“ข้าไม่ได้บอกใบ้เป็นนัยๆกับเจ้าน่ะสิ!
เดิมทีแล้วข้าต้องการจะเหยียบเท้าของคังวี่ จิ่นให้เขาทานข้าวดีดี
ข้าต้องขอโทษเจ้าจริงๆนะ ดูสิข้ายังเหยียบรองเท้าเจ้าจนสกปรกอีก”
จี้อี้หยุดชะงักฝีเท้าแล้วหันกลับไปมองที่นาง ในดวงตาไม่แสดงออกถึงความประหลาดใจเลยแม้แต่น้อย เหมือนกับว่าจะรู้ตั้งแต่แรกแล้วว่านางจะพูดเช่นนี้ เขาถอนหายใจแล้วเอ่ย
“เจ้าไม่จําเป็นต้องแก้ตัวแล้ว ข้าดูออก จริงๆแล้วในใจของเจ้าอยากให้ข้าไปส่งเจ้าที่โก๋วจื่อเจี้ยนมาโดยตลอด"
“จี้อี้ ข้าไปบอกใบ้เจ้าตั้งแต่ตอนไหน ในตอนนั้นคังวี่จิ่นนั่งอยู่ข้างๆเจ้า ข้าไม่ได้เล็งดีๆก็แค่นั้น
ถึงแม้ว่าเจ้าจะเกิดมาดูดีนิดหน่อย ก็ไม่ต้องมามั่นใจมากถึงเพียงนี้หรอก!
เจ้าพูดสิ ใยข้าถึงต้องการให้เจ้าไปส่งด้วย!"
คังเสว่มี่เกิดวิงเวียน ในตอนนั้นจี้อี้นั่งอยู่ด้านข้างของคังวี่จิ่น เท้านางข้ามไปโดยไม่ได้เล็ง แต่มันไม่ได้หมายความว่าคนที่นางต้องการจะเหยียบ คือจี้อี้ซะหน่อย
จี้อี้จ้องมองที่คิ้วของนางที่ย่นขึ้น มุมปากของเขาก็ยิ้มเล็กน้อย แสงประกายที่เงียบสงบที่ซ่อนอยู่ในความลึกที่เคลื่อนไหวอยู่ใต้ดวงตาเผยออกมา เขาเอ่ยอย่างช้าๆ
“ข้าจําได้ว่าเจ้าชอบรถม้าของข้ายิ่งนัก น่าจะเป็นว่าเจ้าต้องการจะนั่งรถม้าของข้าไปเรียนกระมัง”
“ไม่ใช่!” คังเสว่มี่ส่ายหน้าเพื่อปฏิเสธ จี้อี้ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อย ดวงตาย้อมไปด้วยหมึกสีดำดูประหนึ่งกับความกว้างใหญ่ไพศาลของมหาสมุทร ที่สามารถดึงดูดใจคนได้
“พูดเยี่ยงนี้แสดงว่าเจ้าไม่ชอบรถม้าของข้าแล้วหรือ? ข้าเห็นว่าเจ้าชื่นชอบรถม้าถึงเพียงนี้ ในใจยังคิดอยู่ว่า คราวหน้าถ้าได้พบกับช่างฝีมือดีอันดับหนึ่งในใต้หล้าผู้นั้น
ข้าอาจช่วยเจ้าพูดให้เขาสร้างรถม้าให้เจ้าสักคัน "
ดวงตาของคังเสว่มี่ส่องแสงสว่างขึ้นในทันใด ตื่นเต้นจนคว้าเข้าที่แขนเสื้อของจี้อี้
“นั่นมันแน่นอนอยู่แล้ว ข้าชอบรถม้าของเจ้า ให้เขาทําให้ข้านะ........ "
นางกำลังพูดจู่ๆความคิดก็แวบเข้ามาในสมองอย่างรวดเร็ว แล้วพูดปฏิเสธทันทีทันใด
“จี้อี้เจ้านี่มัน คาดไม่ถึงเลยว่าเจ้าจะหลอกข้า! เมื่อครู่ที่ข้าเหยียบเจ้า ไม่ใช่ว่าข้าทำเพื่อส่งสัญญาณบอกเจ้าเป็นนัยๆอย่าง แน่นอน แต่จริงๆแล้วข้าเหยียบผิดคน!”
อันตรายยิ่งนัก อีกนิดเดียวก็จะเข้าทางเจ้าอุบายจี้เสียแล้ว เพียงแค่นางเอ่ยว่าชอบรถม้าของจี้อี้จริงๆ
นางก็จะถูกดึงเข้าไปพัวพันกับการจงใจเหยียบเท้าของจี้อี้ เพื่อที่จะนั่งรถม้าของเขาเลยตกกับดักในภาษาพูดของเขา เป็นเพราะว่าชอบรถม้าของเขา
“การตอบสนองก็ยังรวดเร็วดี” มุมปากที่อมยิ้มของจี้อี้คล้ายกับกลีบดอกชบาที่ร่วง หล่นในฤดูร้อน
“คุยกับเจ้า หากการตอบสนองไม่เร็ว อาจถูกเจ้าขายได้ทุกเมื่อ!”
คังเสว่มี่ตบเบาๆที่หน้าอก ในเวลานี้เลือดทั้งหมดในร่างกายเข้าไปในกระเพาะอาหาร
นางไม่ได้อยากจะทะเลาะกับเจ้าอุบายจี้ซะหน่อย
เพราะมันส่งผลกระทบต่อการย่อยอาหาร
จี้อี้เห็นดวงตาทั้งสองของนางมองท้องฟ้า แล้วยิ้มเล็กน้อย
“เจ้าก็ไม่จำเป็นต้องไปส่งข้าแล้ว เส้นทางตำหนักอ๋องคังข้ารู้ว่าไปเยี่ยงไร"
“เช่นนั้นก็ดี เจ้าเองก็ค่อยๆเดินล่ะ”
คังเสว่มี่รีบขานรับ ตอนเที่ยงในฤดูร้อนมักจะทำให้คนง่วงนอน ถ้าไม่ใช่เพราะต้องมาส่งจี้อี้ป่านนี้นางกลับไปนอนอยู่ในลานบ้านแต่นานแล้ว
เมื่อได้ยินคำพูดของจี้อี้ จะเกรงใจอยู่ใย หันหลังกลับและเดินเข้าไปในลานบ้านของตนเองทันที
ฉวี่ซางมองดูคนที่มาส่งแขกโต้เถียงกับซื่อจื่อมาตลอดทาง ทันใดนั้นมาส่งได้ครึ่งทางก็ไปเสียแล้ว งงงันเลยทีเดียว
หลังจากผ่านไปครู่ใหญ่ฉวี่ซางก็หันหลังกลับ เห็นชื่อจื่อของตนเดินไปข้างหน้าแล้ว ก็รีบกระตือรือร้นเดินตามขึ้นไป
คังเสว่มี่กลับมาถึงในลานบ้าน ชวนหลันก็รีบโผเข้าหา ไป๋หลี่เหลียนจัดเตรียมคนให้มาส่งนางมากลับตั้งแต่นานแล้ว
ในตอนนี้เห็นดวงตาคู่หนึ่งของคังเสว่มี่ที่ส่องแสงสว่าง แข่งกับแสงแดด
“คุณหนู ข้าเพิ่งได้ยินมาว่าติงเช่อเฟยถูกท่านเอาชาร้อนสาด ลวก ใบหน้าเต็มไปด้วยตุ่มพุพอง มันเป็นเรื่องจริงหรือไม่เจ้าคะ?"
ถึงแม้ว่าตำหนักอ๋องนี้จะกว้างใหญ่ แต่ข่าวก็ยังคงแพร่กระจายอย่างรวดเร็ว ไม่ถึงหนึ่งเค่อทั่วทั้งตำหนักก็รู้แล้วว่ามีเรื่องเกิดขึ้นที่ห้องโถงบุปผา
นึกไปได้ครึ่งทางก็ตัดไปตอนที่ตนเองไปที่ห้องโถงบุปผา คังเสว่มีพยักหน้า
ก็ไม่รู้ว่าชวนหลันและพวกนางกินข้าวกันหรือยัง?
“ข้ากินข้าวที่ห้องโถงบุปผามาเรียบร้อยแล้ว พวกเจ้าแก้ไขปัญหาด้วยตัวเจ้าเอง ตอนนี้ข้าต้องการนอน ผู้ใดก็ห้ามมารบกวนข้า"
“เจ้าค่ะ คุณหนู” ขวนหลันขานรับแล้ว หลังจากที่ช่วยคังเสว่มี่ ล้างหน้าล้างมือเสร็จก็ถอยกลับออกมาไป
คังเสว่มี่นอนอยู่บนเตียง มองดูกิ่งไม้ที่ด้านหน้าของหน้าต่างสั่นไหวโยกไปโยกมา ทําให้เกิดเสียงขึ้นมาเล็กน้อย แล้วก็นึกขึ้นได้ว่าคืนนี้คนชุดดำจะมา
พลังภายในอันบริสุทธิ์ที่นางมีในครอบครอง ทำให้จี้อี้และไป๋หลี่รุ่ยทั้งสองคนต่างอุทานด้วยความตื่นตะลึง
แต่นางค้นหาความทรงจําของร่างเดิม ก็จำไม่ได้ว่ามีศิลปะการต่อสู้อันใด สถานการณ์เช่นนี้ช่างน่าเหลือเชื่อยิ่งนัก
นางไม่รู้ว่า ความสามารถของร่างกายนี้ใยถึงได้มีความลับมากมายถึงเพียงนี้และยังมีความทรงจำลึกลับไม่สามารถอธิบายได้ที่สูญหายไป นี่มันเกิดอันใดขึ้น
ความรู้สึกของร่างเดิมคังเสว่มี่ที่มอบให้กับนาง มันไม่เหมือนคนที่ปิดตัวเองที่ทั้งโง่เขลาทั้งปัญญาอ่อนจริงๆ
ด้านอุปนิสัยยิ่งไม่ต้องพูดถึง พลังภายในของร่างกายนี้ไม่ใช่ธรรมดา
นางก็ไม่ใช่เทพเจ้านาจา ซุนหงอคง จากเนื้อในก้อนกลมๆ กระโดดออกมาจากในก้อนหิน มันเป็นไปไม่ได้จริงๆที่จะได้รับจากสวรรค์
คังเสว่มี่ถอนหายใจเล็กน้อย ดูว่าคืนนี้ชายชุดดำจะกลับมาอีกหรือไม่
ครั้งนี้
นางมีความมั่นใจว่าจะสามารถติดตามเขาไปได้ จะไม่ให้คลาดหายกลางคันอีกเป็นแน่
เวรกลางคืนที่ไร้เสียง ภาพเงาของคนบินอยู่ใต้คืนเดือนเพ็ญ เหมือนควันบุหรี่ในความมืดยามราตรี มลายหายไป ในที่สุดก็หยุดลงที่ด้านหน้าของบ้าน
เสียงนกประหลาดหลายเสียงลอยออกมาจากปากของเงาคน ประตูบ้านเปิดออกอย่างเงียบๆ
ทุกอย่างในนี้ดูธรรมดามาก ถ้าหากคนผ่านมา ก็แค่คิดว่า
มีเพียงผู้ที่พลังภายในแข็งแกร่งเหนือชั้นเท่านั้นจึงจะสามารถมองเห็นได้
ในหมู่บ้านนี้มีอย่างน้อยยี่สิบยอดผู้ฝีมือดีชั้นเซียนซุ่ม ซ่อนอยู่รอบๆหลังจากที่เงาคนเข้าไปในห้อง
ก็คุกเข่าลงคารวะแล้วเอ่ย “หัวหน้าไป๋!”ผู้ที่ยืนอยู่หันกลับมาอย่างช้าๆ ใบหน้าที่ไม่ชัดเจนในความมืด แต่สามารถมองเห็นแสงที่สะท้อนประกายแวววับจาก ดวงตาคู่นั้น น้ำเสียงที่หนักแน่น ราวกับหินก้อนใหญ่กดลงที่ลำคอของเขา“เมื่อวานใยเจ้านายน้อยถึงไม่มาที่นี่?”ระหว่างที่เขากำลังพูด ก็มีแรงกดดันที่ส่งผ่านออกมาโดยไม่รู้ตัวแพร่กระจาย ไปรอบๆนั่นคือยอดฝีมือที่มีวรยุทธใช้พลังลมปราณภายในไหลซึมออกมาทันใดนั้นหลังของผู้ที่คุกเข่าก็โค้งลงไปอีกเล็กน้อย“เมื่อคืนข้าน้อยก็ยังคงนำนายน้อยไปที่ศาลตาม สัญญาณลับก่อนหน้านี้แต่ว่าในระหว่างครึ่งทางนั้น ข้าน้อยพบว่าวิชาตัวเบาของนายน้อยดูเหมือนว่าจะ ไม่ใช่วิชาที่ถูกถ่ายทอดออกมาจากข้าเอง แต่เป็นวิธีการเคลื่อนไหวฝีเท้าอีกประเภทหนึ่งที่มีความประณีตข้าน้อยรู้สึกแปลกๆ เลยหยุดลงชั่วขณะ ที่น่าแปลกใจก็คือ นายน้อยก็หยุดลงด้วยเช่นกันและยิ่งกว่านั้นภายในชั่วพริบตาเดียว ร่างทั้งร่างเหมือนกับว่าสูญเสียพละกำลังภายในไปซะอย่างงั้น ร่วงตกลงไปที่ชายคาบ้านข้าน้อยเกิดรู้สึกผิดปกติขึ้นในใจ เกรงว่าจะเป็นผู้อื่นที่ปลอมตัวมาเป็นเจ้านายน้อย
copy right hot novel pub