล็กน้อย เดิมทีแล้วนางคิดที่จะให้จี้อี้เอารถม้าให้นางยืม นางไปเชิญช่างฝีมือดีที่สามารถเลียนแบบตัวอย่างได้ แล้วเงยหน้าขึ้นมองไปที่คังเสว่มี่ ใบหน้ามีร่องรอยที่กำลังคิดอะไรอยู่ ดั่งกระแสคลื่นที่ซัดสาด จี้อี้ขยับหน้าเล็กน้อยหลังจากนั้นไม่นาน ก็ถอนสายตากลับไปอ่านตำราที่อยู่ในมือเช่นเดิมคังเสว่มี่ไม่มีอันใดให้ทําจึงยกม่านรถเปิดขึ้นสูงแล้วมอง ออกไปที่ด้านนนอก เห็นเขาอ่านตำราอย่างจริงจังในเวลานี้ดวงอาทิตย์ได้เลื่อนขึ้นไปในระดับท้องฟ้าที่สูงมันเป็นช่วงที่อุณหภูมิของอากาศกำลังร้อนแรงที่สุดของแต่ละวัน
copy right hot novel pub