ข้าน้อยเกิดรู้สึกผิดปกติขึ้นในใจ เกรงว่าจะเป็นผู้อื่นที่ปลอมตัวมาเป็นเจ้านายน้อย
ดังนั้นจึงซ่อนตัวติดตามสังเกตดูอยู่ข้างๆ พบว่านายน้อยถูกคนไล่ล่ามาตลอดทาง แม้แต่ศิลปะการต่อสู้ก็ก็ไม่ใช้ เอาแต่ตื่นตระหนกและวิ่งหนี!”
หัวหน้าไป๋ดูเหมือนว่าจะได้ยินคำพูดอะไรบางอย่างที่ ไม่น่าเชื่อ ดวงตาเสือจ้องมอง แล้วเอ่ยเพื่อยืนยันให้แน่ชัดอีกครั้ง
“เจ้ากำลังบอกว่า เมื่อคืนแม้แต่วิชาตัวเบานายน้อยก็ใช้ไม่เป็น? ถูกคนตามไล่ล่าตลอดทาง?”
เงาคนที่คุกเข่าเอ่ยตอบกลับมาอย่างแน่ใจ
“ใช่ขอรับ ข้าน้อยมิบังอาจพูดโกหกอย่างแน่นอน ด้วยเพราะเหตุนี้ ดังนั้นข้าน้อยจึงมิได้ปรากฏตัวขึ้นอีกเลย
ต่อมานายน้อยได้ตกอยู่ในที่นั่งลำบากจึงวิ่งหลบหนี เข้าไปในอาคารเล็กๆขององค์ชายหก ข้าน้อยกลัวว่าองค์ชายหกจะพบเข้า จึงไม่ได้ตามเข้าไปอีก!”
หัวหน้าไป๋เอ่ยถาม “แล้ววันนี้ล่ะเจ้าได้ไปตรวจสอบดูแล้วหรือยังว่าเกิดเหตุสุดวิสัยอันใดขึ้น กับนายน้อยหรือไม่?”
“วันนี้ข้าน้อยเห็นนายน้อยอยู่ไกลๆติดตามองค์ชายหก องค์รัชทายาท และจี้ซื่อจื่ออยู่ด้วยกันที่ด้านนอก
วรยุทธของจี้ซื่อจื่อล้ำลึกมิอาจหยั่งรู้ได้ ข้าน้อยเลยยิ่งเว้นระยะห่างมากขึ้น เลยทําให้มองเห็นได้ไม่ชัดเจน
แต่การอากัปกิริยาของนายน้อย ดูเหมือนจะแตกต่างจากในวันปกติยิ่งนัก
ถึงขนาดไปทะเลาะโต้เถียงกับลูกสาวของกู้เฉิงเสี้ยงที่ ร้านหวินเสี่ยงเก๋อ
หลังจากนั้นข้าน้อยก็ได้ไปสืบดูจากคนอื่นๆ คนรอบๆบริเวณนั้นพูดกันว่า นายน้อยฉลาดปราดเปรียวสวยงามอ่อนช้อย เปลี่ยนเป็นคนน่ารัก"
เมื่อได้ยินคำพูดทั้งแปดพยางค์นี้ สีหน้าของหัวหน้าไป๋เกือบจะต้านทานการเปลี่ยนแปลง ไม่ได้
“ฉลาดปราดเปรียวสวยงามอ่อนช้อย เปลี่ยนเป็นที่น่ารัก ที่เจ้าพูดมาคือนายน้อย?”
“ขอรับ!”
หัวหน้าไป๋จ้องเขม็งด้วยสายตาว่างเปล่าไปที่เงาคนที่คุกเข่าอยู่ ลูกตานิ่งไม่ขยับแม้แต่นิด เป็นเวลานานที่เขาไม่ปริปากพูดอันใด
จนกระทั่งเงาคนที่คุกเข่าอยู่ทั้งตัวเปียกโชกไปด้วยเหงื่อ
ยับยั้งการสั่นกลัวไว้ในใจพร้อมเสนอข้อคิดเห็นด้วยน้ำ เสียงที่เบา
“หัวหน้าไป๋ เกี่ยวกับความผิดปกติของนายน้อย ต้องรายงานให้เจ้าสำนักทราบหรือไม่?”
หัวหน้าไป๋ขยับใบหน้าเล็กน้อย เผยให้เห็นความซับซ้อนที่อยู่ในแววตาออกมา
เจ็ดปีก่อนตอนที่เขาเข้าร่วมสำนักหยินเส็ง แม้ว่าเขาจะถือว่าเป็นส่วนหนึ่งของหัวหน้าพิธีกรรม ตอนนั้นนายน้อยก็อยู่ในสำนักแล้ว ก็ไม่ได้อยู่ในสำนักตลอดเวลา
แต่ว่าเนื่องจากสถานที่ที่นายน้อยใช้อยู่อาศัยอยู่ ภายในเขตพื้นที่ปกครองของเขา สําหรับการเริ่มต้นนี้ตั้งแต่ทารก นายน้อยก็ถูกยอมรับจากเจ้าสำนักให้เป็นลูกศิษย์ และเขายังรู้อะไรบางอย่าง
มีข่าวลือว่านายน้อยขาดอารมณ์ทั้งเจ็ด กิเลสทั้งหกประการตั้งแต่วัยเด็ก ร้อยปีสีหน้าไม่ไหวติงราวกับภูเขา ไม่เห็นดีใจและความโกรธ
หนึ่งปีเวลาส่วนใหญ่นางไม่ได้อยู่ในสำนัก
แต่อยู่กับพ่อแม่นางในตำหนักอ๋องคัง
แต่ทว่าผู้คนทุกคนที่อยู่ในสำนักเมื่อตอนที่เจอนางก็ น้อยมากที่จะเห็นนางมองหน้าใครสักคนหรือปริปาก พูดออกมา
แต่เจ้าสำนักโปรดปรานนางยิ่งนัก ในการสอนพื้นฐานสามารถเรียกได้ว่าดูแลอย่างใกล้ชิดไม่คลาดสายตาแม้แต่ก้าวเดียว
ตั้งแต่เล็กก็พานางมาไว้ข้างกาย เกือบจะกล่าวได้ว่าเป็นสมบัติล้ำค่าที่มีชีวิตอยู่ในอุ้งมือ ของเจ้าสํานัก
นายน้อยไม่ถามถึงกิจการอื่น พลังทั้งหมดทั้งมวลล้วนเอามาร่ำเรียนวรยุทธ ฝึกศิลปะการต่อสู้
และตัวนางเองก็เป็นคนที่มีพรสวรรค์ในการเรียนวรยุทธคนหนึ่ง
วิทยายุทธที่เหล่าสำนักอื่นๆต้องใช้เวลาในการไป ศึกษาเจาะลึกเป็นเวลาแปดปีสิบ
เมื่ออยู่ในมือนาง ภายในเวลาหนึ่งปีก็สามารถไปจนถึงระดับบนได้
เพื่อเพาะเลี้ยงนางออกมา ท่านเจ้าสำนักได้เสาะแสวงหาและรวบรวมหนังสือล้ำค่า ศิลปะการต่อสู้ที่ยอดเยี่ยมที่สุดในใต้หล้าให้นางร่ำเรียนและศึกษาอย่างเจาะลึก
ตั้งแต่เด็กคู่ประลองยุทธของนาง ก็มีเพียงผู้เดียว
นั่นก็คือท่านเจ้าสำนัก
ไม่มีผู้ใดรู้ว่าวิทยายุทธของนางนั้นในที่สุดแล้วเป็น เยี่ยงไร ไปถึงระดับไหนแล้ว แต่มีอยู่เล็กน้อยที่ไม่ต้องสงสัยเลย
นายน้อยมิใช่คนที่จะไม่ใช้วิชาตัวเบาแน่นอน ต่อให้เป็นคนที่ตกลงมาจากครึ่งทาง
ระดับวรยุทธ์เยี่ยงนี้ แม้แต่สำนักธรรมดาก็สู้ไม่ได้ หัวหน้าไป๋ไตร่ตรองอยู่ครู่หนึ่งก็ปริปากพูด
“ในวันธรรมดาตอนที่นายน้อยไม่อยู่ หนิงชิงผู้ที่รับผิดชอบแปลงร่างแสร้งทำเป็นนายน้อย เจ้าติดต่อเขาไปแล้วหรือยัง?”
ในวันปกติตอนที่นายน้อยถูกพาตัวไปอยู่ข้างกายเจ้าสำนัก
นั่นคือลูกศิษย์ในสำนักที่แต่ตัวแสดงเป็นนายน้อยอยู่ที่ กําหนักอ๋องคัง
“ติดต่อแล้วขอรับ นายน้อยในคืนนั้นก็มิใช่หนิงชิงที่ปลอมตัวมา"
หลังจากที่หัวหน้าไป่นิ่งเงียบไปสักครู่ใหญ่ก็เอ่ยออกมา “เจ้าคอยสังเกตการณ์ต่อไป ตรวจสอบหาสาเหตุที่แท้จริงว่านายน้อยถูกคนสลับตัวหรือยังมีสถานการณ์อื่นอีก
ส่วนเรื่องที่เหลือ ข้าจะไปอธิบายกับเจ้าสำนักเอง”
“ขอรับ ข้าน้อยรับทราบ” หลังจากที่เงาคนนั้นตอบรับค่า ก็กลับออกไปเงียบๆอีกครั้ง
ลมยามค่ำคืนพัดมาจากหน้าต่าง สัมผัสถึงความเย็นจางๆเล็กน้อย
คังเสว่มี่ตื่นตัวจากการหลับ ตั้งหน้าตั้งตารอการมาถึงของชายชุดดำแต่น่าเสียดายที่คืนนี้ นอกจากดวงจันทร์ที่บดบังขอบฟ้าไปครึ่งหนึ่ง และยังมียุงอีกไม่กี่ตัวที่บินเข้ามาต้องการจะดูดกินเลือดของนาง นอกนั้นก็ไม่พบอะไรเลยตาทั้งสองข้างอดหลับอดนอนจนตาปูดตาบวม คังเสว่มี่ถูกชวนหลันกระตุ้นให้ลุกขึ้นจากเตียง ดวงตาที่ปิดไปครึ่งหนึ่งล้างหน้าอย่างงุนงง“โอ๊ย น้ำเย็นเย็น!”ผ้าเช็ดหน้าที่วางอยู่บนความเย็น เย็นจนถึงขีดสุด คังเสว่มี่ตะโกนร้องลั่นออกมา ดึงผ้าเช็ดหน้าที่อยู่บนหน้าออก“ชวนหลัน เจ้าต้องการให้ข้าแข็งตายหรือไง?” ชวนหลันรับเอาผ้าเช็ดหน้าที่นางโยนทิ้งมา แล้วอธิบายอย่างระมัดระวัง"คุณหนู ชวนหลันเห็นว่าท่านจนถึงตอนนี้แล้วตาก็ยังลืมไม่ขึ้น ท่าทางที่สามารถจะล้มลงนอนอีกได้ทุกเมื่อ รอจนไปถึงในวิทยาลัย ถ้าหากให้คนเห็นท่าทางที่ง่วงเหงาหาวนอนของท่านไม่แน่ว่าท่านอาจสร้างความประทับใจที่ไม่ดีไว้ให้กับ อาจารย์ก็เป็นได้ข้าตั้งใจให้คนไปตักน้ำที่ในบ่อน้ำเป็นพิเศษ ให้ท่านล้างหน้า ดูเหมือนว่าจะมีชีวิตชีวาขึ้นมาหน่อยแล้ว"คังเสว่มีลูบความเย็นบนใบหน้าเล็กๆ ทั้งหมดเมื่อครู่นั้นถึงแม้ว่าจะมีความเย็นที่ค่อนข้าง รุนแรงแต่มันทำให้รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาทันที
copy right hot novel pub